จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 257
บทที่ 257 ที่นี่คือเมืองเอก!
ซิการ์ในมือของซูเหวินปินตกลงไปที่พื้น เขาจ้องมองฮิกาชิโนะ ฮิระที่ถูกหลี่โม่เหยียบไว้
เมื่อสักครู่ท่าไม้ตายอันทรงพลังของฮิกาชิโนะ ฮิระ แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกหลี่โม่เตะจนล้มลงบนพื้น จากนั้นหลี่โม่ก็เหยียบเขาเหมือนเหยียบหมาที่ตายไปแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้!
ซูเหวินปินเห็นการเคลื่อนไหวของหลี่โม่ไม่ชัด เห็นแต่ว่าฮิกาชิโนะ ฮิระพุ่งไปข้างหน้าอย่างดุดัน และชั่วพริบตาเขาก็เห็นฮิกาชิโนะ ฮิระล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ถูกหลี่โม่เหยียบที่ใบหน้า
หัวหน้าบอดี้การ์ดกลืนน้ำลายอย่างบ้าคลั่ง เขาเคยเห็นหัวหน้าบอดี้การ์ดที่โหดมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนที่โหดเหี้ยมกว่ามากเช่นนี้
ขาทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย มือที่ถือปืนก็สั่นอย่างรุนแรง หัวหน้าบอดี้การ์ดรู้สึกว่าปืนที่ถืออยู่ในมือเหมือนหัวแร้งที่ถูกเผาจนแดง
ถ้าต้องเผชิญหน้ากับหลี่โม่ที่ไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้ แล้วปืนจะสามารถยิงโดนเขาได้หรือ?
หัวหน้าบอดี้การ์ดรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จะยิงโดนเขาต่ำมาก นอกจากตนเองดวงดี
แม่ง อย่างนี้จะยิงยังไง!
หัวหน้าบอดี้การ์ดมีความคิดที่จะยอมจำนน
“ท่านซู สถานการณ์ไม่ดีแล้ว ผมคุ้มกันให้คุณถอยไปก่อนดีไหม”
หัวหน้าบอดี้การ์ดกล่าวเบา ๆ
ซูเหวินปินขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปม เป็นไปไม่ได้ที่จะล่าถอย!
ที่นี่คือเมืองเอก มันคือการแสดงถึงหน้าตาของตระกูลซู!
ถ้าหากล่าถอยไป จะทำให้ตระกูลซูต้องอับอายขายหน้า ต่อไปคนอื่น ๆ ก็จะบีบให้ตระกูลซูตาย!
“ยิง!”
ซูเหวินปินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หัวหน้าบอดี้การ์ดตื่นตระหนกเล็กน้อย “ฉันกลัวว่าจะยิงไม่โดน ไอ้หมอนี้มันเคลื่อนไหวเร็วมาก เร็วเหมือนวิญญาณ!”
ขณะที่ซูเหวินปินกำลังคุยกับหัวหน้าบอดี้การ์ด หลี่โม่ก็ใช้เท้าเตะไปที่ซี่โครงของฮิกาชิโนะ ฮิระ
กรอบแกรบ
มีเสียงแตกหัก ซี่โครงของฮิกาชิโนะ ฮิระถูกหลี่โม่เหยียบแตกไปหลายซี่ จากนั้นเขาก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“ท่าไม้ตายของแกล่ะ? เห็นบอกว่าจะเตะหัวของฉันให้ระเบิดไม่ใช่หรือ”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
“ไว้ชีวิตด้วย ขอร้องโปรดไว้ชีวิตด้วย ผมไม่กล้าแล้ว ผมไม่กล้าแล้ว”
ชีวิตของฮิกาชิโนะ ฮิระอยู่ในกำมือของหลี่โม่ ถึงแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เพื่อรักษาชีวิตไว้จึงทำได้แค่ต้องยอมแพ้
เวลานี้หากยังคงแข็งข้อต่อไป ฮิกาชิโนะ ฮิระสึกว่าตนเองจะต้องตายแบบไร้ดินกลบหน้า
ถูกไล่ตามอย่างโหดร้ายที่ญี่ปุ่นยังหลบหนีมาได้ คิดจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับมาพบเจอมัจจุราชอย่างหลี่โม่
“ผมไม่มีท่าไม้ตายอะไร เป็นเพียงการพูดโอ้อวด พี่ใหญ่ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ต่อจากนี้ไปผมฮิกาชิโนะ ฮิระก็คือคนรับใช้ของคุณ ไม่ ผมเป็นทาสรับใช้ในบ้านของคุณ ขอแค่คุณไว้ชีวิตของผม ต่อไปผมจะเป็นหมาเฝ้าบ้านให้คุณ”
ฮิกาชิโนะ ฮิระไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีแล้ว เพื่อรักษาชีวิตให้รอดเขาไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น
“เป็นหมาเฝ้าบ้าน? แกยังไม่คู่ควร”
หลี่โม่ใช้เท้าเหยียบลงบนฝ่ามือของฮิกาชิโนะ ฮิระ
กรอบแกรบ
เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นมา กระดูกฝ่ามือของฮิกาชิโนะ ฮิระถูกหลี่โม่เหยียบจนแตกละเอียด
ฮิกาชิโนะ ฮิระรู้สึกว่าชีวิตพังทลายลงแล้ว ตนเองร้องขอชีวิตขนาดนี้แล้วแต่เขายังไม่ยอมปล่อย หลี่โม่ต้องการอะไรกันแน่!
“เจ็บ! พี่ใหญ่ คุณพูดเลยว่าจะทำยังไง ผมจะฟังคุณทุกอย่าง จะให้ผมขอโทษยังไงก็ได้ จะให้ผมทำอะไรผมก็จะทำตามทุกอย่าง จะให้ผมจะฆ่าซูเหวินปินก็ได้ ทุกอย่างแล้วแต่คุณสั่งมา!”
ฮิกาชิโนะ ฮิระถูกกดดันจนเริ่มขายเพื่อนร่วมทีมแล้ว ขอแค่มีชีวิตอยู่รอด ฮิกาชิโนะ ฮิระทำได้ทุกอย่าง
“น่าสนใจ”
หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อย “คุณไม่ต้องฆ่า เพียงแค่ทุบกระดูกของเขาให้แหลกไปทั้งตัว”
“ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ให้โอกาส ผมจะทุบกระดูกของเขาให้แหลกไปทั้งตัว”
ฮิกาชิโนะ ฮิระอดทนต่อความเจ็บปวด เดินเข้าไปหาซูเหวินปิน
“เจ้านาย ขอโทษด้วย ผมทำเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอด มันไม่มีทางเลือกจริง ๆ”
ฮิกาชิโนะ ฮิระกล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย
ในใจของซูเหวินปินรู้สึกสับสน เดิมคนที่จะปกป้องชีวิตตนเอง กลับถูกหลี่โม่ใช้ให้มาจัดการตน หลี่โม่มันยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันแน่!
“ฮิกาชิโนะ ฮิระ! แกอยากตายใช่ไหม!”
ซูเหวินปินตะคอกเสียงดัง
“ไม่ ขอแค่ผมทุบกระดูกของคุณให้แหลกทั้งตัว ผมก็จะไม่ตาย!”
ฮิกาชิโนะ ฮิระตะโกนและพุ่งไปหาซูเหวินปิน หัวหน้าบอดี้การ์ดรีบยกปืนขึ้น เหนี่ยวไกปืนยิงไปที่ฮิกาชิโนะ ฮิระ
ปัง ๆ ๆ
หลังจากยิงไปสามนัด เลือดสด ๆ ก็พ่นออกมาจากร่างของฮิกาชิโนะ ฮิระ จากนั้นร่างของเขาล้มลงบนพื้น
ซูเหวินปินยกแก้วเหล้าขึ้นมา และดื่มสกอชต์วิสกี้ปีอายุ 40 ปีรวดเดียวจนหมดแก้ว
ถึงแม้ว่าฮิกาชิโนะ ฮิระจะตายไปแล้ว แต่ก็ทำให้ซูเหวินปินตกใจไม่น้อย จึงรีบดื่มเหล้าเพื่อลดความตกใจ
หลังจากดื่มเหล้า ซูเหวินปินก็ทำให้แก้วแตกอย่างง่ายดาย
“หลี่โม่ แกเห็นแล้วนี่ ถึงจะมีวิชาการต่อสู้สูงแค่ไหนถูกยิงนัดเดียวก็ตาย ถ้าแกไม่อยากตาย รีบคุกเข่าแล้วร้องขอความเมตตาเดี๋ยวนี้”
ซูเหวินปินจ้องมองไปที่หลี่โม่
“ฮ่า ๆ แค่ปืนสั้น”
หลี่โม่ไม่สนใจหัวหน้าบอดี้การ์ด และไม่สนใจปืนสั้นที่หัวหน้าบอดี้การ์ดถืออยู่ในมือ
“รนหาที่ตาย! ยิง!”
ซูเหวินปินคำราม
หัวหน้าบอดี้การ์ดลังเลสักครู่ จากนั้นก็เหนี่ยวไกปืน
ปัง ๆ ๆ
กระสุนถูกยิงออกไปหลายนัด จนกระทั่งได้ยินเสียงแก๊กที่แสดงว่ากระสุนหมดแม๊ก หัวหน้าบอดี้การ์ดถึงได้หยุดยิง
หลังจากหยุดยิง หัวหน้าบอดี้การ์ดรู้สึกสิ้นหวัง
เพราะยิงไม่โดนหลี่โม่แม้แต่นัดเดียว ปืนทำอะไรหลี่โม่ไม่ได้
“ท่านซู คุณ คุณรีบไปก่อน ผมจะคุ้มกันอยู่ข้างหลัง”
หัวหน้าบอดี้การ์ดชักมีดสั้นออกมา ตัดสินใจที่จะทำตามหน้าที่ของเขาให้เสร็จสมบูรณ์ด้วยชีวิต
“อยากหนีไปหรือ? ไม่มีทาง”
หลี่โม่ยิ้มเยาะเย้ยขณะเดินเข้าไปหาซูเหวินปิน หัวหน้าบอดี้การ์ดรีบเดินมาขวางอยู่ข้างหน้าซูเหวินปินทันที
พรึ่บ!
การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของมีดสั้น ทำให้เกิดเสียงขึ้นมา
มีดสั้นที่เปล่งประกายกำลังพุ่งไปที่หน้าอกของหลี่โม่ เมื่อเห็นว่ามีดสั้นกำลังจะแทงทะลุหัวใจของหลี่โม่ แต่แล้วมือที่ถือมีดสั้นก็หยุดลง
ไม่ใช่ว่าหัวหน้าบอดี้การ์ดไม่อยากแทง แต่มือของเขาไม่สามารถขยับได้
มือขวาของหลี่โม่คว้ามือของหัวหน้าบอดี้การ์ดที่ถือมีดไว้ เขาใช้แรงเล็กน้อย กระดูกฝ่ามือทั้งหมดของหัวหน้าบอดี้การ์ดแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“โอ๊ย”
หัวหน้าบอดี้การ์ดส่งเสียงออกมา พร้อมกับเหงื่อที่ผุดออกมาจากหน้าผาก
มือของหลี่โม่เลื่อนขึ้นไปตามแขน ต้นแขนของหัวหน้าบอดี้การ์ดไปจนถึงไหล่ขวา กระดูกทั้งหมดของหัวหน้าบอดี้การ์ดถูกบดขยี้
ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้หัวหน้าบอดี้การ์ดช็อกหมดสติล้มลงบนพื้น
ซูเหวินปินรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ แต่เขายังแกล้งทำสีหน้าสงบ ในเวลานี้ถึงจะแพ้แต่ก็จะทำให้คนอื่นดูถูกไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังต้องมีความสง่างาม!
“แกมันหยิ่งผยอง แกรู้ไหมผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ถ้าแกลงมือทำร้ายฉัน?”
ขณะที่ซูเหวินปินกล่าว เขาคิดวางแผนอยู่ในใจ พยายามที่จะใช้วาจาข่มขู่หลี่โม่
หลี่โม่ไม่ใช่ตัวคนเดียว ยังมีญาติพี่น้องในตระกูลที่เป็นจุดอ่อนอยู่มากมาย ซูเหวินปินรู้สึกว่านี่คือจุดอ่อนที่สำคัญของหลี่โม่ ขอแค่กุมจุดอ่อนของหลี่โม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไป!
“ผลที่ตามมา? ควรจะเป็นแกที่ต้องคิดถึงผลที่ตามมา”
หลี่โม่กล่าวอย่างราบเรียบ
“ตลก ที่นี่เป็นเมืองเอก เป็นเขตอิทธิพลของตระกูลซู! อำนาจอิทธิพลของตระกูลซูในเมืองเอก อยู่เหนือจินตนาการของแก แค่แกกล้าลงมือกับฉัน แกกับครอบครัวของเมียแกจะถูกทำลาย! ฉันสัญญาว่าจะทำตามที่พูด!”