จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 226
บทที่ 226 การประมูลเริ่มขึ้น
“คุณคิดว่าผมโง่เหมือนคุณเหรอ?”
เฉียวเจิ้งหลงเคาะหัวของฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างรุนแรงจนสมองของเขาดังก้องและมีดาวประกายปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
สำหรับความประพฤติของฮั่วเจี้ยนเฟิงในขณะนี้เฉียวเจิ้งหลงรู้สึกโมโหและแอบด่าในใจ เพราะตัวเขายังแสดงความขอโทษแล้ว แต่ฮั่วเจี้ยนเฟิงกลับไม่รู้จักทำตามเลย!
“คุณหลี่ครับ ให้ผมไล่พวกมันออกไปจากงานไหมครับ ผมไม่ควรเชิญพวกที่ไม่รู้จักสัมมาคารวะพวกนี้มาเลยครับ”
เฉียวเจิ้งหลงพูดอย่างรู้สึกผิด
เหล่าคนรวยที่เห็นสถานการณ์ต่างก็พากันตกใจและแอบเดาว่าหลี่โม่คนนี้คือใครกันแน่
แต่ดูจากการแต่งตัวของหลี่โม่แล้ว เหล่าคนรวยก็เดาไม่ออกจริงๆ เลยว่าเขาคือใครมาจากไหน
สำหรับในสายตาของหลี่โม่นั้น ฮั่วเจี้ยนเฟิงเป็นแค่มดน้อยตัวหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องสนใจเขาเลย
“ช่างมันเถอะ”
หลี่โม่พูดเบาๆ
“คุณหลี่เป็นคนใจกว้างจริงๆ เลยครับ ถือว่าพวกมันโชคดีไป ไม่อย่างนั้นผมว่าจะตบพวกมันให้เข็ดสักหน่อย พูดจาไม่รู้จักสัมมาคารวะจริงๆ”
เฉียวเจิ้งหลงพูดแล้วหันมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิง
ฮั่วเจี้ยนเฟิง คุณชายฉินและคุณชายจางต่างก็ก้มหน้าก้มตาเหมือนเด็กที่เพิ่งกระทำความผิดและไม่กล้าส่งเสียงใดๆ เพราะถ้ากล้าเอ่ยปากพูดอะไรอีกคงถึงคราวตายอย่างแน่นอน
“งั้นเชิญทางนี้ครับคุณหลี่ ผมส่งคุณไปที่ห้องส่วนตัวนะครับ การประมูลใกล้จะเริ่มขึ้นแล้วครับ”
เฉียวเจิ้งหลงโค้งคำนับแล้วนำทางหลี่โม่ไปที่ห้องส่วนตัว เมื่อการประมูลเริ่มขึ้น เหล่าคนรวยที่เข้าร่วมการประมูลก็จะเข้าไปในห้องส่วนตัวเพื่อรับชมการถ่ายทอดสดและเสนอราคาประมูลผ่านโทรศัพท์
จนกระทั่งหลี่โม่เดินจากไปทุกคนถึงจะรู้สึกโล่งใจและเริ่มกระซิบพูดคุยกันขึ้นมา
“คุณหลี่คนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมท่านประธานเฉียวถึงให้เกียรติเขาขนาดนี้นะ หรือว่าเขาเป็นลูกมหาเศรษฐี?”
“ว่าไปน่า ลูกมหาเศรษฐีจะแต่งตัวธรรมดาแบบนี้ได้ไง อีกอย่างเขามาคนเดียวไม่เห็นมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันเลย ต่อให้เขาจะติดดินแค่ไหนก็ควรมีคนคอยติดตามหน่อยไหม”
“ใครจะไปรู้ล่ะ แต่ที่รู้ๆ คือเราต้องจำหน้าเขาไว้ให้ดีแล้วอย่าทะลึ่งไปหาเรื่องเขาอีกก็แล้วกัน”
ทุกคนพูดคุยและแยกย้ายกันไป ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฮั่วเจี้ยนเฟิงและเพื่อนๆ ของเขา เพราะเกรงว่าจะเจอปัญหาไปด้วย
คุณชายจางมองหน้าฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้วพูดว่า “คุณช่วยให้คำอธิบายกับพวกเราหน่อยได้ไหม”
“ใครจะไปรู้ ไอ้หมอนั่นมันก็แค่กระจอกคนหนึ่งที่คอยเกาะเมียกิน มันเป็นลูกเขยบ้านตระกูลกู้ที่ไม่เอาไหนเลย วันๆ ขอเงินเมียเป็นอาชีพ แล้วจะให้ผมอธิบายกับพวกคุณยังไง!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมเฉียวเจิ้งหลงถึงดีต่อหลี่โม่เช่นนี้ มันช่างไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ
คุณชายจางกับคุณชายฉินต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่มีทีท่าว่าจะเล่ห์เหลี่ยม แต่ถ้าฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่ได้โกหก แล้วเฉียวเจิ้งหลงเป็นบ้าอะไรไป ต่อให้หลี่โม่เป็นลูกบุญธรรมของเขาก็ไม่จำเป็นต้องเคารพกับหลี่โม่ขนาดนี้
การแสดงความเคารพของเฉียวเจิ้งหลงนั้นไม่ต่างอะไรกับการแสดงความเคารพปู่ของเขาเลย!
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถือว่าเราเฮงซวยไปก็แล้วกัน ผมไม่กล้าอยู่ต่อแล้วล่ะ ออกจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน”
“คุณชายจางพูดถูก ออกไปก่อนดีกว่า พี่เจี้ยนเฟิงจะไปด้วยกันไหม? อยู่ต่อคงไม่ปลอดภัยหรอกนะ”
คุณชายจางกับคุณชายฉินเคยผ่านอะไรมามากมายเหมือนกัน คนที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลามักจะซ่อนมีดไว้ในด้านหลังเสมอ ทั้งสองคิดว่าสถานการณ์วันนี้แปลกๆ และเกรงว่าจะเจออะไรที่อันตรายกว่านี้
ต่อหน้าทุกคนเมื่อครู่นี้หลี่โม่อาจจะไม่เผยตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่ลับหลังไม่รู้ว่าเขาจะให้เฉียวเจิ้งหลงทำอะไรพวกเขาหรือไม่ อยู่ต่อก็ไม่สบายใจ
“พวกคุณไปก่อนเลยนะ วันนี้ผมต้องประมูลของชิ้นหนึ่งให้ได้ แล้วเราค่อยเจอกันวันหลังครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
คุณชายจางกับคุณชายฉินไม่พูดอะไรต่อและออกจากงานทันที
ฮั่วเจี้ยนเฟิงหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นหยิบวิสกี้จากถาดของพนักงานเสิร์ฟแล้วหมดแก้วทันที
ในเวลานี้ฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่กล้ามองไปที่ใครเลย เพราะเขารู้ว่าคนรอบข้างต่างก็มองเขาด้วยสายตาเย้ยหยันอยู่
แต่เขาจะไปไหนไม่ได้ เพราะเขาต้องประมูลของชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง นั้นก็คือจี้สร้อยคอหยกเคลือบแก้วสีเขียวโบราณ
เมื่อเห็นจี้เส้นนั้น ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็จินตนาการถึงกู้หยุนหลันที่สวมจี้ไว้บนคออันขาวเนียนของเธอ จากนั้นนอนอยู่ใต้ร่างของเขาและพร้อมให้เขาจู่โจม!
เขารู้สึกว่าคนสวยอย่างกู้หยุนหลันเท่านั้นถึงจะเหมาะสมกับจี้สร้อยคออันล้ำค่านี้
เพื่อที่จะสามารถประมูลของชิ้นนี้ได้ ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงถามผู้เชี่ยวชาญหลายคนเพื่อขอคำปรึกษาและให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินค่าให้เขา จากนั้นเขาก็ได้ระดมทุนหกสิบล้านหยวนเพื่อมุ่งมั่นที่จะได้จี้เส้นนั้น
“หลี่โม่! กูจะทำให้มึงเสียใจภายหลัง ต้องมีสักวันที่กูจะคิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่กับมึง!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงกัดฟันแน่นๆ แล้วจินตนาการว่าจะใส่จี้สร้อยคอให้กับกู้หยุนหลันในวันเกิดของเธอ หลังจากนั้นก็พิชิตร่างกายและจิตใจของกู้หยุนหลันต่อหน้าหลี่โม่!
แก้แค้น เขาต้องใช้วิธีที่รุนแรงที่สุดในการแก้แค้นหลี่โม่!
เขาจะทำให้หลี่โม่อยู่ในความเศร้าโศกตลอดไป!
ฮั่วเจี้ยนเฟิงคิดอย่างดุเดือดในใจ
……
ก่อนที่การประมูลจะเริ่มขึ้น เหล่าคนรวยที่มาร่วมงานต่างก็เดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของตนเอง และฮั่วเจี้ยนเฟิงก็กำหมัดแน่นๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของเขาด้วย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงถอดป้ายทะเบียนออกจากอกแล้ววางไว้บนโต๊ะ จากนั้นตรวจเช็คเครื่องสื่อสารและทีวีสำหรับการถ่ายทอดสดให้เรียบร้อย
หลังจากที่ทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อย ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็นั่งลงบนที่นั่งอย่างเร่งรีบราวกับว่ากำลังจะเข้าสู่การแข่งขันชิงตอบคำถาม
เมื่อการประมูลเริ่มขึ้น สินค้าที่ถูกนำออกมาประมูลเป็นสินค้าชิ้นเล็กๆ เท่านั้น เพื่อจะสร้างความกระตือรือร้นของทุกคนที่มาประมูลและในขณะเดียวกันก็จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับวิธีการในประมูลครั้งนี้ ซึ่งจี้สร้อยคอหยกเคลือบแก้วสีเขียวโบราณถูกจัดให้เป็นสินค้าประมูลที่สำคัญที่สุด ดังนั้นจึงถูกจัดวางในตำแหน่งรองลงมาจากตำแหน่งสุดท้าย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารออย่างเงียบๆ
จนกระทั่งจี้หยกเคลือบแก้วสีเขียวโบราณถูกนำขึ้นมาวางไว้บนเวที นัยน์ตาของฮั่วเจี้ยนเฟิงก็พลันเปล่งประกายออกมาทันที
“นี่คือจี้สร้อยคอหยกเคลือบแก้วสีเขียวโบราณ ซึ่งเป็นหยกที่ดีที่สุดในบรรดาหยกทั้งหมด ที่สำคัญหยกโบราณชนิดนี้ถูกขุดจนหมดไปทุกเหมืองแล้ว ซึ่งหยกในท้องตลาดสมัยนี้เป็นหยกใหม่ทั้งหมด ดังนั้นมรกตโบราณชิ้นนี้จึงมีคุณภาพที่สูงที่สุดและมีมูลค่าที่สูงที่สุดด้วย……”
พิธีกรกำลังแนะนำรายละเอียดสินค้า ส่วนฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่ได้ฟังคำแนะนำของเขาแต่กลับหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาจากบนโต๊ะ
เสียงพูดที่แหบแห้งและตื่นเต้นดังขึ้นจากปากของฮั่วเจี้ยนเฟิง น้ำเสียงของเขาสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดซึ่งบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกของเขาในขณะนี้ “ช่วยชูป้ายสิบล้านให้ผมทีครับ”
ในขณะเดียวกัน หลี่โม่ที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาด้วยเช่นกัน
แต่หลี่โม่ยังไม่ได้เสนอราคา เพราะเขาต้องการดูราคาที่คู่ต่อสู้เสนอมาก่อน ซึ่งโดยปกติแล้วคนที่เสนอราคาก่อนในการประมูลจะเป็นแค่น้ำจิ้ม แต่ของจริงมักจะปิดราคาในช่วงสุดท้าย