จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 274
เมื่อได้ยินฮั่วเจี้ยนเฟิงกล่าวถึงท่านเทียน กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงพร้อมกัน
“เจี้ยนเฟิง คนที่คุณพูดถึงคือท่านเทียนของเมืองฮ่านของพวกเราใช่ไหม?”
กู้เจี้ยนหมินถามอย่างจริงจัง
“ใช่ คือเขาแหละ เมื่อสักครู่ท่านเทียนทักทายกับไอ้ไร้ประโยชน์ ผมรู้สึกว่ามันแปลก ๆ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างตรงไปตรงมา
สีหน้าของกู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด ภาพที่ฉู่จงเทียนเคารพนับถือหลี่โม่ในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่หวาง ได้ปรากฏขึ้นในความคิดของทั้งสองคน
เมื่อเห็นว่าสีหน้ากู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางผิดปกติ ฮั่วเจี้ยนเฟิงถามด้วยความสงสัยว่า “คุณลุง คุณป้า พวกคุณเป็นอะไร?”
“เจี้ยนเฟิง เรื่องนี้คุณอย่าถามอีกเลย เมื่อก่อนหลี่โม่โชคดีเคยช่วยท่านเทียนไว้ด้วยเรื่องเล็กน้อย เขากับท่านเทียนไม่ได้มีไมตรีอะไรมากมาย”
กู้เจี้ยนหมินหาข้อแก้ตัวเพื่อให้เรื่องนี้ผ่านไป สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างหลี่โม่กับฉู่จงเทียน และเฉียนฝู กู้เจี้ยนหมินสองสามีภรรยาเหมือนกับชมดอกไม้ในสายหมอก เพราะมองยังไงก็ไม่ชัดเจน
เมื่อมองไม่ชัดเจน ก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าอธิบายแล้วจะต้องถูกซักถามต่อไปอีกแน่นอน แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่หวาง ก็ต้องพูดออกมา ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นการทำให้ขายหน้าเปล่า ๆ
หวังฟางมองหลี่โม่อย่างดุดัน จากนั้นก็ยื่นนิ้วออกไปกดขมับของหลี่โม่อย่างดุดัน
“ไอ้เศษสวะอย่างแก เมื่อเห็นท่านเทียนแล้วก็ไม่ประจบดี ๆ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีความสัมพันธ์กับท่านเทียน แกไม่รู้จักคว้าโอกาส เอาแต่เอ้อระเหยลอยชายขี้เกียจสันหลังยาวทั้งวัน”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองอากัปกิริยาของหวังฟางที่มีต่อหลี่โม่ แม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยอยู่ในใจ แต่เขาไม่สามารถถามต่อไปได้
อีกอย่างอากัปกิริยาของหวังฟางที่มีต่อหลี่โม่ ทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่าหลี่โม่กับฉู่จงเทียนน่าจะไม่ได้มีไมตรีอะไรมากมาย อาจเป็นเพราะว่าฉู่จงเทียนอยากแสดงอำนาจให้จางจงหยางได้เห็น ดังนั้นเขาจึงหลอกใช้คนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่
แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม หลี่โม่ก็ได้ล่วงเกินจางจงหยางและเฝิงจื่อฉายไปแล้ว หลังจากการประมูลสิ้นสุดลง หลี่โม่ต้องได้รับความทุกข์ทรมานแน่นอน
ฮั่วเจี้ยนเฟิงจ้องไปที่หลี่โม่อย่างดุดัน หลังจากนั้นก็กล่าวกับกู้หยุนหลันว่า “หยุนหลัน อีกสักครู่ถ้าถูกใจของชิ้นไหนบอกผมได้เลย”
“ฉันไม่มีอะไรถูกใจ”
กู้หยุนหลันกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
หวังฟางสะกิดแขนกู้หยุนหลันอย่างไม่พอใจ และกระซิบว่า “ทำไมลูกโง่จัง? ของที่เจี้ยนเฟิงมอบให้ ลูกก็แค่รับมันไว้”
“ฉันไม่ต้องการมัน ทำไมต้องรับด้วย”
กู้หยุนหลันกล่าวอย่างราบเรียบ
หวังฟางถอนหายใจ รู้ว่าไม่มีทางที่จะคุยกับกู้หยุนหลันรู้เรื่อง หากจะพูดต่อไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ
เมื่อการประมูลเริ่มขึ้น ทุกคนถูกการประมูลดึงดูด พวกเขาเริ่มสนใจมองไปที่การประมูล
เฝิงจื่อฉายพาเหอลี่ฉุนและคนอื่น ๆนั่งอยู่โซนด้านหน้า มองดูการประมูลที่กำลังดำเนินอยู่ มีคนสองสามคนกระซิบกันไม่กี่ประโยค จากนั้นจึงยกป้ายขึ้น และหยกจำนวนมากถูกประมูลไปในช่วงเวลาสั้นๆ
หลังจากประมูลหยกไปหลายชิ้น เฝิงจื่อฉายก็บ่นพึมพำกับไป๋เชียนหลี่ จากนั้นไป๋เชียนหลี่ก็ยืนขึ้นและแหงนหน้ามองหลี่โม่ เขาชูนิ้วกลางกระดิกให้หลี่โม่สองครั้ง “ไอ้ยาจก ถ้ามีความสามารถก็ยกป้ายเสนอราคาสิ!”
ทันใดนั้นผู้ประมูลทั้งหมดมองไปตรงที่นั่งของหลี่โม่ กู้หยุนหลันและคนอื่น ๆ
รู้สึกถึงการจ้องมองที่มาจากทั่วทุกมุม ทำให้กู้เจี้นนหมินกับหวังฟางทั้งรู้สึกขายหน้า
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เจี้ยนเฟิง มันเกิดอะไรขึ้น?”
หวังฟางกล่าวอย่างกังวล
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเหลือบมองหลี่โม่ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณป้า เมื่อสักครู่ลูกเขยไร้ประโยชน์ของคุณ ทำให้คุณป้าได้หน้า เพราะจางจงหยางเจ้าพ่อของเมืองจินไห่ได้คุกเข่าให้ลูกเขยไร้ประโยชน์ของคุณป้า”
สีหน้าของหวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินเปลี่ยนเป็นขาวซีดเผือด ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หวังฟางหวาดกลัวเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เอื้อมมือไปทุบตีหลี่โม่อย่างแรง “ไอ้สารเลว ทำไมแกถึงชอบก่อเรื่อง! ทำไมแกไปล่วงเกินเจ้าพ่อของเมืองจินไห่ได้ยังไง!”
“แม่ แม่ใจเย็น ๆ ฮั่วเจี้ยนเฟิงเป็นคนพาคนเหล่านั้นมาตามหาหลี่โม่ ตอนนี้ฉู่จงเทียนได้ช่วยแก้ปัญหานี้แล้ว” กู้หยุนหลันช่วยอธิบายแทนหลี่โม่
กู้เจี้ยนหมินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจี้ยนเฟิง คุณพูดให้ละเอียด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มอย่างเก้อเขิน “ผมพบหุ้นส่วนธุรกิจสองสามคน คุยกันไม่กี่คำ ตอนที่พวกเราเข้ามาบังเอิญพบกับหลี่โม่ จากนั้นหลี่โม่ทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ผมเป็นคนกลางไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ มันก็เลยเกิดเรื่องใหญ่”
“คุณพูดพล่อย ๆ”
กู้หยุนหลันจ้องไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงด้วยความโกรธ
“ผมพูดพล่อย ๆยังไง ถ้าไม่เชื่อสามารถยืนยันต่อหน้าได้ อีกอย่างไอ้เศษสวะได้พนันกับพวกเขา โดยการพนันประมูลหินธรรมชาติ แล้วนำหินธรรมชาติที่ประมูลไปตัดดูว่าของใครมีคุณภาพดีกว่า”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงกล่าวอย่างราบเรียบ ด้วยท่าทางที่แสดงว่าไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย
กู้เจี้ยนหมินตบที่พักแขนเก้าอี้อย่างรุนแรง และจ้องไปที่หลี่โม่ และกล่าวว่า “ก่อกวน! แกกล้าพนันกับคนอื่น แล้วแกมีเงินประมูลเท่าไหร่!”
“ประมูลหินธรรมชาติที่ถูกที่สุด”
หลี่โม่กล่าวอย่างราบเรียบ
“แกเคยเห็นหินธรรมชาติไหม! หินธรรมชาติที่ใช้พนันพวกนั้นฉันดูมาหนึ่งรอบแล้ว หินธรรมชาติที่ถูกที่สุดคือหินบริสุทธิ์ มันไม่สามารถตัดอะไรออกมาได้เลย! แกมันรนหาที่ตายเอง!”
กู้เจี้ยนหมินคำรามด้วยความโกรธ
หวังฟางเอื้อมมือไปกดหน้าอกของกู้เจี้ยนหมิน เพื่อให้กู้เจี้ยนหมินหายใจได้คล่องขึ้น
“คุณอย่าโมโหเลย ถ้าโมโหจนเสียสุขภาพมันจะไม่คุ้ม ไอ้เศษสวะมันรนหาที่ตายเอง ก็ให้มันไปตายเอง พวกเราไม่ต้องไปสนใจมัน หากมันถูกคนอื่นทำร้ายจนตายได้ก็ยิ่งดี”
กู้เจี้ยนหมินหลับตาและพยักหน้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เราจะไม่สนับสนุนแกแม้แต่แดงเดียว เรื่องนี้พวกเราไม่สามารถช่วยแกได้ ตนเองได้ล่วงเกินคนอื่น ตนเองก็ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง หยุนหลัน ลูกก็ไม่ต้องไปช่วยมัน!”
กู้หยุนหลันรู้สึกขมขื่นในใจ แม้ว่าเธอจะอยากจะช่วยหลี่โม่ แต่เธอก็ไม่มีความสามารถที่จะช่วยได้
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้ม ตบไหล่หลี่โม่และกล่าวว่า “หาเรื่องใส่ตัวมันหนียังไงก็หนีไม่พ้น คุณคิดว่าท่านเทียนจะสนับสนุนคุณจริงๆ หรือ? ท่านเทียนแค่หลอกใช้คุณ คุณรอความตายเถอะ แต่ถ้าคุณหย่ากับกู้หยุนหลัน ผมก็สามารถช่วยพูดให้ได้ เพื่อให้ได้คุณตายสบายขึ้น”
หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ ไม่สนใจคำพูดของฮั่วเจี้ยนเฟิง จับมือของกู้หยุนหลันเบา ๆ “อย่ากังวล จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”
“แต่ว่า พวกเขาจะประมูลหินธรรมชาติที่ดีที่สุด คุณไม่สามารถประมูลได้แน่ ถึงจะประมูลหินธรรมชาติก้อนอื่น ๆได้ เกรงว่าคงจะไม่สามารถชนะพวกเขาได้”
กู้หยุนหลันกล่าวอย่างกังวล
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเบ้ปาก กล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “หยุนหลัน คุณไม่ต้องกังวลแทนเขา ถ้าไอ้คนไร้ประโยชน์ตายไปมันจะดีสำหรับทุกคน ไอ้เศษสวะมันควรจะตายไปนานแล้ว”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกเกลียดหลี่โม่มาก ถ้าเป็นไปได้ ฮั่วเจี้ยนเฟิงอยากจะฆ่าหลี่โม่ให้ตายทันที
หวังฟางพูดสนับสนุนขึ้นว่า “ไอ้คนไร้ประโยชน์นี้น่าจะตายไปนานแล้ว มีชีวิตอยู่ดันแต่จะสร้างปัญหาเท่านั้น!”
กู้หยุนหลันขยับไปใกล้หูของหลี่โม่แล้วกระซิบว่า “พวกเรากลับไปตอนนี้ดีไหม? หรือไม่ หรือไม่คุณก็ติดต่อท่านเทียนดู มิเช่นนั้นจะต้องเกิดเรื่องแน่นอน”
“ไม่มีเรื่องหรอก ถ้ามีเรื่องจริง ๆค่อยติดต่อ” หลี่โม่กล่าวอย่างราบเรียบ
“ทำไมคุณถึงไม่ฟังคำเตือน ถ้าเกิดเรื่องแล้วค่อยติดต่อมันจะสายเกินไป”
กู้หยุนหลันกล่าวอย่างกังวล