จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 262
หวังฟางจงใจพูดถึงความชอบส่วนตัวของกู้เจี้ยนหมินและความสัมพันธ์ของฮั่วเจี้ยนเฟิงเพื่อพยายามใช้เป็นเหตุผลในการโน้มน้าวกู้หยุนหลัน บางทีกู้หยุนหลันอาจจะตกลงที่จะไม่พาหลี่โม่ไปด้วยก็ได้
หวังฟางที่เต็มไปด้วยความคิดที่ซับซ้อนมองไปที่กู้หยุนหลันอย่างตั้งใจ เธอหวังจะได้ยินในสิ่งที่เธอต้องการจากปากของกู้หยุนหลันมาก
แต่หลังจากกู้หยุนหลันได้ยินชื่อของฮั่วเจี้ยนเฟิง เธอก็เข้าใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นทันที
“ต้องพาหลี่โม่ไปด้วย ไม่อย่างนั้นหนูก็จะไม่ไป”
“เธอทำไมถึงดื้อขนาดนี้!”
เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถโน้มน้าวกู้หยุนหลันได้ หวังฟางจึงละทิ้งความตั้งใจของเธอและทำตามในสิ่งที่กู้หยุนหลันขอ เพราะถึงอย่างไรแล้วเธอไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญของฮั่วเจี้ยนเฟิงได้อย่างแน่นอน
“ตามใจละกัน ถ้าเธอไม่อายคนอื่นก็พาหลี่โม่ไปเลย!”
หวังฟางพูดจบก็เดินกลับห้องด้วยความโกรธทันที ส่วนกู้หยุนหลันก็ถอนหายใจและยังลังเลว่าจะไปดีหรือไม่
ถ้าฮั่วเจี้ยนเฟิงอยู่ด้วยหลี่โม่ต้องถูกเขาดูถูกอย่างแน่นอน
ดังนั้นกู้หยุนหลันจึงกลับไปในห้องแล้วเล่าเรื่องที่จะไปร่วมงานประมูลให้กับหลี่โม่ฟังอีกรอบ
“หรือว่าเราไม่ต้องไปจะดีกว่า คนอย่างฮั่วเจี้ยนเฟิงต้องไม่มาดีแน่เลย”
กู้หยุนหลันพูดอย่างกังวล
“อ้าว ทำไมล่ะ ฮั่วเจี้ยนเฟิงอุตส่าห์ยอมควักเงินให้พวกเราไปเที่ยวนะ เราต้องไปสิ ไม่อย่างนั้นจะเสียน้ำใจเขานะ”
หลี่โม่ไม่ได้คิดจะปฏิเสธ เพราะเขาเชื่อว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงต้องหาเรื่องใส่ตัวอย่างแน่นอน สำหรับหลี่โม่แล้วมีแต่ผลดีเท่านั้น
และแล้วกู้หยุนหลันก็ยิ้มและพยักหน้าตอบ “งั้นเราไปด้วยกันนะ”
……
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้เจี้ยนหมินที่ตื่นเต้นกับการประมูลหยกก็ตื่นแต่เช้าตรู่
เพราะความชื่นชอบในหินหยก กู้เจี้ยนหมินจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะได้เข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้
หลี่โม่และคนอื่นๆ ก็ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หวังฟางพูดด้วยเสียงสูง “หยุนหลัน รีบไปเปิดประตูเร็ว เจี้ยนเฟิงมาแล้ว”
กู้หยุนหลันมองไปที่หลี่โม่อย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นหลี่โม่ก็ยิ้มแล้วเดินไปเปิดประตูแทนเธอ
ฮั่วเจี้ยนเฟิงคาดหวังว่าจะได้เจอกับกู้หยุนหลันเป็นคนแรก แต่เมื่อได้เห็นหลี่โม่แล้วสีหน้าของเขาก็บูดบึ้งทันที
“นาย!”
“นายอะไร จะเข้ามาไหม ไม่เข้าผมปิดประตูนะ”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
“เหอะ! ไอ้คนกระจอก เดี๋ยวนายจะรู้ซึ้งถึงความแตกต่างของระหว่างเราในงานประมูลเอง!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงชนหลี่โม่ด้วยไหล่แล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างหงุดหงิด
หวังฟางที่เห็นฮั่วเจี้ยนเฟิงเดินเข้ามาก็ยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่น “เชิญนั่งก่อนนะเจี้ยนเฟิง ลำบากคุณแล้วนะที่ต้องมารับพวกเราตั้งแต่เช้า”
“เปล่าครับ ไม่ต้องเกรงใจครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างสุภาพแล้วมองไปที่กู้หยุนหลัน
หลังจากหายไปสองสามวัน ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่ากู้หยุนหลันดูเหมือนจะสวยขึ้น แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่กู้หยุนหลันไม่ยอมหย่ากับหลี่โม่เขาก็รู้สึกแอบเศร้าในใจ
“หยุนหลัน ผมซื้ออาหารเช้าจากหยุนจิ่นจายมาฝากพวกคุณครับ ยังอุ่นอยู่เลยนะ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงวางกล่องที่สวยงามไว้บนโต๊ะแล้วเปิดฝาอย่างระมัดระวังและทำให้ทุกคนได้เห็นอาหารเช้าที่หรูหราในกล่องนั้น
หวังฟางถึงกับเบิกตากว้าง เพราะนั่นเป็นอาหารเช้าที่หรูหราที่สุดในเมืองฮ่านและมีราคาถึงหลายพันหยวนเลยทีเดียว
“นี่คือขนมสิบหกรสครับ มันเป็นขนมที่ค่อนข้างหายากและใช้วัตถุดิบที่ค่อนข้างซับซ้อนด้วย พวกคุณลองชิมดูก่อนสิครับ แล้วก็ยังมีซุปรังนกอยู่ด้านล่างด้วยนะ ผมตั้งใจสั่งมาให้หยุนหลันกับคุณน้าเป็นพิเศษเลยครับ เพราะรังนกเป็นอาหารเสริมที่ดีของผู้หญิงเลยนะครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงวางกล่องชั้นขนมสิบหกรสไว้บนโต๊ะและด้านล่างกล่องก็มีซุปรังนกที่หรูหราวางไว้อีกสองถ้วย
“เจี้ยนเฟิงใจดีจริงๆ อาหารเช้าชุดนี้ต้องไม่ใช่ของถูกๆ แน่เลย คุณพาพวกเราไปเที่ยวก็ใช้เงินมากพอแล้วยังซื้ออาหารเช้าตั้งแพงขนาดนี้มาให้เราอีกด้วย”
หวังฟางพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากชื่นชมฮั่วเจี้ยนเฟิงเสร็จแล้วสายตาของเธอก็หันมองไปที่หลี่โม่แล้วอารมณ์ก็เปลี่ยนไปทันที
“นายดูคนอื่นบ้างสิไอ้คนไร้ค่า เจี้ยนเฟิงซื้ออาหารหรูหราขนาดนี้มาให้หยุนหลัน แล้วนายเคยซื้ออะไรให้เธอไหม! ไร้ประโยชน์แล้วยังไม่พอแถมยังหน้าด้านอยู่ไปวันๆ อีก!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเหลือบมองไปที่หลี่โม่แล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “ไอ้กระจอก นายลองชิมดูก็ได้นะ อาหารเช้าชุดนี้ราคาแปดพันแปดร้อยหยวน คนจนๆ อย่างนายไม่มีปัญญาซื้อกินหรอก”
หลี่โม่หันมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้วพูดอย่างเฉยเมย “คุณรีบกินเถอะ เงินแปดพันแปดร้อยหยวน ตอนคุณซื้อคงเจ็บใจน่าดูสินะ”
“ไร้สาระ! เงินแปดพันแปดร้อยหยวนก็แค่เศษเงินสำหรับข้า วันหนึ่งข้าหาเงินได้หลายต่อหลายหมื่น คนกระจอกอย่างนายคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะทำเงินได้เร็วแค่ไหนหรอก”
เมื่อพูดจบฮั่วเจี้ยนเฟิงก็หันมองไปที่กู้หยุนหลันแล้วยิ้มพูดต่อ “หยุนหลัน ช่วงนี้ผมได้กำไรจากธุรกิจของผมเยอะเลย เดี๋ยวผมจะประมูลหยกที่ดีที่สุดในงานประมูลครั้งนี้ให้คุณเป็นของขวัญก็แล้วกันนะ”
“ไม่เป็นไร คุณเก็บไว้ให้คนอื่นดีกว่านะ แล้วก็ฉันกินอาหารเช้าที่หลี่โม่ทำเรียบร้อยแล้ว อาหารเช้าของคุณฉันคงกินไม่ลงแล้วล่ะ”
กู้หยุนหลันไม่แม้แต่จะเหลือบมองอาหารเช้าสุดหรูของฮั่วเจี้ยนเฟิง เธอเดินผ่านฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้วไปนั่งลงที่ข้างๆ หลี่โม่
ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกอึดอัดใจมาก เขาอุตส่าห์เสียเงินตั้งมากมายเพื่อสั่งจองล่วงหน้า แต่กู้หยุนหลันกลับไม่มองเลยด้วยซ้ำ
หวังฟางแสร้งไอแล้วพูดอย่างกลมกลืน “เจี้ยนเฟิงจ๋า ช่วงนี้หยุนหลันไม่ค่อยอยากอาหาร ยิ่งตอนเช้าเธอจะกินน้อยมาก งั้นเดี๋ยวคุณน้ากับคุณน้ากู้สองคนกินก็แล้วกันนะ”
“อ้อครับ คุณน้าตามสบายเลยครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างเหลือทน
หลังจากกู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางกินจนอิ่มแล้วพวกเขาทั้งหมดก็ไปขึ้นรถของฮั่วเจี้ยนเฟิงเพื่อออกเดินทาง
ขณะที่นั่งอยู่บนรถฮั่วเจี้ยนเฟิงพยายามหาเรื่องคุยกับกู้หยุนหลัน แต่กู้หยุนหลันไม่ได้สนใจเขาเลย ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกไม่สบายใจมาก
เดิมทีวางแผนจะเอาชนะใจคนสวยและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกู้หยุนหลัน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะผิดหวังตั้งแต่เช้า
ฮั่วเจี้ยนเฟิงแอบนินทาอยู่ในใจและมองไปที่การ์ดสีทองบนหน้ารถซึ่งเป็นบัตรสมาชิกของโรงแรมDH
เพื่อจะอวดความร่ำรวยของเขา ฮั่วเจี้ยนเฟิงถึงกับต้องเลือกที่พักระดับห้าดาวอย่างโรงแรมDH
เมื่อเห็นการ์ดสีทองของโรงแรมนั้น ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็รู้สึกอุ่นในและคิดว่ากู้หยุนหลันต้องประทับใจเมื่อได้เข้าพักโรงแรมแห่งนี้อย่างแน่นอน
การที่ได้เข้าพักโรงแรมสุดหรูแบบนี้ก็เป็นความใฝ่ฝันของสาวๆ ทุกคน ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงคิดว่ากู้หยุนหลันก็จะเป็นเช่นนั้น และเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะได้เล่นงานหลี่โม่ให้อับอายขายหน้าไปด้วย!
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเร่งความเร็วจนเสียงเครื่องของรถ BMW ดังขึ้นและมุ่งหน้าไปยังเมืองหลินอย่างรวยเร็ว
“หยุนหลัน คุณน้าทั้งสอง เราใกล้ถึงกันแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน แล้วเราค่อยไปที่งานประมูลนะครับ”
กู้เจี้ยนหมินพยักหน้าตอบ “ตามสบายเลยครับ วันนี้เราคงต้องรบกวนเจี้ยนเฟิงทั้งวันแล้วล่ะ”