จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 246
บทที่ 246 ตบได้ดี!
แขกทุกคนเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเฉียนฝู สายตาที่มองเฉียนฝูก็เปล่งประกายเหมือนหมาป่าที่หิวโหยเพราะเห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้าและพร้อมที่จะกระโจนเข้าไปเกาะขาของเฉียนฝู
อย่าว่าแต่เกาะขาของเฉียนฝูเลย แค่ได้เกาะปลายนิ้วของเฉียนฝูก็สามารถมีชีวิตที่มีความสุขและหรูหราได้แล้ว
“ต้องโชคดีแค่ไหนถึงจะพบในประธานเฉียนที่นี่”
“แค่ได้คุยกับประธานเฉียนก็ถือว่าเป็นบุญของพวกเราแล้ว ยิ่งถ้าหากสามารถสร้างความประทับใจที่ดีให้กับประธานเฉียนล่ะก็ ฉันคงต้องดีใจจนนอนไม่หลับอย่างแน่นอน”
“รีบไปหาประธานเฉียนกันเถอะ เดี๋ยวไปช้าจะไม่มีที่ยืนกันเลยนะ เร็วเข้า”
แขกที่มาร่วมงานรีบเข้าไปอย่างรีบร้อน คุณปู่หวางที่เห็นสถานการณ์ก็พูดอย่างกระวนกระวายว่า “ยังยืนทื่ออยู่ทำไม รีบพาปู่ไปทักทายประธานเฉียนสิ”
จากนั้นหวางจินซานกับหวางจินไห่ก็พยุงคุณปู่หวางเข้าไปหาประธานเฉียนอย่างเร็วที่สุด
หวางจงเสวียนกับหวางจงเหิงและหวางจงเฉิงต่างก็สีหน้าบูดบึ้ง พวกเขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะมาฟังความคิดเห็นของแขกที่มาร่วมงาน แต่กลับสงสัยว่าทำไมหลี่โม่ถึงได้นั่งรถโรลส์รอยซ์แฟนธอมคันนี้?
ถ้าเป็นโรลส์รอยซ์ธรรมดาพวกเขาจะไม่สงสัยเลย แต่รถโรลส์รอยซ์แฟนธอมคันนี้มันราคาคันละหลายสิบล้านหยวนเลย ซึ่งมันไม่คู่ควรกับคนจนๆ อย่างหลี่โม่เลยแม้แต่นิด!
“หลี่โม่มันจะเกินไปแล้ว ถึงเวลานี้ยังคิดจะเสแสร้งอีก คงคิดว่าตัวเองเป็นคนชนชั้นสูงจากที่ไหนสินะ”
“จะปล่อยให้มันเสแสร้งที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ต้องเข้าไปจัดการมันให้รู้ตัวซะบ้าง”
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงบ่นพึมพำแล้วทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปหาหลี่โม่ ส่วนหวางจงเสวียนก็เดินตามหลังไปอย่างไม่พอใจเช่นกัน
คุณปู่หวางและแขกที่มาร่วมงานเดินเข้าไปหาเฉียนฝู แต่เมื่อเข้าใกล้ตัวของเฉียนฝูทุกคนก็เดินช้าลง เพราะพวกเขาต่างก็คิดเตรียมพร้อมว่าจะกล่าวทักทายกับเฉียนฝูอย่างไร
ในเวลานี้ หวางจงเหิงและอื่นๆ ได้เดินนำหน้าคุณปู่หวางและแขกทั้งหมด จากนั้นยืนอยู่ตรงหน้าหลี่โม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เชี่ยเอ๊ย ไอ้กระจอกเหลือขอ นายเสแสร้งในบ้านแล้วยังไม่พอ ยังคิดจะมาโชว์พาวนอกบ้านอีก นายคงใช้เงินเก็บทั้งปีเพื่อจะเช่ารถโรลส์รอยซ์แฟนธอมคันนี้มาอวดพวกเราสินะ”
“แล้วก็ไอ้แก่คนนี้ก็เป็นคนขับรถที่นายจ้างมาล่ะสิ จ้างคนขับไม่รู้จักจ้างคนหนุ่ม ตาแก่แบบนี้มันต้องเป็นคนทำสวนในบ้านมากกว่า ไอ้บ้านนอกอย่างนายช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ยังคิดจะโชว์พาวกับพวกเราอีก!”
“หยุนหลัน เธอก็สนับสนุนไอ้ขี้หมาคนนี้ใช่ไหม พวกเธอสองคนยังเป็นคนบ้านเดียวกันอยู่ไหม สร้างเรื่องขึ้นมาหลอกลวงคุณปู่ มาหลอกลวงพวกเราทุกคน!”
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงพูดจาประชดประชันหลี่โม่กับกู้หยุนหลันอย่างไม่เกรงใจกัน คุณปู่หวางและแขกคนอื่นที่ได้ยินคำพูดของพวกเขาก็ตกใจจนยืนอยู่กับที่
ส่วนหวางจงเสวียนยังไม่ได้พูดจาเสียดสีใดๆ และได้แต่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง
กู้หยุนหลันถอนหายใจอย่างเหลือทน การที่มีญาติแบบนี้ทำให้เธอไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว ส่วนหลี่โม่ยังคงมีสีหน้าเฉยเมย เขาคิดซะว่าคำพูดของหวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงนั้นเป็นเพียงเสียงหมาเห่าเท่านั้น
แต่เฉียนฝูไม่สามารถทนฟังได้อีก เมื่อเจ้านายถูกดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ เขาในฐานะผู้ช่วยควรปกป้องอย่างสุดชีวิตไม่ใช่หรือ!
เฉียนฝูที่ระเบิดอารมณ์ก็ชี้ไปที่หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงแล้วตะโกนด้วยความโกรธ “พวกนายอยากตายใช่ไหม กล้าพูดจาแบบนี้ต่อหน้าเราได้ไง!”
“แหม ๆ ไอ้แก่คนนี้เอาเรื่องจริงๆ แหะ อยากมีเรื่องที่นี่งั้นเหรอ นี่หน้าบ้านเรานะ อย่าคิดว่าพวกเราจะกลัวนาย อีกอย่างในเมืองฮ่านนี้ไม่มีอะไรที่ครอบครัวตระกูลหวังของเราต้องกลัวหรอก”
“ไอ้แก่ หลี่โม่จ้างนายมาเท่าไหร่? เดี๋ยวเราจะให้นายเป็นสองเท่าเลย แต่ถ้านายกล้าปฏิเสธมันตอนนี้ เราจะให้นายห้าเท่าสิบเท่าก็ได้แล้วแต่ขอ”
เฉียนฝูโกรธจนสั่นไปทั้งตัว “หาเรื่องตาย พวกนายมันหาเรื่องตายชัดๆ อย่าคิดว่าตระกูลหวังของพวกนายจะดีไปถึงไหน แค่คำพูดเดียวของข้าก็สามารถทำให้ตระกูลของพวกนายฉิบหายย่อยยับได้ พวกนายเชื่อไหม!”
“ถุย!”
หวางจงเหิงถุยน้ำลายแล้วพูดต่ออย่างเหยียดหยาม “ตาลุงคนนี้ก็พล่ามเก่งเหมือนกันนะเนี่ย คนที่อยู่กับหลี่โม่ต้องเป็นพวกกระจอกแบบนี้กันหมดเลยหรือ ช่างน่าสมเพชจริงๆ”
“ยังกล้าพูดจาข่มขู่พวกเราอีก ถ้าไม่ใช่เพราะความมีมนุษยธรรม พวกเราคงอัดนายให้ร่วงไปนานแล้ว”
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงยังคงพูดจาโอ้อวดไม่หยุด คุณปู่หวางที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมและบ่นพึมพำในปาก “ไอ้พวกก้าวร้าว ทำไมถึงมีหลานก้าวร้าวขนาดนี้!”
เปลือกตาของหวางจินซานและหวางจินไห่กระตุกอย่างไม่หยุด ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียวและเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก
แขกที่อยู่ด้านข้างมองไปที่ทุกคนในตระกูลหวังด้วยสายตาแปลกๆ พวกเขาต่างก็คิดว่าครั้งนี้ตระกูลหวังต้องลำบากแน่นอน ทำผมต่อกลุ่มเพื่อนของอู๋เต้าเหวินยังมีโอกาสแก้ตัวได้ แต่ถ้าทำผิดต่อเฉียนฝูแล้วเกรงว่าพวกเขาต้องพินาศสมใจอยากอย่างแน่นอน
“นี่ลูกหลายของตระกูลหวังบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมถึงกล้าพูดจากับประธานเฉียนแบบนี้ แล้วพวกเราจะถูกเข้าใจผิดไปด้วยไหม”
“ผมว่าสถานการณ์แย่แล้วล่ะ คนระดับอย่างประธานเฉียนคงไม่ปล่อยเรื่องนี้จบง่ายๆ อย่างแน่นอน”
“รอบนี้ตระกูลหวังต้องเจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่อย่างแน่นอน สงสัยงานเลี้ยงวันเกิดต้องเปลี่ยนเป็นงานศพซะแล้ว”
แขกหลายๆ คนเริ่มกระซิบพูดคุยกันและแขกหลายๆ คนก็เริ่มถอยห่างออกไปยืนอยู่ด้านหลังเพราะเกรงว่าจะถูกเข้าใจผิดไปด้วย
“ไอ้สองคนนี้มันกินอะไรเข้าไปถึงได้ดื้อดึงขนาดนี้ รีบไปเรียกพวกมันกลับมา”
หวังเหมยเตือนด้วยเสียงเบาๆ
คุณปู่หวางสะบัดมือของหวางจินซานออก เหลือเพียงหวางจินไห่ที่พยุงเขาไว้และพาเขาเข้าไปหาหวางจงเหิงกับหวางจงเฉิง
หวางจงเหิงยังคงกระปรี้กระเปร่าอยู่ที่เดิมและไม่ได้สังเกตเห็นคุณปู่หวางกำลังเดินเข้ามา
เมื่อคุณปู่หวางเดินเข้าใกล้ทั้งสองเขาก็ตบพวกเขาด้วยความแรง
ผั๊วะ! ผั๊วะ!
เสียงตบที่ดังคมชัดทำให้หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงต้องเอามือกุมใบหน้าไว้
“พวกนายสองคนบ้าไปแล้วใช่ไหม! กล้าดูหมิ่นประธานเฉียนได้ไง! คุกเข่าขอโทษประธานเฉียนเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงเหลือบมองกันและกัน ดวงตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความตกใจและไม่รู้ว่าประธานเฉียนที่คุณปู่หวางพูดนั้นคือใคร
ก่อนหน้านี้ทั้งสองรู้สึกอิจฉาหลี่โม่ที่ได้นั่งรถหรู จึงไม่ได้ใส่ใจกับความคิดเห็นของทุกคนที่พูดถึงสถานะของเฉียนฝูคนนี้
หวางจงเสวียนค่อยๆ เดินถอยหลังไปยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน เขารู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับสองคนนั้น ไม่อย่างนั้นเขาต้องซวยไปด้วยอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าหวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงยังยืนทื่ออยู่กับที่ คุณปู่หวางจึงกัดฟันแล้วตบไปที่ทั้งสองอีกครั้ง
ผั๊วะ! ผั๊วะ!
หลังจากเสียงตบดังขึ้นอีกครั้ง คุณปู่หวางก็ตะโกนพูดด้วยความโกรธ “บอกให้คุกเข่าลง! ได้ยินไหม!”
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงที่ถูกตบอีกครั้งก็มองไปที่คุณปู่หวาง จากนั้นมองไปที่พ่อของพวกเขาและสังเกตสีหน้าของแขกที่มาร่วมงาน ในที่สุดพวกเขาก็รู้ตัวว่ากำลังจะเจอกับปัญหาใหญ่แล้ว
ดังนั้นทั้งสองจึงคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียนฝูทันที “ประธานเฉียน ขอโทษครับ พวกผมไม่รู้จริงๆ ว่าท่านเป็นใครมาจากไหน ดังนั้นพวกผมจึง……”
“เหอะ!”
เฉียนฝูตะคอกอย่างเย็นชา “ไปขอโทษคุณหลี่ซะ!”