จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 235
บทที่ 235 คนเลวร้องเรียนก่อน
ภายในห้องโถงบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข เจ้าหน้าที่และบุคคลสำคัญหลายคนของเมืองฮ่าน กำลังสนทนากับคุณปู่หวัง
“คุณปู่หวังดูแล้วร่างกายแข็งแรง ใบหน้ามีเลือดฝาด ราวกับว่าอายุหกสิบต้น ๆ การดูแลร่างกายดีจริงๆ”
“ฉันคิดว่าไม่น่ามีปัญหาหากคุณปู่หวังจะมีอายุยืนถึงร้อยปี ยังมีเวลาดี ๆ อีกมากมายรอคุณปู่อยู่”
เจ้าหน้าที่และบุคคลสำคัญที่มาร่วมงาน ต่างคนพูดจายกยอปอปั้น ทำให้คุณปู่หวังยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
หวังจินซานกับหวังจินไห่ก็สนทนากับคนบุคคลสำคัญอย่างมีไมตรี เพื่ออยากจะเชื่อมความสัมพันธ์กับบุคคลเหล่านั้น
ขณะที่เจ้าภาพและแขกรับเชิญกำลังเพลิดเพลิน หวังจงเหิงใช้มือจับหน้าตนเองเดินเข้ามาในห้องโถงด้วยความโมโห
โดยมีหวังจงเฉิงเดินตามหลังมา หลังจากเข้ามาถึงห้องโถงก็ตะโกนเสียงดังว่า “คุณปู่ ลุงใหญ่ พี่รองถูกทำร้าย ถูกเศษสวะอย่างหลี่โม่ทำร้าย”
เดิมห้องโถงที่เต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน หลังจากที่หวังจงเฉิงตะโกนออกมา ห้องโถงก็เงียบลงทันที จากนั้นสายตาทุกคนมองไปที่หวังจงเหิง
หวังจงเหิงกัดฟัน เอามือออกจากใบหน้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า เผยให้เห็นแก้มที่บวมแดงของเขา
เมื่อมองเห็นแก้มที่บวมแดงของหวังจงเหิง แขกก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าหลี่โม่คือใคร แต่วันนี้หลี่โม่กล้าทำร้ายหลานชายคนที่สองของตระกูลหวัง แขกที่มาร่วมงานเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ดีอีกต่อไป
หรือว่าหลี่โม่เป็นคนที่มีฐานะภูมิหลัง ไม่เกรงกลัวอำนาจบารมีของตระกูลหวัง หรือไม่หลี่โม่เป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย พร้อมที่จะเสียสละตัวเองเพื่อเผชิญหน้ากับตระกูลหวัง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด แขกเหล่านี้ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ พวกเขาแค่อยากผู้สอดรู้สอดเห็นอย่างเงียบ ๆเท่านั้น
เส้นเลือดบนหน้าผากของคุณปู่หวังกระตุกแล้วบูดออกมา เขารู้สึกโกรธมากจนหัวใจเกือบวาย
“คุณปู่ คุณพ่อ พวกคุณต้องให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย! ผมไปเรียกซูหยุนกลับมา เจอเศษสวะหลี่โม่ก็เลยว่ามันไปไม่กี่คำ แต่ว่ามันเหมือนหมาบ้าพุ่งเข้ามาตบหน้าผมอย่างแรง!”
“ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา หยุนหลันก็ไม่ห้ามปราม นั่งดูอยู่ตรงนั้น ผมสงสัยว่าพวกเขาร่วมมือกัน พวกเขามีใจคิดไม่ดี อยากทำให้งานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่เกิดความวุ่นวาย!”
หวังจงเหิงใส่ร้ายป้ายสี เพื่อจะให้หลี่โม่ชดใช้กับสิ่งที่ทำไปเมื่อสักครู่
“บังอาจ! สารเลว! ไอ้เศษสวะกล้าทำถึงเพียงนี้เชียวหรือ! คิดว่าตระกูลหวังของฉันไม่มีคนแล้วใช่ไหม!”
คุณปู่หวังตบโต๊ะด้วยความโมโห
สีหน้าหวังจินซานเคร่งขรึม หลี่โม่ตบหน้าลูกชายคนที่สองของตนเอง ก็เท่ากับตบหน้าตนเองเช่นกัน
เปลวไฟโกรธกำลังแผ่เผาอยู่ในใจของหวังจินซาน เขาตะคอกเสียงดังว่า “หลี่โม่มันคิดต่อต้าน! มันไม่รู้หรือว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ ถึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้!”
หวังจินไห่แอบยิ้ม เหลือบมองหวังจินซานที่กำลังโมโหอยู่ คิดในใจว่าคราวนี้บ้านพี่ใหญ่เสียหน้า ไม่แน่อาจเป็นโอกาสดีที่ตนเองจะพลิกขึ้นมาแทนที่
“พี่ใหญ่ ต้องเป็นเพราะว่าไอ้เศษสวะมันโกรธแค้น ที่พี่สั่งสอนมันไปเมื่อสักครู่ ฉะนั้นมันถึงแสดงพฤติกรรมที่บ้าคลั่งเช่นนี้ เป็นคนต้องใจกว้างรู้จักเข้าอกเข้าใจคนอื่น ถ้าบีบไอ้เศษสวะเกินไป ถ้ามันจนตรอก มันก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้วเพราะว่ามันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”
คุณปู่หวังจ้องเขม็งไปที่หวังจินไห่ กล่าวด้วยความโมโหว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ แต่เป็นเวลาที่จะจัดการกับไอ้เศษสวะ เสี่ยวฟาง เขาเป็นลูกเขยของคุณ คุณพูดมาสิว่าเรื่องนี้จะจัดการอย่างไร!”
หวังฟางรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เธอไม่คิดว่าหลี่โม่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้
“พ่อ พี่ใหญ่ เรื่องนี้มันเป็นความผิดของหลี่โม่ จะจัดการยังไงก็แล้วแต่พวกพี่ ถึงจะทำร้ายเขาจนตายฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด”
หวังฟางรู้สึกเกลียดหลี่โม่มาก เกลียดจนอยากให้หลี่โม่ตายเสียตอนนี้ ถ้าหากหลี่โม่ตาย ก็จะไม่มีปัญหามากมายมากวนใจขนาดนี้ แล้วก็จะได้ไม่ก่อเรื่องอีก
หวังเหมยถุยเปลือกแตงโมออกมาจากปาก ยิ้มแล้วก็กล่าวว่า “ฉันคิดว่าหลี่โมตบจงเหิงยังไง ก็ให้จงเหิงตบกลับคืนไปอย่างนั้น แล้วก็ต้องคืนไปสองเท่าถึงจะได้”
หวังฟางก้มศีรษะลง รู้สึกอับอายขายหน้า เธอไม่มีความกล้าที่จะพูดต่อไปอีก
“ฮึ่ม คุณดูสิว่าลูกเขยของคุณ! ทำให้ฉันต้องอับอายขายหน้า ต่อจากนี้ไปฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! งานเลี้ยงวันเกิดวันนี้ไม่ควรจะให้ครอบครัวของพวกคุณมาร่วมงานเลย! มันช่างน่าโมโหเสียจริง ๆ!”
คุณปู่หวังโกรธจนตัวสั่น หยิบไม้เท้าหัวมังกรที่อยู่ข้างโต๊ะ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินกระง่อนกระแง่นออกไป
หวังจินซานกับหวานจินไห่รีบเดินตามไปพยุงคุณปู่หวัง
“พ่อ พ่อกำลังจะทำอะไร”
“ฉันจะแก้แค้นแทนหลายชายคนที่สอง! จะตีไอ้เศษสวะให้ตาย! ที่กล้ามาก่อกวนในงานเลี้ยงวันเกิดของฉัน! วันนี้ฉันยอมอับอายขายหน้า งานวันเกิดก็ไม่ต้องจัดแล้ว ฉันจะตีมันให้ตาย!”
คุณปู่หวังเดินออกไปข้างนอกด้วยความโกรธ หวังจินซานกับหวังจินไห่ไม่กล้าขวาง อีกอย่างสองคนนี้ก็อยากจะสั่งสอนหลี่โม่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงพยุงคุณปู่หวังเดินออกไปข้างนอก
หวังจงเหิงเช็ดน้ำตา แล้วตะโกนตามหลังคุณปู่หวังว่า “คุณปู่ เป็นผมเองที่ไม่ดี ทำให้คุณปู่อับอายขายหน้า”
“หลานชายคนที่สอง หลานดีมาก หลานไม่ได้ทำให้ปูขายหน้า พวกเราตระกูลหวังคือทายาทสืบทอดแห่งกวีนิพนธ์ พวกเราต้องมีความสุภาพและศีลธรรม แต่ถ้าเจอหมาบ้าอย่างหลี่โม่ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสุภาพและศีลธรรม เพราะว่าคนที่เป็นสัตว์เดรัจฉานมันไม่คู่ควร!”
คุณปู่หวังรู้สึกโมโหมาก ตอนนี้เขามองหลี่โม่เป็นสัตว์ไปแล้ว ความสุภาพและศีลธรรมมีไว้สำหรับคน ไม่ใช่มีไว้สำหรับสัตว์
หวังจงเหิงเช็ดน้ำตา พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ผมเข้าใจแล้วครับคุณปู่ ถ้าเจอคนใจสัตว์ที่น่ารังเกียจเช่นนี้ในอนาคต ผมก็จะไม่ยั้งมือไว้ไมตรี”
หวังจงเฉิงแอบเบ้ปาก เขารู้สึกว่าพี่รองช่างแสดงเก่งจริง ๆ เพราะเห็นชัดเจนว่าเขาสู้หลี่โม่ไม่ได้ต่างหาก
เมื่อเห็นคุณปู่หวังเดินออกไป หวังฟางก็หันกลับมาเช็ดน้ำตา เธอรู้สึกขมขื่นในใจ มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่ไม่รู้จะพูดยังไง
“เสี่ยวฟาง พวกเราก็ตามออกไปดูดีกว่า เพราะไปสั่งสอนลูกเขยของคุณ คุณก็เรียนรู้ไว้บ้าง วิธีการสั่งสอนลูกเขยก็เป็นทักษะอย่างหนึ่ง ตำแหน่งแม่ยายที่เธอเป็นอยู่ดูแล้วจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก”
หวังเหมยไม่รอคำตอบขอหวังฟาง ก็ดึงตัวหวังฟางเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน แล้วก็กล่าวกับกู้เจี้ยนหมินว่า “น้องเขย คุณก็มาดูด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกคุณก็ต้องอยู่ในเหตุการณ์ด้วย”
กู้เจี้ยนหมินเดินตามไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม รู้สึกว่าคราวนี้อับอายขายหน้าจนหมดสิ้นแล้ว เกรงว่าในอนาคตคงไม่มีหน้ามาตระกูลหวังอีก
เมื่อแขกเห็นว่าคนของตระกูลหวังเดินออกไปหมด แขกก็เดินตามออกไปสอดรู้สอดเห็น เพียงแค่ชั่วครู่ห้องโถงก็โล่งไปหมด
คุณปู่หวังเดินไปถึงนอกห้องโถงด้วยความโมโห หวังจงเหิงพาคุณปูหวังมาถึงหน้าหลี่โม่ “คนไร้ประโยชน์ คุณปู่จะมาจัดการแกแล้ว!”