จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 230
ทที่ 230 ของขวัญอยู่ไหน?
“แม่คะ ทำไมต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่นด้วย แล้วยังมีสามีที่ซื้อเครื่องบินส่วนตัวกับซื้อเรือยอทช์ส่วนตัวให้กับภรรยาด้วย จะเทียบกับพวกเขาด้วยเหรอ”
กู้หยุนหลันพูดอย่างเหลือทน
หวังฟางโกรธจนพูดไม่ออก จากนั้นยื่นมือออกไปชี้หน้าหลี่โม่กับกู้หยุนหลันแล้วพูดอย่างขมขื่น “พวกเธอสองคนรีบออกมา! เดี๋ยวเรานั่งรถบ้านป้าของพวกเธอไป ถึงในงานนายก็ไปหามุมนั่งเงียบๆ นะหลี่โม่ ทางที่ดีอย่าให้ใครเห็น อย่าทำให้ฉันอับอายขายหน้าไปมากกว่านี้อีก!”
หลังจากหวังฟางเดินออกไป กู้หยุนหลันถอนหายใจอย่างเงียบๆ แล้วจับมือหลี่โม่เดินออกจากห้องไปด้วยกัน
กู้เจี้ยนหมินตั้งหน้าตั้งตารออยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นหลี่โม่เดินมาก็พูดอย่างเคร่งขรึม “รีบไปได้แล้ว อย่าทำให้เขาเสียเวลา”
หวังเหมยเดินนำหน้าออกไปด้วยรอยยิ้ม เธอพาครอบครัวของกู้หยุนหลันไปถึงข้างรถ BMW สองคันแล้วพูดว่า “พวกเธอดูสิ รถบ้านฉันเป็นรถ BMW นำเข้านะ มันดีกว่า BMW ที่ผลิตในประเทศเยอะเลย”
หานจื้อเต๋อยิ้มอย่างภาคภูมิใจแล้วเงยหน้าขึ้นพูด “รถ BMW ที่ประกอบในประเทศไม่ค่อยดีหรอกนะ ระบบความปลอดภัยสู้กับรถนำเข้าไม่ได้ อีกอย่างรถ BMW ของผมเป็นรถเดิม ๆ จากศูนย์ในต่างประเทศเลย ซึ่งมันดีกว่ารถที่ประกอบในประเทศมาก”
“ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง ระบบความปลอดภัย ผมต้องจองล่วงหน้าก่อนสามเดือนถึงจะได้รถสองคันนี้มา แถมไม่พอยังต้องจ่ายเพิ่มอีกสองแสนด้วย แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราหรอกนะ เพื่อแลกกับของที่ดีที่สุด”
เมื่อฟังคำพูดคุยโวของหานจื้อเต๋อ หวังเหมยดีใจจนแทบลอยขึ้นฟ้า
“เป็นไงบ้าง ไม่เคยเห็นล่ะสิ จื้อเต๋อของเราเป็นเด็กที่ตั้งใจมาก เขาทำงานเป็นผู้จัดการแผนกในบริษัทที่ติดอันดับหนึ่งใน 500 ต้นๆ ของโลกเลยนะ เขามักจะมีผลงานที่ดีและได้เงินเดือนสูงด้วย ได้ข่าวว่าบริษัทกำลังจะส่งเขาไปเรียนรู้เพิ่มเติมที่ต่างประเทศ กลับมาบริษัทจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาอีกด้วย ถึงตอนนั้นเงินเดือนของเขาคงถึงหลักสิบล้านต่อปีแล้วล่ะ”
หวังฟางสีหน้าบูดบึ้งและฝืนยิ้มตอบ “เสี่ยวหานเก่งจริงๆ เลยนะ แต่ดูคนไร้ประโยชน์ในบ้านเราสิ ฉันล่ะอยากจะบ้าตาย ฉันอยากไล่มาออกไปให้ไกลจริงๆ เลย”
“เหอะๆ น้องเล็ก อย่าคิดมากไปเลย เรื่องนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอก”
หวังเหมยเหลือบมองไปที่หลี่โม่และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
กู้เจี้ยนหมินสีหน้าหม่นหมองแล้วกระซิบพูดกับหลี่โม่ด้วยความโกรธ “นายดูคนบ้านเขาแล้วดูสภาพตัวเองสิ นอกจากทำให้หยุนหลันขายหน้า ทำให้พวกเราขายหน้า แล้วนายทำอะไรได้บ้าง!”
“นายจะสู้ให้เหมือนลูกผู้ชายบ้างไม่ได้เลยเหรอ นายจะ……นายจะทำอะไรได้บ้าง ฉันล่ะอยากจะอัดนายให้ตายไปเลย”
เมื่อเห็นหวังเหมยพาลูกเขยมาอวด กู้เจี้ยนหมินก็โกรธจนแทบจะฆ่าคน
หลังจากหวังเหมยเริ่มพอใจ เธอจึงจับมือหวังฟางแล้วพูดว่า “น้องเล็ก น้องนั่งรถของลูกเขยฉันนะ แล้วให้หยุนหลันกับไอ้หลี่อะไรนั่นนั่งรถของชุ่ยหัวไป”
“ค่ะ ตามที่พี่บอกเลย”
หวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินนั่งรถของหานจื้อเต๋อ ส่วนหลี่โม่กับกู้หยุนหลันนั่งรถของโจวชุ่ยหัว จากนั้นรถทั้งสองคันก็ขับออกจากบ้านของกู้หยุนหลันไปด้วยกัน
โจวชุ่ยหัวขับรถไปแล้วมองกู้หยุนหลันผ่านกระจกหลังพร้อมกับรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
“หยุนหลัน เมื่อก่อนเธอเป็นเหมือนดาวโรงเรียนเลยนะ หน้าตาก็สวย เรียนก็เก่ง ยังมีหนุ่มหล่อหนุ่มรวยมาจีบเธออีกตั้งมากมายด้วย คิดถึงสมัยนั้นจัง หึๆ ฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ”
กู้หยุนหลันยิ้มจาง ๆ แล้วตอบ “มีอะไรน่าอิจฉาล่ะ ฉันว่ามันน่าเบื่อมากกว่า”
โจวชุ่ยหัวเบะปากแล้วคิดในใจ จะแสร้งอะไรนักหนา เธอเคยสวยก็จริง มีคนเคยชอบเธอมากมายก็จริง แต่นั่นเป็นเรื่องของอดีต ตอนนี้เธอก็เหมือนหงส์ฟ้าที่ไร้ขน แล้วยังทำเป็นได้ใจอีก
“เหอะๆ แต่ฉันว่าตอนนี้เธอน่าเบื่อมากกว่านะ ได้ผัวแย่ๆ แบบนี้ ฉันล่ะเสียดายแทนเธอจริงๆ เธอแค่เปิดใจยอมรับมันก็มีหนุ่มหล่อหนุ่มรวยมาหาเธอแล้ว แต่สุดท้ายเธอกลับเลือกขยะพันธุ์นี้”
โจวชุ่ยหัวไม่สามารถเก็บความในใจได้อีกต่อไป เธอเคยอิจฉากู้หยุนหลันมาก ตอนนี้จึงเป็นเวลาปลดปล่อยของเธอ
กู้หยุนหลันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอพยายามจะปกป้องหลี่โม่ แต่หลี่โม่กลับจับแขนของเธอไว้
กู้หยุนหลันอดกลั้นไว้ทันเวลา ส่วนโจวชุ่ยหัวที่มองผ่านกระจอกหลังก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“เฮ้อ ขอโทษทีนะที่พูดความจริงโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนตรงไปตรงมา พวกเธออย่าถือสากันนะ แต่ฉันจะพูดหรือไม่ก็ไม่ต่างอะไรกันหรอก เพราะทุกคนที่บ้านก็รู้กันหมดว่าเธอแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์”
“เธอว่าถ้าพวกหนุ่มๆ คนรวยที่มาจีบเธอรู้ว่าเธอแต่งงานกับคนจนๆ แบบนี้ แล้วพวกเขาจะรู้สึกยังไงเหรอ ฉันว่าพวกเขาคงต้องตกใจจนลูกตาหลุดออกมาแน่เลย”
โจวชุ่ยหัวยังคงพูดอย่างไม่หยุด คำพูดของเธอเหมือนมีดอันแหลมคมที่ทิ่มแทงจิตใจของกู้หยุนหลัน
หลังจากที่ปล่อยให้โจวชุ่ยหัวพูดอยู่คนเดียว กู้หยุนหลันกับหลี่โม่ไม่มีการตอบสนองใดๆ แม้กระทั่งเสียงถอนหายใจที่ไม่พอใจ มันจึงทำให้โจวชุ่ยหัวรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม
ตอนนี้เธอเหมือนกับการตบมือข้างเดียว ซึ่งตบยังไงก็ไม่มีเสียง
“ทำไมพวกเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ หรือว่าฉันพูดไม่ดีใช่ไหม”
โจวชุ่ยหัวแสร้งถาม
“เปล่านะ ที่เธอพูดก็มีเหตุผลเหมือนกัน พูดต่อสิ เราตั้งใจฟังอยู่”
กู้หยุนหลันพูดอย่างเฉยเมย
โจวชุ่ยหัวรู้สึกตะลึงเล็กน้อย หลังจากหยุดไปสักพักเธอก็ยิ้มพูดต่อ “ฉันเตรียมของขวัญวันเกิดไปให้คุณปู่แล้วนะ มันอยู่ในกระเป๋า พวกเธอหยิบออกมาดูได้นะ แล้วพวกเธอเตรียมของขวัญแล้วยัง? จะไปงานวันเกิดคุณปู่มือเปล่าไม่ได้นะ”
กู้หยุนหลันรับกระเป๋าของโจวชุ่ยหัวมา จากนั้นเธอเปิดกระเป๋าไปด้วยแล้วมองหน้าหลี่โม่ไปด้วย เพราะเธอยังไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดให้ปู่เลย!
หลี่โม่พยายามบอกกู้หยุนหลันว่าไม่ต้องกังวลผ่านสายตาของเขา จากนั้นให้เธอเปิดดูของขวัญของโจวชุ่ยหัว
กู้หยุนหลันหยิบกล่องของขวัญที่สวยงามออกมาจากกระเป๋า ในกล่องของขวัญเป็นจี้หยกเจ้าแม่กวนอิมอันสวยงสาม แสงหยกเปล่งประกายอย่างอบอุ่น ซึ่งดูเหมือนว่าคุณภาพของหยกจะดีมาก
“เป็นยังไงบ้าง ของขวัญที่ฉันเตรียมมาดีไหม? ฉันก็ไม่รู้จะให้อะไรคุณปู่ดี ได้ยินว่าหยกนั้นสามารถให้โชคและคุ้มครองเราได้ ฉันจึงฝากเพื่อนหาหยกเจ้าแม่กวนอิมที่ดีที่สุดมาจากเหอเถียน อย่าดูถูกมันนะ ชิ้นเล็กๆ แค่นี้ก็หลายแสนเหมือนกัน สามารถซื้อรถหรูได้เป็นคันเลยล่ะ”
โจวชุ่ยหัวโอ้อวดไปด้วยและมองสีหน้าของกู้หยุนหลันกับหลี่โม่ผ่านกระจอกหลังไปด้วย
เหมือนเห็นว่าทั้งสองเฝ้าดูของขวัญของเธอและไม่ส่งเสียงใดๆ เธอจึงหัวเราะอย่างมีความสุขมาก
“แต่การให้ของขวัญมันเป็นแค่การแสดงออกเท่านั้นนะ พวกเธอทั้งสองก็ทำเท่าที่จะทำได้ อย่าพยายามทำเพื่อโชว์คนอื่นเขาล่ะ เดี๋ยวจะติดหนี้ก้อนโตแล้วไม่มีปัญญาจ่าย”
กู้หยุนหลันค่อยๆ เก็บกล่องของขวัญเข้าไปในกระเป๋า ส่วนหลี่โม่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความไปให้เฉียนฝู