จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 200
บทที่ 200 ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงของกู้หยุนหลัน หลี่โม่รีบส่งสายตาให้หารลี่เฉิงกับหัวหน้าซุนทันที
หารลี่เฉิงกับหัวหน้าซุนเป็นคนมีไหวพริบ จึงเข้าใจทันทีว่าหลี่โม่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ทั้งสองพยักหน้าให้หลี่โม่เพื่อบอกว่าเข้าใจ
“คุยเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันน่ะ คุณหานกับคุณซุนทำเกี่ยวกับอาหาร ผมขอคำแนะนำการทำธุรกิจด้านร้านอาหารจากพวกเขา”
กู้หยุนหลันมองหารลี่เฉิงกับหัวหน้าซุน การแต่งกายของทั้งสองคนทำให้เธอสงสัย
“ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นหัวหน้าเชฟครับ ตอนนี้ลูกศิษย์ของผมทำอาหารให้งานเลี้ยงระดับชาติ นายเรียนรู้จากฉัน ต้องเป็นเชฟที่ดีได้อย่างแน่นอน” หัวหน้าซุนยิ้มยิงฟันแล้วพูดออกมา
หารลี่เฉิงทำท่าหั่นผักแล้วพูดว่า “กลับไปเริ่มฝึกการใช้มีดก่อน ทำตามที่เราบอกนาย ขอแค่นายฝึกฝนอย่างหนัก การเปิดร้านอาหารเองก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรอีกแล้ว”
เห็นทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยมของทั้งสองคน หลี่โม่จึงยืนขึ้นแล้วเอ่ยออกมาว่า “ขอบคุณคำแนะนำของทั้งสองท่าน ไว้ว่างๆ พวกเราค่อยมาคุยกันอีกนะครับ”
“ได้เลย พวกเราก็จะกลับแล้ว ไว้คุยกันใหม่”
หัวหน้าซุนกับหารลี่เฉิงออกไปด้วยกัน กู้หยุนหลันมองหลังของทั้งสองคนแล้วพูดว่า “นายเรียนทำอาหารกับเชฟ จะเปิดร้านอาหารเหรอ”
“ผมไม่มีความคิดนั้นหรอก ผมแค่อยากหาความรู้ด้านการทำอาหาร จะได้ทำอาหารให้คุณทานได้เยอะๆ ไง”
กู้หยุนหลันยิ้มหวานแล้วกลอกตามองบนใส่หลี่โม่ “ฉันนัดทานข้าวกับคุณหลี่ เถ้าแก่จ้าวแล้วก็คุณหลินไว้เรียบร้อยแล้ว จะเจอประธานของบริษัทยาในเมือง และนำผลิตภัณฑ์เข้ามาในเมืองเอก นายไปรอพวกเขากับฉันสิ”
“ได้”
หลี่โม่ยืนเป็นเพื่อนกู้หยุนหลันอยู่ที่หน้าประตูโรงแรมถังซ่ง รถเบนซ์สองสามคันขับเข้ามาจอดอยู่ใต้ตึกถังซ่ง ประตูรถเบนซ์แต่ละคันถูกเปิดออกคุณหลี่ เถ้าแก่จ้าวและคุณหลินลงมาจากรถ
คนที่เดินนำมาเป็นคนแรกคือเถ้าแก่จ้าว เขาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พุงของเขายื่นออกมาเล็กน้อย เมื่อพุงกระเพื่อมหัวเข็มขัดหนังหลุยส์วิตตองขนาดใหญ่ส่องสว่างภายใต้แสงไฟ
หัวเข็มขัดเพชรหลุยส์วิตตองคือเครื่องประดับที่เถ้าแก่จ้าวพึงพอใจที่สุด เพราะคิดว่าหัวเข็มขัดหนังชิ้นนี้บ่งบอกฐานะของเขาได้ดีที่สุด
คนที่สวมเสื้อผ้าแบรนด์หรูระดับชาติอย่างคุณหลี่และคุณหลินก็เดินตามมาติดๆ รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของทั้งสามคน พวกเขาเดินเข้ามาหากู้หยุนหลันด้วยท่าทีสง่างามและดูมีการศึกษา
เมื่อเห็นหลี่โม่ที่ยืนอยู่ข้างกู้หยุนหลัน ความไม่สบอารมณ์ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของทั้งสามคน
“ประธานกู้มาเร็วจัง ให้สาวสวยอย่างคุณมารอพวกผม ทำให้พวกผมรู้สึกได้รับความสำคัญอย่างมากเลยนะครับ”
“เถ้าแก่จ้าวก็พูดเกินไป พวกเราเป็นหุ้นส่วนกัน ใครจะรอใครก็เหมือนกัน” กู้หยุนหลันพูดตามมารยาท
“ไม่เหมือนกันสิครับ แต่ว่าท่านประธานกู้พาท่านนี้มาด้วย เกรงว่าจะไม่เหมาะเท่าไรนะครับ วันนี้พวกเราจะคุยเรื่องสำคัญ คนที่เอาแต่เกาะผู้หญิงกินจนมีชื่อฉาวโฉ่อย่างเขา เกรงว่าจะทำให้คุณโอหยางที่มาจากเมืองเอกเข้าใจผิดน่ะสิครับ”
คุณหลี่ปรายตามองหลี่โม่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณโอหยางที่มาจากเมืองเอก เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและเฉียบขาด เขาไม่ชอบอะไรที่ไม่ได้เรื่อง ผมว่าประธานกู้ให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับไปก่อนเถอะครับ”
“วันนี้เราบอกว่ามาทานข้าว แต่อันที่จริงเรามาคุยเรื่องสำคัญ ไม่ควรเอาคนในบ้านมาด้วยนะครับ ถ้าเมื่อไหร่จัดงานเลี้ยงฉลอง ประธานกู้ค่อยพาคนในบ้านมาก็ยังไม่สายนะครับ” คุณหลี่เป็นคนสุดท้ายที่พูดขึ้น
คำพูดของหุ้นส่วนทั้งสามทำให้กู้หยุนหลันข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่
แต่เมื่อคิดถึงงานเลี้ยงด้านธุรกิจที่กำลังจะจัดขึ้น กู้หยุนหลันจึงทำได้เพียงให้หลี่โม่ถูกข่มเหง
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่อย่างรู้สึกผิด หลี่โม่ยักไหล่แล้วพูดว่า “งั้นผมกลับก่อน”
เมื่อเห็นแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวของหลี่โม่ ในใจของกู้หยุนหลันก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
รถยนต์แบรนด์โรลส์-รอยซ์เคลื่อนตัวเข้ามาจอด คุณหลี่เดินเข้าไปเปิดประตูรถแล้วยิ้มอย่างประจบประแจง “คุณโอหยาง คุณลงจากรถระวังด้วยนะครับ”
“ระวังอะไร ฉันไม่ใช่คนแก่อายุเจ็บแปดสิบปีสักหน่อย ประธานกู้ล่ะ ไม่ใช่ว่ายังไม่มานะ” คุณโอหยางลงรถพลางเอ่ยถาม
แววตาของคุณหลี่เป็นประกาย สีหน้าของเขาดูไม่ชอบมาพากล “ประธานกู้มารอคุณตั้งนานแล้วครับ”
คุณโอหยางลงจากรถ ชายอายุสี่สิบกว่าปีในชุดสูทที่ทำด้วยมือ เขาเดินเข้าไปหากู้หยุนหลันพร้อมใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม
“ประธานกู้ เมื่อจากกับคุณครั้งก่อน ผมคิดถึงคุณมาก” คุณโอหยางยื่นมือขวาออกมา นาฬิกาแบรนด์ปาเต็ก ฟิลิปป์รุ่นลิมิเต็ดประดับอยู่บนข้อมือของเขา มันส่องแสงสะท้อนเข้าตาของคุณหลี่และคนที่เหลือ
นั่นเป็นนาฬิกามูลค่าสูงถึงสิบล้าน ผลิตแค่หนึ่งร้อยเรือนเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาที่มีมูลค่าการลงทุนมากที่สุด ถูกยกย่องให้เป็นที่หนึ่งในอาณาจักรเครื่องบอกเวลา
ปกติแล้วคุณโอหยางจะไม่สวมนาฬิกาเรือนนี้ แต่ว่าเขาอยากแสดงความร่ำรวยของตัวเองให้กู้หยุนหลันเห็น จึงสวมนาฬิกาเรือนนี้มา
แต่ทว่ากู้หยุนหลันไม่ได้สนใจนาฬิกาเรือนนั้น เธอยืนมือออกไปจับมือคุณโอหยางเพียงผิวเผิน “เชิญข้างในค่ะคุณโอหยาง จองห้องอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นห้องที่คนไม่พลุกพล่านตามที่คุณต้องการ”
“โอเค ดีเลย ประธานกู้จัดการได้ดีจริงๆ”
คุณโอหยางยิ้มไม่หุบ เขาเดินเคียงคู่กู้หยุนหลันเข้าไปในโรงแรมถังซ่ง คุณหลี่ เถ้าแก่จ้าวและคุณหลินเดินตามหลังต้อยๆ
ภายใต้ร่มไม้ที่ไม่ห่างจากโรงแรมถังซ่ง หลี่โม่ยืนมองกู้หยุนหลันและคนพวกนั้นเดินเข้าไปในโรงแรม เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเดินตามเข้าไป
ผู้จัดการหวังเห็นหลี่โม่กลับมาอีกครั้ง จึงถามอย่างนอบน้อมว่า “สวัสดีครับหัวหน้า”
“คนที่เพิ่งมาเมื่อกี้ ไปห้องอาหารไหน” หลี่โม่ถามขึ้น
“ห้องดอกท้อครับ ห้องมุมชั้นสองครับ เป็นห้องที่คนไม่พลุกพล่าน ห้องข้างๆ ก็ว่างอยู่พอดีครับ”
ผู้จัดการหวังมีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง เขาพอจะเดาได้จากคำถามของหลี่โม่ว่าต้องการจะตามเข้าไป
“พาฉันไปหน่อย” หลี่โม่เอ่ยขึ้น
“ได้ครับ”
ผู้จัดการหวังพาหลี่โม่เดินขึ้นไปด้วยท่าทางคล่องแคล่ว และนำชาออกมารินรอให้หลี่โม่นั่งลง
หลี่โม่โบกมือไปมา ผู้จัดการหวังจึงออกจากห้องไปและปิดประตูลง
ภายในห้องอาหารที่อยู่ข้างๆ กินดื่มกันพอสมควร คุณโอหยางกับเถ้าแก่จ้าวนั่งอยู่ด้านซ้ายและขวาของกู้หยุนหลัน คุณหลี่กับคุณหลินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ผมชื่นชมผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองแบบคุณนะ มีความกระตือรือร้นในการทำงานและทำงานอย่างหนัก แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือหน้าตาสะสวย ผมเห็นครั้งแรกก็หลงเสน่ห์แล้ว หลังจากที่ผมกลับไปก็เอาแต่คิดถึงคุณจนนอนไม่หลับ” คุณโอหยางพูดด้วยความเมา เขายกมือขวาขึ้นหวังจะจับข้อมืองามของกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณโอหยาง กรุณาให้เกียรติกันด้วยค่ะ”
“ให้เกียรติ? นี่ผมยังให้เกียรติไม่พอเหรอ ผมอดทนมาหลายวันก็เพื่อคุณ พอรู้ว่าคุณจะลงทุน ผมก็ให้พวกเขามาลงทุนกับคุณ พอรู้ว่าคุณจะนำเข้าสินค้า ผมก็มาหาคุณพร้อมสัญญา นี่มันน่าจะมากพอแล้วนะ” คุณโอหยางพูดอย่างไม่สบอารมณ์ และรู้สึกว่ากู้หยุนหลันไม่ไว้หน้าเขา
“เพราะสาวงามแบบคุณ ผมถึงยอมจ่ายมากขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่น อย่างมากก็แค่สามถึงห้าแสนห่อต่อเดือนเท่านั้น คุณดูความจริงใจที่ผมมีให้คุณสิ ฟ้าดินก็เป็นพยานได้สำหรับสัญญานี้”
คุณโอหยางยื่นมือไปที่ใบหน้าของกู้หยุนหลัน หญิงสาวหลบและตวาดออกมาว่า “ขอโทษด้วยนะคะคุณโอหยาง คุณดื่มเยอะไปแล้ว ฉันขอออกไปเช็กบิลก่อน”