จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 268
อาคารศูนย์การประมูลของเมืองจินไห่จะแบ่งออกเป็นสองส่วน ซึ่งสองในสามของพื้นที่จะเป็นห้องจัดแสดงสินค้าตัวอย่าง ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะแบ่งออกเป็นห้องประมูลหลายห้องที่มีขนาดไม่เท่ากัน
ทุกครั้งก่อนที่จะมีการประมูล ทางเจ้าภาพก็จะจัดแสดงสินค้าตัวอย่างก่อนวันประมูล 3-5 วัน ดังนั้นคนที่สนใจในการประมูลก็จะเข้ามาดูตัวอย่างล่วงหน้า
บางคนถึงขั้นพาผู้เชี่ยวชาญไปดูสินค้าด้วยกัน ในขณะเดียวกันก็จะสังเกตรายละเอียดสินค้าตัวอย่าง เช่นชนิดสินค้าหรือประเมินมูลค่าของสินค้านั้นๆ
กู้เจี้ยนหมินที่มาเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้ออะไรเลย แค่ตั้งใจมาดูเท่านั้น
ปัจจุบันราคาของหยกชั้นดีก็แทบจะสูงเสียดฟ้าแล้ว ซึ่งมันเกินกำลังซื้อของกู้เจี้ยนหมินอย่างแน่นอน ส่วนสินค้าราคาถูกนั้นก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของกู้เจี้ยนหมินด้วยเช่นกัน
ดังนั้นในการมาครั้งนี้ของกู้เจี้ยนหมินจึงเป็นได้แค่ผู้ชมหรือเป็นการบรรเทาตัณหาของเขาเท่านั้น
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพากู้หยุนหลันกับหลี่โม่เดินเข้าไปในโซนการประมูล “ในงานแสดงไม่มีอะไรน่าดูหรอก แต่ถ้าอยากดูในล็อบบี้ก็มีรูปถ่ายให้ดูนะ”
“หยุนหลัน คุณกับน้าชายและน้าสาวถ้าชอบสินค้าชิ้นไหนก็บอกผมได้นะ เดี๋ยวผมจะประมูลให้ ห้ามเกรงใจกับผมนะ”
หลังจากฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดจบ เขาก็เหลือบมองไปที่หลี่โม่แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “ส่วนไอ้กระจอกอย่างนาย ข้าก็จะไม่ดูแลเป็นพิเศษแล้วนะ นายอยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเองละกัน แต่จะบอกนายไว้ก่อนว่าของในนี้นายเก็บเงินทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญญาซื้อได้หรอก อย่าเสียเวลาไปดูเลย”
กู้หยุนหลันจับมือหลี่โม่แล้วใช้หัวแม่มือลูบหลังมือของหลี่โม่เบาๆ เพื่อจะปลอบใจเขา
หลี่โม่ยิ้มให้กับกู้หยุนหลันโดยที่ไม่สนใจคำพูดเยาะเย้ยของฮั่วเจี้ยนเฟิงเลย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่เห็นสามีภรรยาคู่นี้เข้ากันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็เกิดความเกลียดชังขึ้นมาทันที เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบขวานมาฟันมือของหลี่โม่ให้หลุดออกจากมือของกู้หยุนหลัน
เมื่อเข้าไปในโซนประมูลพวกเขาก็ได้เดินผ่านกลุ่มชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังรวมตัวพูดคุยกันอยู่ ซึ่งคนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะเป็นเหล่าลูกเศรษฐีทั้งนั้น
เหล่าลูกเศรษฐีที่เห็นกลุ่มของหลี่โม่ทั้งสามเดินผ่านก็หันมองไปแต่ไม่ได้สนใจพวกเขาและพูดคุยกันต่อไป
“ได้ข่าวว่าเฮียฉายเอวเคล็ดนะ เดี๋ยวคงต้องใช้โอกาสนี้เพื่อเขาหาแกแล้วล่ะ”
“เอวเฮียฉายไม่ได้เคล็ดหรอก เขาน่าจะใช้งานเอวหนักไป เดี๋ยวเราหายาไปนวดให้แกดีกว่า”
“พวกนายเป็นผู้ชายจะรู้อะไรเล่า เรื่องแบบนี้ต้องให้สาวๆ อย่างพวกเราทำมากกว่า ถ้าเรานอนกับเฮียฉายจนพี่เขาพึงพอใจแล้ว ฉันเชื่อว่าสัญญาบริษัทของที่บ้านฉันต้องได้รับอนุมัติอย่างแน่นอน”
เหล่าลูกเศรษฐีต่างก็กำลังเริ่มโครงการใหม่ของกิจการในครอบครัว ซึ่งสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือความช่วยเหลือจากคนที่มากความสามารถอย่างเฝิงจื่อฉาย
เพื่อที่จะแสดงถึงความสามารถให้กับผู้อาวุโสในครอบครัวได้เห็น เหล่าลูกคนรวยจึงพยายามคิดหาวิธีในการเข้าหาเฝิงจื่อฉาย ซึ่งบ่ายวันนี้พวกเขาได้รับคำเชิญจากเฝิงจื่อฉายให้มาร่วมงานประมูลด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงพากันมารอที่งานอย่างไม่รอช้า
จากนั้นหลี่โม่หาที่นั่งแล้วนั่งลง แต่ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เข้ามาพูดกับเขาอย่างไม่พอใจ “ไอ้กระจอกนายหาที่นั่งที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอ ข้างหน้ายังมีที่นั่งดีๆ มากมายให้นั่งแต่นายดันไม่เลือก หยุนหลัน เราย้ายไปนั่งข้างหน้ากัน”
“ผมจะบอกให้คุณฟังนะหยุนหลัน ยิ่งคุณนั่งข้างหน้ามากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีเกียรติมากเท่านั้น แต่ที่นั่งตรงกลางแถวแรกเป็นที่นั่งสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองจินไห่ พวกเราไปนั่งไม่ได้หรอก ส่วนพวกเราไปนั่งแถวกลางๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพยายามจะโชว์พาวให้กับกู้หยุนหลันดู แต่กู้หยุนหลันกลับไม่สนใจคำพูดของเขาและยังนั่งอยู่ตรงหัวมุมกับหลี่โม่อย่างไม่ขยับไปไหน
ฮั่วเจี้ยนเฟิงหงุดหงิดจนแทบจะเป็นบ้า จากนั้นเขากัดฟันแล้วหยิบมือถือออกมาและส่งข้อความไปหาเฝิงจื่อฉายเพื่อถามเขาว่าจะมาถึงเมื่อไหร่
ไม่นานหลังจากนั้นข้อความของเฝิงจื่อฉายก็ตอบกลับ เขาถึงหน้าประตูแล้ว กำลังจะเข้าไปในงาน
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเลิกคิ้วขึ้นแล้วเดินออกไปรอเฝิงจื่อฉายตรงหน้าประตูด้วยรอยยิ้ม
กลุ่มวัยรุ่นลูกเศรษฐีก่อนหน้านี้ก็ได้รับข้อความด้วยเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงรีบออกไปต้อนรับการมาของเฝิงจื่อฉาย
ทั้งสองด้านของทางเดินด้านนอกโซนประมูลมีชายชุดสูทสีดำยืนพิงกำแพงเป็นแถวยาว แค่เห็นก็ทำให้คนรู้สึกตกตะลึงแล้ว
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองไปที่ชายชุดสูทสีดำที่มีจำนวนนับร้อยคน ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็ตกใจขึ้นมาทันที เพราะเขาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนเลย
ส่วนลูกเศรษฐีที่ตามด้านหลังฮั่วเจี้ยนเฟิงมาติดๆ ก็ชักสีหน้าที่แตกต่างกับเขา ซึ่งพวกเขาทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
“เปิดตัวอย่างอลังการแบบนี้ หรือว่าเฮียฉายจะเรียกเฮียหยางมาด้วย ในเมืองจินไห่คงมีแต่เฮียหยางเท่านั้นที่จะเปิดตัวแบบนี้”
“ต้องเป็นเฮียหยางแน่เลย ฉันบอกแล้วไงว่าเฮียฉายเป็นเพื่อนสนิทของเฮียหยาง ถ้าเรามัดใจเฮียฉายได้ เรื่องคอนแทรคสัญญาของเราต้องผ่านฉลุยได้อย่างแน่นอน”
“พวกผู้ชายหลบไปก่อน ให้สาวๆ อย่างพวกเรายืนข้างหน้าหน่อย ด้วยความสวยของสาวแกร่งอย่างพวกเราต้องเป็นที่สนใจของเฮียฉายกับเฮียหยางได้อยู่แล้ว”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่ได้ยินคำพูดของเหล่าลูกคนรวยก็ส่ายหัวแล้วยิ้มจางๆ
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่ยังรู้สึกเซอร์ไพรส์สำหรับความเก่งของเฝิงจื่อฉายก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น เขามั่นใจว่าด้วยชื่อเสียงของเฝิงจื่อฉาย เขาจะจัดการกับไอ้กระจอกหลี่โม่อย่างสาสมได้อย่างแน่นอน
จากนั้นจางจงหยางที่สวมชุดจีนสีแดงเข้มในท่ามกลางเหล่าบอดี้การ์ดรายล้อมก็เดินเข้ามาในงานพร้อมกับเฝิงจื่อฉาย
เฝิงจื่อฉายเดินด้วยท่าทางแปลกๆ มือขวาของเขาจับที่เอวแล้วเดินอย่างกะเผลกเข้ามา
“ฮ่า ๆ บอกแล้วไงว่าให้นั่งรถเข็นไม่ฟัง รู้สึกอายแล้วใช่ไหมที่ถูกเขามองด้วยสายตาแปลกๆ?”
จางจงหยางพูดอย่างขำขัน
“นั่งบ้าอะไรเล่า คืนนี้ต้องจัดการไอ้หมอนั้นให้ได้ คอยดู! จะเล่นงานมันอย่างไม่ตายก็ให้เลี้ยงไม่โต!”
ความโกรธที่อัดอั้นในใจเฝิงจื่อฉายพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ
“เฮียฉาย ให้หนูช่วยพี่นะคะ”
“เฮียฉายเจ็บไหมคะ เดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ”
สาวสวยลูกเศรษฐีทั้งสองรีบฉวยโอกาสนี้เข้าหาเฝิงจื่อฉายเมื่อเขาเดินผ่าน ทั้งสองรีบเข้าไปหยุงเฝิงจื่อฉายไว้ทั้งซ้ายมือและขวามือของเขา
จากนั้นเฝิงจื่อฉายก็ยิ้มอย่างมีความสุข เขาเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของสาวสวยทั้งสองแล้วพูดอย่างร่าเริงว่า “เฮียหยาง พี่เห็นแล้วยัง ผมเจ็บแค่นี้ยังมีสาวๆ เป็นห่วงผมตั้งมากมาย”
“เหอะ ๆ ก็งั้น ๆ แหละ แต่ข้าอยากเห็นนางฟ้าคนนั้นที่นายพูดถึงมากกว่านะ”
ในแวดวงผู้หญิงของเหล่าลูกเศรษฐี ส่วนมากจะเป็นพวกที่เห็นแก่ตัวหรือไม่ก็เป็นพวกที่มั่วสุมกับผู้ชายไปทั่ว ซึ่งสำหรับสาวสวยที่อยู่ตรงหน้านี้จางจงหยางไม่ได้รู้สึกสนใจเลยแม้แต่นิด
ซึ่งในขณะนี้จางจงหยางสนใจเพียงกู้หยุนหลันที่เฝิงจื่อฉายพูดถึงเท่านั้น ถ้ากู้หยุนหลันเพอร์เฟคตามที่เฝิงจื่อฉายพูด เขาจะลองลิ้มรสดูก่อน จากนั้นค่อยส่งต่อให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่คอยหนุนหลังเขา ถ้าแบบนี้มันก็เท่ากับเขายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย
จากนั้นฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เดินเข้าไปหาเฝิงจื่อฉายด้วยรอยยิ้ม สาวสวยลูกเศรษฐีทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเฝิงจื่อฉายเมื่อเห็นฮั่วเจี้ยนเฟิงเดินเข้ามาก็พูดอย่างไม่เป็นมิตรว่า “นายเป็นใคร อย่ามาขวางทางพวกเรานะ”
“คุณเฝิงครับ เอวคุณเคล็ดเหรอครับ?” ฮั่วเจี้ยนเฟิงกล่าวทักทายอย่างสนิทสนม
เฝิงจื่อฉายโบกมือให้กับสาวสวยทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเขา จากนั้นยื่นมือออกไปหาฮั่วเจี้ยนเฟิงด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่ทั้งสองจับมือกัน เฝิงจื่อฉายก็ตอบกลับว่า “ไม่อยากพูดถึงเลย บ่ายวันนี้ผมเตรียมจะออกไปจัดการธุระให้คุณ แต่ไม่ทันระวังผมเดินสะดุดที่ประตูหน้าบ้านแล้วเอวผมก็เคล็ดเลย หลังจากนั้นผมก็ไปนอนที่โรงพยาบาลทั้งบ่ายจนไม่มีเวลาไปจัดการธุระให้คุณเลย น่าเสียดายจริงๆ”