จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 267
หลี่โม่กับกู้หยุนหลันออกจากตลาดดอกไม้สดจากนั้นเดินเตร่อยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเวลาการประมูลใกล้จะถึงทั้งสองจึงเดินกลับไปที่โรงแรม
กู้เจี้ยนหมินกับภรรยาและฮั่วเจี้ยนเฟิงก็ได้นั่งรอที่ล็อบบี้โรงแรม เมื่อเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลันกลับมาหวังฟางก็โบกมือเรียกทั้งสอง
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่เห็นหลี่โม่ในสภาพปกติ เขาจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา
นี่มันหมายความว่าไง?
เฝิงจื่อฉายทำไมไม่จัดการหลี่โม่?
หรือว่าหลี่โม่จัดการเฝิงจื่อฉายไปแล้ว……
ฮั่วเจี้ยนเฟิงได้แต่ส่ายหัว เขาคิดว่าหลี่โม่ไม่มีทางต่อกรกับเฝิงจื่อฉายผู้เป็นเจ้าถิ่นได้อย่างแน่นอน ถ้าหลี่โม่กล้าทำร้ายเฝิงจื่อฉายเขาต้องถูกคนของเฝิงจื่อฉายเล่นงานจนตายในตลาดอย่างแน่นอน
แต่ทำไมหลี่โม่ถึงไม่เป็นไรเลย?
เครื่องหมายคำถามมากมายปรากฏขึ้นบนหน้าผากของฮั่วเจี้ยนเฟิง
ถ้าโทรถามเฝิงจื่อฉายเวลานี้ก็คงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงคิดว่าไปถามเขาที่หน้างานประมูลจะดีกว่า
หวังฟางมองไปที่หลี่โม่ที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา
“พวกเธอไปไหนมา? ไม่รู้จักพักผ่อนอยู่ในห้องบ้างเหรอ?” หวังฟางพูดอย่างไม่พอใจ
“พ่อครับ เราออกไปเดินเล่นแถวนี้ครับ ไม่ได้ทำให้เสียเวลาหรอกครับ”
“เหอะ ไม่ต้องพูด”
หวังฟางจ้องหน้าหลี่โม่แล้วพูดอย่างรำคาญ “วันๆ เอาแต่สร้างปัญหา ไร้ปัญญาขนาดนี้แล้วยังจะพาหยุนหลันเดินเที่ยวไปทั่ว นายพาหยุนหลันออกไปเที่ยวแล้วจะมีปัญญาซื้ออะไรให้เธอไหม?”
“คนอื่นพาภรรยาออกไปเที่ยวเขาต้องช้อปปิ้งกันนะ เขาซื้อแต่ของใช้เสื้อผ้าแบรนด์เนมเพื่อเอาใจภรรยา แล้วคนอย่างนายจะซื้ออะไรได้ ฉันล่ะไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไร้ประโยชน์อย่างนายมาก่อนเลยจริงๆ”
หลี่โม่ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงยิ้มพูดขึ้นมา “ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณน้า พรุ่งนี้ผมจะพาหยุนหลันไปช้อปปิ้งเองครับ ผมจะซื้อเสื้อผ้าชาแนล กุชชี่ ปราด้าหรือแบรนด์ดังต่างประเทศให้กับหยุนหลันเองครับ”
หวังฟางยิ้มอย่างพอใจและคิดในใจว่าเธอไม่ได้เสียแรงที่พูดประชดหลี่โม่ เธอรู้สึกว่าหลี่โม่นั้นเทียบไม่ได้กับคนอย่างฮั่วเจี้ยนเฟิงเลยจริงๆ
กู้หยุนหลันปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่ต้องการเสื้อผ้าชื่อดังเหล่านั้น อีกอย่างมันก็ไม่เหมาะสมที่คุณจะซื้อให้ฉันหรอก”
“หยุนหลัน! เธอทำไมใจแข็งขนาดนี้นะ ชีวิตดีๆ มีให้เลือกแต่เธอดันจะเลือกใช้ชีวิตลำบากกับคนอย่างนั้น เจี้ยนเฟิงอุตส่าห์มีน้ำใจจะซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้เธอ แล้วเธอทำไมถึงต้องปฏิเสธเขาล่ะ เธออยู่กับคนจนๆ อย่างหลี่โม่ชีวิตนี้ไม่มีวันเจริญหรอก”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงสีหน้าขมขื่นทันที จากนั้นเขาฝืนยิ้มแล้วพูดต่อ “ถ้าหยุนหลันไม่เอาก็ไม่เป็นไรครับ วันหลังยังมีโอกาสอยู่ หรือไม่ปีหน้าผมค่อยพาหยุนหลันไปซื้อที่นิทรรศการแฟชั่นนานาชาติก็ได้ครับ”
“ได้ยินไหม นิทรรศการแฟชั่นนานาชาติเชียวนะ! เธอรู้ไหมว่ามันอลังการแค่ไหน อย่างดื้อด้านอีก ถ้าเปลี่ยนเป็นกู้ชิงหลินเธอต้องรับปากทันทีแล้ว”
หวังฟางอ้างถึงกู้ชิงหลินเป็นตัวอย่าง
“หนูมีชีวิตของหนู หนูมีหลี่โม่กับซีซีก็เพียงพอแล้ว”
กู้หยุนหลันตอบกลับ
กู้เจี้ยนหมินถอนหายใจแล้วลุกขึ้นพูด “ได้เวลาแล้ว เราไปงานประมูลกันเถอะ เรื่องของหยุนหลันค่อยคุยกันวันหลังก็ได้ไม่ต้องรีบหรอก”
เรื่องจุกจิกในบ้านกู้เจี้ยนหมินจะไม่ค่อยยุ่งมากนัก ถ้าเปลี่ยนลูกเขยที่ดีให้กับกู้หยุนหลันได้เขาก็จะยินยอมเหมือนกัน แต่ถ้ากู้หยุนหลันยังคงดื้อรั้นกู้เจี้ยนหมินก็จะไม่บังคับเธอด้วยเช่นกัน
หวังฟางมองไปที่หลี่โม่ด้วยความรังเกียจแล้วพูดอย่างเหลือทน “เจี้ยนเฟิง เราไปกันเถอะ”
จากนั้นฮั่วเจี้ยนเฟิงก็พาทุกคนไปขึ้นรถและไปยังสถานที่ประมูล
“เมืองจินไห่มีศูนย์รวมการประมูลที่เป็นของตัวเองด้วยนะครับ เขาทำได้ดีมาก ดังนั้นการประมูลสินค้าทางวัฒนธรรมของทั้งมณฑลก็มักจะจัดขึ้นที่เมืองจินไห่นี้ ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้เมืองจินไห่มีการประมูลอย่างหลากหลายและแตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้จัดการประมูลครั้งนี้เขามีชื่อว่าลู่เจี้ยนปิน เขาเป็นคนดังในเมืองเมืองจินไห่และถือว่าเป็นราชาแห่งการประมูลของเมืองจินไห่ด้วยนะครับ”
“จะบอกว่าลู่เจี้ยนปินเป็นตำนานเลยก็ได้นะครับ เดิมทีเขาเป็นแค่นักสะสมของโบราณที่มีตำหนิ แต่หลังจากสังคมเริ่มมีความนิยมสิ่งของวัตถุโบราณ บวกกับของที่เขาสะสมมาหลายสิบปี ดังนั้นวัตถุโบราณของเขาจึงค่อยๆ กลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักประมูลมากขึ้น”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงขับรถไปด้วยแล้วหาเรื่องคุยกับกู้เจี้ยนหมินไปด้วย เขารู้ว่ากู้เจี้ยนหมินเป็นคนชอบสะสมหยกโบราณ ดังนั้นด้วยไหวพริบของฮั่วเจี้ยนเฟิง เขาจึงเลือกพูดเรื่องที่กู้เจี้ยนหมินสนใจเป็นพิเศษ
“ลู่เจี้ยนปินเหรอ ผมรู้จักเขานะ ผมเคยเห็นเขาในตลาดของโบราณด้วย แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนดังในวงการนักสะสมไปแล้ว ซึ่งนักสะสมของมณฑลเราไม่มีใครเทียบกับลู่เจี้ยนปินได้เลยสักคน”
“อีกอย่างผมยังได้ยินมาว่าลู่เจี้ยนปินเป็นคนรวยที่สุดและยังมีตำแหน่งชื่อเสียงในเมืองจินไห่นี้อีกด้วย เป็นแค่นักสะสมแต่กลับกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ ผมว่ามีแค่ลู่เจี้ยนปินคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้แล้วล่ะ”
กู้เจี้ยนหมินพูดคุยกับฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างเพลิดเพลิน ในขณะที่หวังฟางยังคงบ่นพึมพำกับกู้หยุนหลันเรื่องที่จะให้เธอหย่ากับหลี่โม่
ส่วนกู้หยุนหลันก็ส่งสายตาเพื่อปลอบโยนหลี่โม่ และหลี่โม่ก็ได้แต่แสดงรอยยิ้มตอบเธอ
รถของฮั่วเจี้ยนเฟิงแล่นไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ไปถึงลานจอดรถของศูนย์การประมูลของเมืองจินไห่เป็นที่เรียบร้อย
ในลานจอดรถมีรถหรูจอดอยู่มากมาย เมื่อรถBMWของฮั่วเจี้ยนเฟิงขับเข้าไปก็กลายเป็นรถธรรมดาในทันที
หลี่โม่และคนอื่นๆ ลงจากรถและมองไปที่ศูนย์การประมูลสินค้าของเมืองจินไห่อันหรูหราที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
ศูนย์การประมูลสินค้าของเมืองจินไห่ถูกดีไซน์ให้เป็นสไตล์ของพระราชวัง ซึ่งทำให้คนมองแล้วรู้สึกทันสมัยและรู้สึกอลังการเป็นอย่างมาก
“ลู่เจี้ยนปินเป็นคนลงทุนสร้างศูนย์ประมูลแห่งนี้ แค่ศูนย์ประมูลนี้ก็ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมากกว่าเจ็ดพันล้านหยวนแล้วครับ” ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มพูด
“หลี่โม่ นายได้ยินไหม แต่ฉันไม่ได้หวังจะให้นายหาเงินมาหกเจ็ดพันล้านหยวนหรอกนะ แค่นายได้เงินเดือนหกเจ็ดหมื่นหยวนฉันก็ดีใจแล้วล่ะ” หวังฟางพูดอย่างประชดประชัน
หลี่โม่ก้มหน้าแล้วยิ้มจางๆ และไม่ได้พูดอะไร
“คิดจะรับเงินเดือนหกเจ็ดหมื่นมันต้องมีคุณสมบัติเพียงพอด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความสามารถหรือทักษะประสบการณ์ต่างๆ ก็ต้องเพียบพร้อมด้วย ไม่ใช่ว่าคิดจะได้ก็ได้เลยนะครับ คนอย่างหลี่โม่ชาติหน้าก็คงไม่ได้เงินเดือนหกเจ็ดหมื่นนี้หรอก แต่ถ้าหกเจ็ดพันก็ว่าไปอย่าง”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่พลาดโอกาสที่จะดูถูกหลี่โม่
ในสายของฮั่วเจี้ยนเฟิง หลี่โม่ก็คือคนเกียจคร้านคนหนึ่ง ซึ่งงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาก็คือรปภ.ที่ใช้ชีวิตไปวันๆ เงินเดือนสองสามพันก็เป็นขีดจำกัดความสามารถของเขาแล้ว
กู้เจี้ยนหมินในขณะนี้แทบจะอดใจรอที่จะเข้าไปชมงานประมูลไม่ไหวแล้ว
“มีตัวอย่างสินค้าไหม? ผมจะเข้าไปชมก่อนนะ”
กู้เจี้ยนหมินเดินไปพูดไป
หวังฟางกลอกตาแล้วพูดกับหลี่โม่ต่อ “ไอ้คนไร้ประโยชน์ นายเข้าไปในงานกับพวกเราจะเป็นภาระพวกเราอีกไหม”
หวังฟางตั้งใจจะให้หลี่โม่แยกกับกู้หยุนหลันเพื่อจะสร้างโอกาสให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงได้อยู่กับกู้หยุนหลัน
แต่กู้หยุนหลันจับมือหลี่โม่แล้วพูดว่า “แม่คะ หนูกับหลี่โม่ขอไปเดินเองนะคะ”
“ดื้อด้านจริงๆ!”
หวังฟางพูดอย่างหงุดหงิด
ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ถ้าเจอกับเฝิงจื่อฉาย เขาจะให้เฝิงจื่อฉายเล่นงานหลี่โม่ต่อหน้ากู้หยุนหลัน และจะให้กู้หยุนหลันเห็นถึงสายสัมพันธ์ที่ดีของเขากับคนใหญ่คนโต
“คุณน้าครับ ถ้าอย่างนั้นน้าสาวกับน้าชายไปเดินกันสองคนเลยนะครับ พวกเราไม่ไปดูสินค้าตัวอย่างแล้วครับ”
“งั้นน้ารบกวนฝากเจี้ยนเฟิงดูแลหยุนหลันด้วยนะ ไอ้กระจอกหลี่ นายทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”
หวังฟางไม่รู้จะพูดยังไงกับกู้หยุนหลันอีก เธอได้แต่ทิ้งประโยคสุดท้ายแล้วเดินตามกู้เจี้ยนหมินไป