จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 237
บทที่ 237 เตรียมไว้ล่วงหน้า
กู้หยุนหลันน้ำตาคลอเบ้า ถูกตระกูลหวังกล่าวหาครึ่งค่อนวันแล้ว ตอนนี้รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินสิ่งที่คุณปู่หวังพูด กู่หยุนหลันเช็ดน้ำตา เม้มริมฝีปากอย่างดื้อดึงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ตอนนี้จะให้ตนเองบอกให้หลี่โม่คุกเข่าขอโทษ กุ้หยุนหลันทำไม่ได้จริง ๆ
เมื่อเห็นว่ากู้หยุนหลันไม่พูดอะไร ทำให้คุณปู่หวังรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใช้ไม้เท้าหัวมังกรชี้มาที่กู้หยุนหลัน แล้วกล่าวว่า “แกจะจะปกป้องไอ้เศษสวะคนนี้หรือ!”
“หยุนหลัน คุณจะร่วมมือกับไอ้เศษสวะทำให้คุณตาโมโหจนตายใช่ไหม ยังไงคุณก็เป็นคนที่มีความรู้และมีเหตุผล ทำไมตอนนี้ถึงไร้เหตุผลเหมือนไอ้เศษขยะได้!” หวังจินซานกล่าว
เมื่อเห็นว่าคนของตระกูลหวังโยนความขัดแย้งทั้งหมดไปที่กู้หยุนหลัน หลี่โม่รู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ เขาก้าวเดินไปอย่างเงียบ ๆ แล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าหวังจงเหิง
“ผม ผมขอโทษ เมื่อสักครู่เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรจะลงมือทำร้ายคุณ ขอให้คุณโปรดให้อภัยด้วย”
หลี่โม่กล่าวอย่างหดหู่
หวังจงเหิงมองหลี่โม่ด้วยสายตาเยือกเย็น อยากให้หลี่โม่คุกเข่าขอโทษ แต่กังวลว่าถ้าเรื่องนี้ยังยืดเยื้อไปอีก เกรงว่าจะทำให้คุณปู่หวังเป็นอะไรไป
“ไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างแกรู้จักขอโทษแล้วหรือ? เมื่อสักครู่เห็นแกยังเจ๋งอยู่เลย กล้าทำร้ายฉันไม่ใช่หรือ ตอนนี้แกยังกล้าอยู่ไหม?”
หวังจงเหิงพูดพลางก็ยืนมือออกไปตบหน้าหลี่โม่เบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและเหยียดหยาม
“ไม่กล้าแล้ว”
หลี่โม่กัดฟันพูด
“ฮ่า ๆ แกเป็นคนไร้ประโยชน์จริง ๆ วันนี้เห็นแก่งานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ฉันก็จะไม่จัดการแก ถ้าหากฉันเจอแกคราวหน้า จะตีแกให้ขาหัก!”
หลี่โม่ก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร ปล่อยให้หวังจงเหิงตบหน้าของตนเองเบา ๆ
หลังจากที่หวังจงเหิงพูดจบ เขาก็ทำหน้าเคร่งขรึม แล้วก็ตบไปที่หน้าหลี่โม่เต็มแรง “จำการตบครั้งนี้ของฉันไว้ นี่ถือเป็นเพียงแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น อนาคตหากแกเจอฉันก็ทำตัวดี ๆ ด้วย”
ความโกรธของคุณปู่หวังลดลงมาก เมื่อเขาเห็นว่าผู้คนรอบข้างดูด้วยความตื่นเต้น เขามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ฮึ่ม! มันน่าโมโหนัก กลับกันเถอะ เห็นหน้าไอ้เศษขยะนี้แล้วรู้สึกอารมณ์หงุดหงิด!”
“ถุย!”
หวังจินซานถุยน้ำลายใส่เท้าของหลี่โม่ หลังจากนั้นก็พยุงคุณปู่หวังเดินเข้าไปในห้องโถง
ผู้คนก็เดินตามคุณปู่หวังกลับเข้าไปข้างในห้องโถง กู้เจี้ยนหมินพยุงหวังฟางที่โมโหจนอ่อนแรงเดินเข้าไปในห้องโถงเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าคนของตระกูลหวังเดินกลับเข้าไปในห้องโถงแล้ว กู้หยุนหลันไม่สามารถทนต่อความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจได้อีกต่อไป เธอใช้สองมือปิดหน้าตนเองแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อเห็นกู้หยุนหลันวิ่งออกไป หลี่โม่รู้สึกกังวล จึงรีบตามออกไป
หลี่โมยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ ได้ยินเสียงร้องไห้ของกู้หยุนหลัน หัวใจของเขารู้สึกปวดร้าว
ประตูห้องน้ำถูกผลักออก หลี่โม่เดินไปหากู้หยุนหลัน
เมื่อเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา กู้หยุนหลันรีบใช้สองมือเช็ดน้ำตา เธอไม่อยากให้หลี่โม่เห็นว่าตนเองร้องไห้
“คุณมาได้ยังไง”
กู้หยุนหลันถามอย่างสะอึกสะอื้น
หลี่โม่ก้มศีรษะ ราวกับว่าเด็กที่ทำความผิด “ผมเป็นห่วงคุณ เป็นเพราะผมไม่ดีเอง”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ค่ะ”
กู้หยุนหลันส่ายศีรษะ ยื่นมือทั้งสองข้างจับมือหลี่โม่ “พวกเขาต่างหากที่ไม่ดี พวกเรากลับกันดีไหม ไม่ต้องทนอยู่ที่นี่ พวกเรากลับบ้านกันดีไหม”
กู้หยุนหลันรู้สึกน้อยใจแทนหลี่โม่
หลี่โม่ไม่ได้ทำอะไร และไม่ได้พูดอะไร แต่ต้องอดทนต่อการดูถูกเหยียดหยามและกลั่นแกล้งจากคนตระกูลหวัง
อีกอย่างเมื่อสักครู่หลี่โม่ทำก็เพื่อปกป้องตนเอง แต่คนของตระกูลหวังไม่ถามความผิดถูก ก็จะให้หลี่โม่ขอโทษ แล้วยังจะให้หลี่โม่คุกเข่า สิ่งเหล่านี้ทำให้กู้หยุนหลันรู้สึกว่ามันไร้เหตุผลสิ้นดี
หลี่โม่มองเห็นความกังวลและความห่วงใยในดวงตาของกู้หยุนหลัน เขารู้ว่ากู้หยุนหลันนั้นทำเพื่อตนเอง
ทั้งสองคนมองหน้ากัน เข้าใจทันทีว่ามีอะไรอยู่ในใจของกันและกัน และทั้งคู่ก็รู้ว่าต่างฝ่ายต่างห่วงใยกัน
อารมณ์ที่หดหู่ถูกปลดปล่อยออกมาทันที หลี่โม่และกู้หยุนหลันต่างจ้องมองกันด้วยประกายแห่งความรัก
ประกายไฟพุ่งออกมาจากดวงตาที่จ้องมองกัน และจุดประกายทำให้เลือดในร่างกายของทั้งสองร้อนแรงอย่างรวดเร็ว
หัวใจเต้นเร็วขึ้น อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น แล้วฮอร์โมนก็พุ่งสูงขึ้น
มือขวาของหลี่โม่โอบกอดเอวเล็กของกู้หยุนหลันเอาไว้ ศีรษะของเขาค่อย ๆก้มลงมา ในที่สุดก็มาถึงหน้าผากของกู้หยุนหลัน
ระยะห่างทำให้การมองเห็นพร่ามัว จมูกที่ใกล้จนเกือบชนกัน ทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจอุ่น ๆจากจมูกของทั้งสองคน ที่กำลังพุ่งขึ้นบนแก้มของกันและกัน
ริมฝีปากแดงบางของกู้หยุนหลันกระตุกเล็กน้อย ราวกับว่าเป็นสัญญาเตรียมรับการจู่โจม หลี่โม่ลดริมฝีปากลงอย่างรวดเร็ว และจูบริมฝีปากแดงของกู้หยุนหลันอย่างดุจดื่ม ในเวลาเดียวกันเขาก็กอดร่างของกู้หยุนหลันไว้แน่น
อารมณ์ที่หดหู่ถูกเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนซึ่งหลั่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เอี๊ยด!
ประตูห้องน้ำถูกผลักออก หวังซูหยุนเห็นกู้หยุนหลันกับหลี่โม่กำลังจูบกัน ดวงตาของเธอแสดงถึงความตกใจ “พวกคุณ!”
กู้หยุนหลันผลักหลี่โม่เบา ๆ แยกออกจากหลี่โม่อย่างรวดเร็ว เธอหน้าแดงและก้มศีรษะลง เธออายจนอยากจะมุดดินหนี
หลี่โม่มองหวังซูหยุนอย่างเก้อเขิน กล่าวอย่างเขินอายว่า “คุณมา……”
“มาหาพวกคุณ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว จะมาพาพวกคุณเข้าไปในงาน แต่พวกคุณทำแบบนี้มัน…..ถ้าพวกคุณอดไม่ได้กับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ก็ควรกลับไปโดยเร็ว อย่ามาทำอะไรกันตรงนี้ ถ้าหากมีคนเห็นเข้า……นั่นก็จะฮ่า ๆ”
หวังซูหยุนมีความข้องใจเกี่ยวกับการจูบระหว่างหลี่โม่กับกู้หยุนหลัน คิดไม่ออกว่าทำไมทั้งสองคนถึงยังมีอารมณ์ที่จะจูบกัน
“สาวขึ้นคาน ไม่เข้าใจและเห็นใจคนอื่นจริง ๆ”
หลี่โม่ก้มหน้าแล้วกระซิบ
“คุณพูดอะไรน่ะ!”
เมื่อหวังซูหยุนได้ยินคำพูดของหลี่โม่ เขาก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “คุณระวังตัวให้ดี ๆ ละ!”
พูดจบ หวังซูหยุนหันหลังแล้วเดินจากไป
กู้หยุนหลันจับมือหลี่โม่ แล้วมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่กังวล “พวกเรากลับกันเถอะ”
“เมื่อพวกเรามาแล้ว ยังไงก็ต้องรอให้งานเลี้ยงจบก่อนแล้วค่อยกลับ มิเช่นนั้นมันจะเป็นการเสียมารยาท”
หลี่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แต่ว่า แต่ว่าพวกเราไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ ถึงแม้จะเตรียมของขวัญ เกรงว่าพวกเขาจะพยายามหาข้อตำหนิติเตียนอีก ถึงเวลามันจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาอีก”
ในใจของกู้หยุนหลันเต็มไปด้วยความกังวล รู้ดีว่าตนเองกับหลี่โม่กลายเป็นหนามยอกอกในสายตาของคนตระกูลหวัง ถ้าจะอยู่ฉลองวันเกิด จะต้องถูกกลั่นแกล้งอีกแน่นอน
แต่หลี่โม่ไม่รู้สึกกังวลสักนิด จูงมือกู้หยุนหลันเดินออกมา “จะกังวลไปทำไม ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก”
กู้หยุนหลันยิ้มอย่างขมขื่น ได้แต่เดินตามหลี่โม่เข้าไปข้างใน
หลังจากกลับมาที่นั่งแล้ว กู้หยุนหลันกับหลี่โม่มองเข้าไปในห้องโถงพร้อมกัน
แขกออกมาจากหลังห้องโถง แล้วเดินเข้าเป็นแถวยาวเหยียดแล้วไปนั่งอยู่ตรงกลางห้องโถง ตามด้วยหวังจินซาน และหวังจินไห่ที่พยุงคุณปู่เข้าสู่กลางห้องโถง โดยมีหวังเหมย หวังฟางและคนอื่น ๆ เดินตามหลัง
เมื่อคุณปู่หวังซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิด และคนของตระกูลหวังได้เดินเข้ามาในห้องโถงแล้ว มีการประกาศว่างานเลี้ยงวันเกิดได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
“งานเลี้ยงวันเกิดได้เริ่มขึ้นแล้ว สักครู่จะมีการมอบของขวัญแล้ว แต่พวกเราไม่ได้เตรียมของขวัญมา”
กู้หยุนหลันพูดเบา ๆ
“ไม่ต้องกังวล ผมได้เตรียมไว้แล้ว”
เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวเช่นนั้น