จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 260
บทที่ 260 ขัดเกลาคนเลว
“รอให้เขามาจัดการเหี้ยอะไร! ไอ้เศษสวะนั้นรู้ว่าตนเองสร้างเรื่องราวใหญ่โตไว้ น่าจะหนีไปแล้วมั้ง! คุณโง่หรือเปล่า คุณรู้ไหมเขาเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ทิ้งคุณไปในช่วงวิกฤต!”
กู้เจี้ยนเจียงขมวดคิ้วและกล่าว
กู้ชิงหลินสีหน้าเย็นชา โยนสำเนาเอกสารหนึ่งชุดไปตรงหน้ากู้หยุนหลัน
“คุณดูเอาเอง! คนที่ลักพาตัวพวกเรา ถูกส่งมาจากตระกูลซูในเมืองเอก นี่คือบันทึกหลักฐานที่เพิ่งได้รับมาเมื่อสักครู่ ต้องให้พวกเราทั้งตระกูลหายนะ คุณกับสามีเศษสวะจึงจะพอใจใช่ไหม!”
กู้หยุนหลันเปิดดูเอกสารด้วยมือที่สั่น
ตระกูลซู ตระกูลซูเป็นคนส่งคนมาจริง ๆหรือ!
หลี่โม่ไปหาตระกูลซูที่เมืองเอกหรือ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และมีน้ำตาคลอเบ้า
ลองนึกถึงอำนาจของตระกูลซูในเมืองเอก ถ้าหลี่โม่ไปโดยลำพัง มันเหมือนกับการไปหาความตาย!
คนของตระกูลกู้ไม่มีใครสังเกตเห็นอารมณ์ที่ผิดปกติของกู้หยุนหลัน คิดว่ากู้หยุนหลันกำลังตกใจกลัว
“ยังจะบอกว่าให้หลี่โม่ไปจัดการ แม่ง คุณคิดว่าหลี่โม่เป็นใคร! มันเป็นแค่เศษสวะที่เกาะเมียกิน จะสามารถจัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างไร แม้ว่าพวกเราตระกูลกู้จะพยายามอย่างเต็มที่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้! การจะหาคนกลางที่ช่วยคุยก็หาไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยความโมโห ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเหน็บหนาวในใจ กู้เจี้ยนกั๋วไม่กล้าแม้แต่จะคิด ว่าผลที่ตามมาจากการล่วงเกินตระกูลซูจะเป็นอย่างไร
กู้ชิงหลินเหล่มองกู้หยุนหลันที่ซึม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต้องเป็นผู้หญิงเลวคนนี้ที่หว่านเสน่ห์ดึงดูดผู้คนอยู่ข้างนอกจนทำให้เกิดเรื่อง ฉันคิดว่าส่งเธอไปขอโทษที่ตระกูลซูดีไหม!”
กู้ซิงเว๋ยครุ่นคิดว่าจะติดต่อคุณชายซูดีหรือไม่ หากเรื่องนี้พูดคุยประสานงานกันได้ ก็จะทำให้ตนเองได้ความดีความชอบ
เมื่อคิดได้ว่าคุณชายซูสนใจในตัวกู้หยุนหลัน กู้ซิงเว๋ยกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “หยุนหลัน ถึงเวลาที่คุณต้องเสียสละเพื่อตระกูล ผมจะคิดหาทางส่งคุณไปขอโทษตระกูลซูที่เมืองเอก ขอแค่คุณปรนนิบัติคุณชายซูให้ดี เรื่องนี้ก็จะจบได้แน่นอน”
กู้หยุนหลันก้มหน้าไม่พูดอะไรสักคำ เป็นห่วงหลี่โม่อย่างเงียบ ๆอยู่ในใจ
กู้ชิงหลินมองท่าทางของกู้หยุนหลัน กล่าวด้วยความเย้ยหยันว่า “คุณแสร้งทำตัวน่าสงสาร หรือน่าสังเวชทำไม เวลานี้จะเสแสร้งให้ใครดู คุณควรรีบโทรหาสามีไร้ประโยชน์ของคุณให้รีบกลับมา แล้วพวกคุณสองคนไปขอโทษที่ตระกูลซู”
“ให้หลี่โม่เป็นทาส และคุณไปเป็นสาวใช้ เพื่อให้คุณชายซูพอใจ ให้พวกเราหมดกังวลว่าพวกคุณจะไม่สร้างปัญหาให้พวกเราในอนาคตอีก!”
กู้ซิงเว๋ยพูดอย่างอวดเก่ง
ขณะนี้
ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก หลี่โม่ก้าวเดินเข้ามาในห้องประชุม
เมื่อเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา กู้ซิงเว๋ยหัวเราะขึ้น “ไอ้เศษสวะกลับมาได้จังหวะพอดี ฉันคิดว่าแกหนีไปแล้วสักอีก แกกับภรรยาของแกไปกับฉัน ฉันจะพาแกไปขอโทษตระกูลซู”
เมื่อกู้หยุนหลันเห็นหลี่โม่กลับมาแล้ว เธอใช้สองมือเช็ดน้ำตา มองหลี่โม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่กังวล เมื่อเขาเห็นว่าหลี่โม่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณภรรยา ผมกลับมาแล้ว มีคนรังแกคุณใช่ไหม”
หลี่โม่เดินไปข้างกู้หยุนหลัน มองกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆด้วยสายตาเยือกเย็น
กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะด้วยความโกรธและคำราม “หลี่โม่! นี่คืออากัปกิริยาอะไร! แกได้ล่วงเกินตระกูลซูที่อยู่เมืองเอก ทำให้ตระกูลกู้เกิดหายนะครั้งใหญ่เช่นนี้ ตอนนี้แกรีบยอมรับความผิดซะ!”
“จะให้โอกาสพวกคุณสองสามีภรรยาแก้ไขข้อผิดพลาด พวกคุณตามกู้ซิงเว๋ยไปตอนนี้เลย ไปยอมรับความผิดที่ตระกูลซูที่เมืองเอก ไม่ว่าคุณชายซูจะขอให้พวกคุณทำอะไร พวกคุณก็ต้องทำตาม!”
หลี่โม่หัวเราะ “ให้ขอโทษตระกูลซู? คุณกำลังพูดตลกอยู่ใช่ไหม ให้ตระกูลซูมาขอโทษผมและหยุนหลันค่อยน่าฟังหน่อย”
ปัง ๆ ๆ!
กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะติดต่อกันด้วยความโกรธ ตบจนกระทั่งรู้สึกเจ็บฝ่ามือถึงหยุด “แกมันบ้าคลั่งมาก! ยังจะให้ตระกูลซูขอโทษแกอีก แกคิดว่าแกเป็นใคร!”
กู้ชิงหลินมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม “พวกคุณสองสามีภรรยาใช้ได้นี่ คนหนึ่งเสแสร้งทำเป็นน่าสงสาร ส่วนอีกคนหนึ่งเสแสร้งทำเป็นอวดเก่ง หลี่โม่แกเป็นแค่ยาจก จะมาเสแสร้งทำเป็นเจ้านายใหญ่โตที่นี่ทำไม!”
“แกรู้หรือไม่ว่าตระกูลซูที่เมืองเอกมีอำนาจมากเพียงใด อุตสาหกรรมบันเทิงส่วนใหญ่ในเมืองเอกเป็นของตระกูลซู นอกจากนี้ยังมีบริษัทมหาชน เศษสวะอย่างแกแม้ว่าจะใช้สมองก็ไม่สามารถคิดได้ว่า ตระกูลซูมีอำนาจยิ่งใหญ่แค่ไหน!”
กู้เจี้ยนเจียงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “คุณจะพูดเยอะแยะไปทำไม เศษสวะอย่างมันฟังไม่เข้าใจหรอก กู้ซิงเว๋ยรีบส่งสองคนนี้ไปขอโทษตระกูลซูที่เมืองเอก!”
กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้า ใช้สายตาส่งสัญญาณให้กู้ซิงเว๋ย
กู้ซิงเว๋ยลุกขึ้นยืน เดินไปหาหลี่โม่ด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่ง “ไอ้เศษสวะ ตอนนี้แกรู้ความร้ายกาจของตระกูลซูหรือยัง ตอนแรกที่อวดเก่ง เคยคิดถึงจุดจบในวันนี้ไหม!”
“จุดจบอะไร พวกคุณฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือยังไง?”
หลี่โม่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ผมเคยพูดแล้ว เรื่องของตระกูลซูเคลียร์จบแล้ว”
“ถุย”
กู้ซิงเว๋ยถ่มน้ำลายใส่เท้าของหลี่โม่ และกล่าวอย่างเหยียดหยาม “แม่ง แกพูดพล่อย ๆ แกบอกว่าแก้ไขปัญหาแล้ว เรื่องของตระกูลซูไม่ใช่เศษสวะอย่างแกจะสามารถแก้ไขปัญหาได้!”
ทันทีที่กู้ซิงเว๋ยพูดจบ ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เหล่าไป๋และอันธพาลคนอื่น ๆ ที่ถูกจับตัวไปก่อนหน้า ได้เดินเข้ามาที่ห้องประชุมทั้งหมด
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ถอยไปอยู่ที่มุมข้างหลังด้วยความตื่นตระหนก พวกเขามองไปที่เหล่าไป๋และคนอื่น ๆด้วยความหวาดกลัว
“พวก พวกแก พวกแกทำไม ทำไม……”
กู้ซิงเว๋ยตกใจจนพูดไม่เป็นประโยค
มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เกี่ยวข้องเดินเข้ามา กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องตกใจ พวกเขามาขอโทษยอมรับผิด”
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ เบิกตากว้าง มองไปที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วยความงุนงง รู้สึกว่ามันเหมือนเป็นภาพลวงตา
ยอมรับผิด ขอโทษ?
คนชั่วเหล่านี้กลับเนื้อกลับตัวเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง
คนเหล่านี้ถูกพามาขอโทษ จากคำสั่งของตระกูลซู
ซูเม่าเหวินส่งคนไปรับซูเหวินปินกลับมา หลังจากฟังซูเหวินปินเล่าเรื่องการขอโทษแล้ว เขาก็ครุ่นคิดอยู่นานจนเข้าใจความหมายของหลี่โม่
ในที่สุดซูเม่าเหวินก็ตัดสินใจ ไม่ว่าหลี่โม่จะหมายความว่าอย่างไร ทางด้านตนเองจะต้องแสดงความจริงใจให้เต็มที่ เมื่อพบเจอคนที่คนที่มีอำนาจมากจะสั่งอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะต้องแสดงเคารพมากแค่ไหนมันก็ไม่เกินไป
ตามคำสั่งของตระกูลซู หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมืองฮ่านรีบพาเหล่าไป๋และคนอื่น ๆ มาขอโทษถึงที่
เหล่าไป๋และคนอื่น ๆคุกเข่าต่อหน้าหลี่โม่ กล่าวขอโทษหลี่โม่อย่างพร้อมเพรียงกัน “คุณหลี่ พวกเราผิดไปแล้ว คุณหลี่โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย”
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆมองภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกเขารู้สึกว่าสับสนมึนงงไปหมด
คนพวกนี้มาคุกเข่า? แล้วยังขอโทษหลี่โม่? ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอะไร?
กู้หยุนหลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเธอเคยเห็นสิ่งแปลกมากมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่โม่ กู้หยุนหลันจึงก็ไม่ตกใจมาก
กู้หยุนหลันคิดว่า หลี่โม่ใช้อำนาจความสัมพันธ์ของเฉียนฝูในการจัดการเรื่องนี้?
กู้เจี้ยนกั๋วจ้องมองไปที่เหล่าไป๋และคนอื่น ๆที่ก้มกราบไม่หยุด อดไม่ได้จึงเดินไปหาเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“พี่ชาย นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่? พวกคุณขัดเกลาคนเลวพวกนี้หรือ?”