จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 224
บทที่ 224 ใครเรียกชื่อผม!
หลี่โม่ที่พักฟื้นอยู่ในบ้านกำลังดูข่าวต่างๆ จากโทรศัพท์มือถือ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งไปอีกหน้าซึ่งเป็นภาพสายเรียกเข้า
เฉียวเจิ้งหลงที่ถูกเมมไว้เป็นชื่อของผู้ติดต่อได้ปรากฏขึ้นบนหน้าเจอของเขา
หลี่โม่กดรับสายและจากนั้นน้ำเสียงที่ค่อนข้างเคารพของเฉียวเจิ้งหลงก็ดังขึ้นในสาย
“คุณหลี่ครับ ผมเฉียวเจิ้งหลงเองครับ”
“อ้อ”
หลี่โม่ตอบสั้นๆ เพื่อบ่งบอกว่าเขารู้จัก
เฉียวเจิ้งหลงไม่ได้ถือสาแต่กลับพูดอย่างมีความสุขว่า “คือว่าผมกำลังจะจัดงานประมูลขึ้น ไม่ทราบว่าคุณจะพอมีเวลามาร่วมงานด้วยกันไหมครับ”
โดยปกติแล้วคนทั่วไปจะไม่ถูกเชิญให้เข้าร่วมงานประมูล แต่สำหรับคนอย่างหลี่โม่แล้วงานประมูลเป็นแค่กิจกรรมยามว่างเท่านั้น
“มีรายการอะไรบ้าง?”
หลี่โม่ถามอย่างเฉยเมย
หากสินค้าประมูลไม่ได้รับความสนใจ หลี่โม่ก็จะไม่ไปอย่างแน่นอน
เฉียวเจิ้งหลงเขาใจความต้องการของหลี่โม่ดี จึงรีบพูดว่า “มีสมบัติและของโบราณหลายประเภทเลยครับ แล้วก็มีอัญมณีชั้นนำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีจี้สร้อยคอหยกเคลือบแก้วสีเขียวโบราณอันล้ำค่าอีกด้วยนะครับ ถือว่าเป็นของที่หายากหมดเลยครับ”
ซึ่งหยกแก้วเป็นหยกที่หายากที่สุดในสมัยนี้ ถ้ามีไว้ในครอบครองจะสามารถบ่อบอกถึงสถานะความมั่งคั่งได้อย่างแน่นอน
ชาวจีนมีความคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับหยก ซึ่งถ้าเป็นหยกชั้นนำแล้วจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงที่ร่ำรวยและยังเป็นที่นิยมมากกว่าเพชรพลอยในหมู่ผู้หญิงที่ร่ำรวยเหล่านี้อีกด้วย
เมื่อคิดว่าใกล้จะถึงวันเกิดของกู้หยุนหลันแล้ว หลี่โม่ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขาคิดว่าถ้าหากได้จี้หยกแก้วที่หายากนี้มาครอบครองและใช้มันเป็นของขวัญวันเกิดให้กับกู้หยุนหลันก็คงจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุด
“ได้สิ คุณบอกเวลาแล้วก็สถานที่มานะ ผมจะไป” หลี่โม่พูดเบาๆ
“ครับผม งั้นผมส่งให้ตอนนี้เลยนะครับ ยินดีต้อนรับคุณหลี่อย่างยิ่งในคืนนี้เลยนะครับ”
เฉียวเจิ้งหลงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอเพียงหลี่โม่ยอมไปร่วมงานเขาก็รู้สึกได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งแล้ว
หลังจากวางสายหลี่โม่ก็ได้รับข้อความจากเฉียวเจิ้งหลงทันที เขาอ่านข้อความอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ดูข่าวต่อ
จนกระทั่งเวลาหนึ่งทุ่ม หลังจากหลี่โม่เตรียมตัวเสร็จก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปที่งานประมูล
ซึ่งงานประมูลนี้จัดขึ้นที่ชั้นบนสุดของอาคารฉายฟู่
อาคารฉายฟู่เป็นศูนย์รวมทางการเงินของเมืองฮ่าน บริษัทการเงินหลายแห่งประจำอยู่ในอาคารฉายฟู่แห่งนี้ และกลุ่มลูกค้าหลักของการประมูลครั้งนี้ก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทการเงินเหล่านี้เช่นกัน
หลังจากขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุด หน้าประตูทางเข้างานประมูลต้องยืนยันตัวตนก่อน พนักงานสาวคนหนึ่งถือป้ายชื่อขนาดเล็กเข้ามาแล้วติดไว้ที่หน้าอกของหลี่โม่
“นี่เป็นป้ายทะเบียนที่ใช้ในการประมูลสินค้านะคะ ทางเราจะไม่ระบุชื่อในการประมูลสินค้าทุกประเภท ซึ่งผู้ประมูลทุกท่านต้องเข้าไปในห้องส่วนตัวเพื่อรับชมการถ่ายทอดสดและถ้าหากผู้ประมูลต้องการเสนอราคา ท่านต้องเสนอผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้นนะคะ”
พนักงานสาวแนะนำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หลี่โม่พยักหน้าและไม่ได้แปลกใจกับวิธีการประมูลเช่นนี้
ซึ่งงานประมูลที่มีเหล่าคนรวยถือป้ายแล้วตะโกนใส่กัน นั่นเป็นฉากที่มักจะเห็นในภาพยนตร์หรือโทรทัศน์เท่านั้น ในความเป็นจริงการประมูลที่แท้จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการประมูลหน้าหมู่บ้าน
ในการประมูลที่แท้จริงนั้นผู้ประมูลจะไม่ถือป้ายแล้วตะโกนใส่กัน ยิ่งถ้าเป็นการประมูลระดับนานาชาติ ส่วนใหญ่ผู้ประมูลจะเสนอราคาผ่านตัวแทนหรือพนักงานที่รับผิดชอบในการประมูลเท่านั้น
“เชิญทางนี้ค่ะคุณผู้ชาย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาอาหารว่างนะคะ แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานสามารถใช้เวลานี้สื่อสารกันได้ค่ะ”
พนักงานสาวพาหลี่โม่เข้าไปในงานที่มีโต๊ะอาหารยาววางอยู่ ซึ่งบนตรงเต็มไปด้วยอาหารว่าง นอกจากนี้ยังมีพนักงานเสิร์ฟที่ถือไวน์แดงแชมเปญวิสกี้และเครื่องดื่มอื่นๆ อีกมากมายเดินไปเดินมาในงาน
ในขณะที่หลี่โม่มองไปรอบๆ ฮั่วเจี้ยนเฟิงแต่งกายชุดสูทด้วยท่าทางที่แสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษมือถือแก้วไวน์แล้วยืนสนทนากับหนุ่มรวยและสาวงามหลายๆ คนก็เห็นหลี่โม่เข้า
เมื่อฮั่วเจี้ยนเฟิงเห็นหลี่โม่เดินอยู่ในงานด้วยการแต่งกายในชุดธรรมดาเขาก็เลิกคิ้วขึ้นสูงๆ
“พี่เจี้ยนเฟิงเห็นใครเหรอครับ สีหน้าแบบนี้หรือว่าพี่เห็นศัตรูเข้าแล้ว?”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มอย่างติดตลกกับเพื่อนคนรวยแล้วพูดกับพวกเขาอย่างมีนัย
“คุณชายฉิน คุณชายจาง ผมแค่เห็นเพื่อนเก่าครับ”
ขณะที่พูดถึงเพื่อนเก่า ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็กัดฟันและแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ
คุณชายฉินกับคุณชายจางที่เห็นสีหน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิงต่างก็มองหน้ากันและรู้ว่าต้องเป็นศัตรูของฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างแน่นอน
“เป็นเพื่อนเก่าของพี่เจี้ยนเฟิงสินะ งั้นเราเข้าไปทักทายกันหน่อยไหมครับ เผื่อพวกเราจะช่วยอะไรพี่ได้”
“ขอบคุณท่านทั้งสองด้วยนะครับ งั้นเราเข้าไปหาเขาด้วยกัน”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมีใจที่จะเข้าไปดูถูกหลี่โม่ เพราะเขาคิดว่างานแบบนี้ไม่เหมาะกับคนกระจอกอย่างหลี่โม่เลย
“คนสวยครับ เราไปด้วยกันนะ ไปให้กำลังใจพี่เจี้ยนเฟิงด้วยกัน”
คุณชายจางกับคุณชายฉินต่างก็ควงสาวของตัวเองแล้วเดินตามฮั่วเจี้ยนเฟิงเพื่อเข้าไปหาหลี่โม่
หลี่โม่ไม่ได้สนใจอาหารว่างกับการสนทนากับคนในงานเลยแม้แต่น้อย เขากำลังจะหาที่นั่งเพื่อนั่งพักแต่รู้ตัวอีกทีฮั่วเจี้ยนเฟิงกับเพื่อนๆ ก็เข้ามาหาเขาแล้ว
สีหน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิงเต็มไปด้วยความดูถูกแล้วพูดกับหลี่โม่ด้วยสายตาเย้ยหยัน “เฮ้ย ที่นี่ไม่ใช่คนกระจอกจะเข้ามาตามใจชอบได้นะ ถามจริงนายแอบเข้ามาได้ยังไงกัน นี่เป็นงานประมูลของล้ำค่านะไม่ใช่ตลาดสด คนจนๆ อย่างนายจะเข้ามาทำไม”
คุณชายฉิน คุณชายจางกับสาวๆ ก็มองไปที่หลี่โม่ด้วยกัน เมื่อเห็นการแต่งกายของหลี่โม่พวกเขาก็แสดงความถูกทันที
“บ้าจริง แต่งตัวเสื้อผ้าตลาดนัดยังกล้าเดินเข้ามาที่นี่ ผมชื่นชมในความกล้าของคุณจริงๆ เป็นความกล้าที่สามารถใหญ่ค้ำฟ้าได้เลยล่ะ”
“ความกล้าอะไรกัน นั่นมันไร้ยางอายชัดๆ หน้าด้านจนไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบแล้วล่ะ ที่นี่งานประมูลของเหล่าผู้บริหารชั้นนำในเมืองฮ่านเชียวนะ ไม่ใช่คนกระจอกสามารถเดินเข้ามาง่ายๆ”
“พี่เจี้ยนเฟิงไปรู้จักคนแบบนี้จากที่ไหนกัน แค่เห็นเราก็รู้สึกบาดตาแล้ว คนสกปรกเดินดินแบบนี้ส่งไปที่สถานช่วยเหลือคนยากไร้น่าจะดีกว่านะ”
หลี่โม่ยิ้มอย่างใจเย็น จากนั้นเตรียมหันหลังเพื่อเดินจากฮั่วเจี้ยนเฟิงและเพื่อนของเขาเพราะไม่อยากใส่ใจกับคนพวกนี้
ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็รีบเดินไปขวางหลี่โม่แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ยังคิดจะเดินหนีอีก ถามจริงนายแอบเข้ามาได้ยังไง แขกที่นี่ล้วนถูกรับเชิญกันหมด ข้าก็ถูกรับโดยเฉียวเจิ้งหลงเหมือนกัน แล้วนายล่ะมากได้ไง อยากรู้จริงๆ เลยว่าใครจะเป็นเชิญคนกระจอกอย่างนายเข้ามา”
เมื่อพูดถึงถูกรับเชิญโดยเฉียวเจิ้งหลง ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็จงใจพูดเสียงดังจนทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
หลี่โม่พูดอย่างเฉยเมยว่า “มันต้องภาคภูมิใจใช่ไหมถ้าเป็นผู้รับเชิญของเฉียวเจิ้งหลง? พอดีว่าผมก็ถูกเขาเชิญมาเหมือนกันนะ”
“เชี่ย! โม้อะไรของนาย อย่างนายจะรู้จักคุณเฉียวเจิ้งหลงเหรอ เขาเป็นถึงหนึ่งในสี่ของราชาใต้ดินเชียวนะ เขาจะเชิญนายได้ไง ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดด้วยความโกรธ
“ใครเรียกชื่อผมเหรอ”
ทันใดนั้นเสียงของเฉียวเจิ้งหลงก็ดังมาจากด้านนอกประตู