จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 282
ชายหนุ่มทั้งสี่โบกดาบที่อยู่ในมือ พุ่งเข้าไปหาหลี่โม่อย่างดุเดือด
ดาบถูกแกว่งจนมีเสียงตามลม แล้วพุ่งไปที่แขนและเอวของหลี่โม่ คนเหล่านี้ต่อสู้กันประจำ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าการลงมือไม่ควรมุ่งแต่จะเอาชีวิตอย่างเดียว เพราะถ้าเกิดตายขึ้นมา ปัญหาใหญ่ก็จะตามมา
หลี่โม่ยิ้มเยาะเย้ย มือของเขาเร็วราวกับสายฟ้า นิ้วของเขาดีดไปที่ดาบทั้งสี่เล่มอย่างเบาๆ
เพล้ง ๆ ๆ
หลังจากเสียงดังลั่นต่อเนื่อง ดาบทั้งสี่เล่มก็หักออกเป็นสองส่วน
ชายหนุ่มโหนทั้งสี่คน มองดาบที่เหลือเพียงครึ่งเดียวในมือ พวกเขาทั้งหมดยืนแข็งทื่อเหมือนหินทันที
แม้ว่าดาบจะบางเบา เทียบไม่ได้กับความหนาหนักของมีดมาเชเต้ แต่ก็ไม่สามารถใช้นิ้วดีดหักได้
ขณะนั้น ภาพของยอดฝีมือการต่อสู้ในนวนิยายนับไม่ถ้วน ได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของชายหนุ่มทั้งสี่ ชายหนุ่มทั้งสี่มองไปที่หลี่โม่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“แก แกเป็นใครกันแน่ อย่าคิดว่าใช้เล่ห์เหลี่ยมแล้วจะทำให้พวกเรากลัว”
หลี่โม่ส่ายศีรษะ “ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด เรียกพี่ใหญ่ของพวกแกออกมา”
ชายหนุ่มทั้งสี่มองหน้ากัน หลังจากนั้นก็รีบวิ่งหนี พวกเขาไม่มีความกล้าสักนิดที่จะเผชิญหน้ากับหลี่โม่เลย
เมื่อเจอคนที่แข็งแกร่งทั่วไป พวกเขาจะเขากัดฟันและพุ่งเข้าใส่ แต่เมื่อเจอคนที่แข็งแกร่งมากอย่างหลี่โม่ ชายหนุ่มทั้งสี่ไม่เข่าอ่อนจนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ก็ถือว่าพวกเขามีจิตใจที่เข้มแข็งสามารถรับแรงกดดันได้ไม่เลว
ชายหนุ่มทั้งสี่วิ่งไปที่โกดังด้วยความตื่นตระหนก ในโกดังมีชายชายฉกรรจ์คนหนึ่งไว้เครา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม กำลังตำหนิลูกน้องอันธพาลของตนเองอยู่
“แม่ง พวกแกทำอะไรอยู่ ประตูห่วย ๆ ยังเปิดไม่ได้ พวกแกเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการปลดล็อกประตูไม่ใช่หรือ!”
ชายร่างผอมพูดอย่างขมขื่นว่า “เฮียหลง ไม่ใช่ว่าพวกเราทำไม่ได้ แต่ตัวล็อกประตูมันซับซ้อนเกินไป ใช้กระบอกล็อกนำเข้า พวกเราไม่สามารถปลดล็อกได้”
“เฮียหลง ผมว่าตัดด้วยไฟฟ้าดีกว่าครับ ผมติดต่อแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมง อุปกรณ์จะมาถึง ตัดโดยตรงได้เลยครับ”
เฮียหลงให้ลูกน้องลองเปิดประตูมาหลายวิธีแล้ว แต่เนื่องจากมาตรฐานการก่อสร้างเซฟเฮาส์ของฉู่จงเทียนสูงมาก วิธีธรรมดาจึงไม่สามารถเปิดประตูได้เลย
“แม่งฉิบหาย งั้นก็ต้องตัด ไอ้โง่เง่าเต่าตุ่นฉู่จงเทียน ถึงเวลาแล้วเอาตัวมันไปต้มยำทำแกงซะ”
เฮียหลงกล่าวด้วยความโกรธ
ชายหนุ่มทั้งสี่วิ่งเข้ามา ตะโกนอย่างรีบเร่งว่า “เฮียหลง แย่แล้ว มีคนมา มาตามหาฉู่จงเทียน”
“บัดซบ! ฉู่จงเทียนตามคนมาเท่าไหร่ รีบหยิบอาวุธขึ้นมาแล้วเตรียมตัวฆ่าพวกมันให้ตาย”
เฮียหลงพับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแขน
“มาแค่คนเดียว”
“แม่งฉิบหาย มาแค่คนเดียว แล้วแกจะตะโกนเสียงลั่นทำเหี้ยอะไร!”
เฮียหลงตบไปที่หัวคนพูด จนทำให้ผู้ชายคนนั้นสับสนมึนงง
“ไม่ใช่ เฮียหลงฟังผมพูดให้จบก่อน ไอ้หมอนั้นร้ายกาจมาก ดาบในมือของพวกเราสี่คน ถูกเขาใช้นิ้วดีดจนหัก มันเป็นยอดฝีมือแน่นอน”
ชายหนุ่มทั้งสี่นำดาบที่หักของพวก ให้เฮียหลงลองดูส่วนที่หักของดาบ
เฮียหลงมองดูแวบหนึ่ง คิ้วของเขาขมวดแน่น “แม่ง ไม่ใช่เพราะผู้ซื้อค่าหักเปอร์เซ็นต์การขาย แล้วซื้อของปลอมหรือเปล่า ตามฉันไปดูว่ามันคือใคร กล้ามาคนเดียว มารนหาที่ตาย”
กลุ่มอันธพาลหยิบอาวุธของพวกเขา เดินตามเฮียหลงไปข้างนอก ไม่นานกลุ่มคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลี่โม่
“เฮียหลง คือไอ้หมอนี่แหละ”
เฮียหลงมองสำรวจหลี่โม่ เห็นว่าหลี่โม่ดูธรรมดา ไม่มีพลังต่อสู้เลยสักนิด เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ไอ้หนู แม่ง แกมาตามหาฉู่จงเทียนหรือ? มาคนเดียวไม่กลัวตายหรือไง!”
เฮียหลงกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“ถ้าจะตาย ก็เป็นพวกแกที่จะตายเอง”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
“ฉิบหาย ไอ้หนูนี่นิสัยแข็งกระด้าง ถึงขนาดกล้าพูดว่าจะให้พวกเราตาย พวกเราหลายสิบคนสามารถสับแกเป็นชิ้น ๆแล้วเอาให้หมากิน”
“ไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่เอาความมั่นใจและความกล้ามาจากไหน บางทีอาจเป็นอาการป่วยทางจิต ควรจะไปโรงพยาบาลจิตเวชดีกว่า”
“คนโง่เขลานั้นไม่มีความกลัว แค่มองก็รู้ว่าเป็นยาจกที่โง่เง่า น่าจะเป็นขยะที่ไม่มีความรู้ความสามารถอะไร ให้มันได้รู้ฤทธิ์ของพวกเราหน่อย”
พวกลูกน้องกลุ่มหนึ่งพูดประชดประชัน พวกเขาทั้งหมดถืออาวุธในมือ ตั้งใจว่าถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็จะลงมือทันที
เฮียหลงหรี่ตาและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไอ้หนู ให้โอกาสแกมีชีวิตรอด ตอนนี้แกติดต่อฉู่จงเทียน ให้ฉู่จงเทียนออกมา มิเช่นนั้น กูจะสับมึงให้ละเอียด”
“เฮ้ เฮียหลงเก่งกาจมาก จับไอ้หนูนี่ไว้ หลอกให้ฉู่จงเทียนออกมา แค่หลอกฉู่จงเทียนออกมาได้ ก็สามารถตัดความยุ่งยากออกไปได้มากทีเดียว”
ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างๆพูดประจบเฮียหลง และเฮียหลงเงยศีรษะขึ้นอย่างมีชัย ยกย่องชื่นชมความเฉลียวฉลาดของตนเองอยู่ในใจ
หลี่โม่ส่ายศีรษะ “จางจงหยางเป็นคนให้พวกแกมาใช่ไหม?”
“จางจงหยาง? ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ จางจงหยางมันบากหน้ามาพึ่งพาอาศัยเฮียฟา อย่างมากสุดก็เป็นได้แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งของเฮียฟา การซุ่มโจมตีฉู่จงเทียนเป็นเพียงกระดูกหนึ่งชิ้นที่เฮียฟาของพวกเรามอบให้จางจงหยาง”
เฮียหลงมองไปที่หลี่โม่อย่างดูถูก แล้วกล่าวต่อไปว่า “ได้ยินชื่อเฮียฟา แกรู้สึกกลัวแล้วใช่ไหม? ฉันจะบอกแก ทำตามที่ฉันบอกสักดี ๆ มิเช่นนั้นถ้าพวกเราโมโห เทวดาก็ช่วยแกไม่ได้”
หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้สิ่งที่ตนเองต้องการรู้แล้ว
”ถ้าพวกแกเอามือทั้งสองข้างไว้ที่ท้ายทอยและคุกเข่า ฉันจะปล่อยให้พวกแกมีชีวิต”
ใบหน้าของเฮียหลงเคร่งขรึม มองหลี่โม่ด้วยสายตาดุร้าย “ฉันให้หน้าแกแล้ว แต่แกไม่เอาเอง ลุยพร้อมกัน ทุบตีไอ้ยาจกนี้ให้ปางตาย!”
ลูกน้องโบกสะบัดอาวุธและพุ่งเข้าหาหลี่โม่ พวกเขาพยายามแสดงฝีมือต่อหน้าเฮียหลง
“กล้าพูดต่อปากต่อคำกับเฮียหลงของพวกเรา แกเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม คิดว่าเป็นยอดฝีมือหรือ รอถูกสับเป็นสิบแปดชิ้นเถอะ”
“รนหาที่ตาย อีกสักครู่เมื่อแกขอร้องอ้อนวอนและเรียกเฮียหลงว่าพ่อ แล้วแกก็จะรู้ว่าพวกเราร้ายกาจแค่ไหน”
เฮียหลงยืนขึ้นอย่างภาคภูมิใจ มองดูคนของเขาพุ่งเข้าหาหลี่โม่ราวกับกระแสน้ำ คิดว่าคราวนี้หลี่โม่จะต้องคุกเข่าให้พวกเขาอย่างแน่นอน
ถึงเวลานั้นจะเหยียดหยามไอ้ยาจกนี้ยังไง?
ให้เขาคุกเข่าแล้วเรียกปู่ จากนั้นถุยน้ำลายใส่หน้า แล้วใช้เท้าเหยียบหน้า
ขณะที่เฮียหลงนึกภาพพวกนี้อยู่ในใจ หลี่โม่ได้พุ่งเข้าไปในกลุ่มอันธพาล ตวัดมือทั้งคู่ขึ้นไปในอากาศจนเป็นเงาซ้อน ทำให้หลี่โม่ดูราวกับว่ามีแขนนับไม่ถ้วน
เสียงดังกึกก้อง ดาบแตกออกเละเหมือนเต้าหู้
ขณะที่กลุ่มอันธพาลกำลังตกตะลึง หลี่โม่ก็เตะพวกอันธพาลกระเด็นขึ้นไปบนฟ้าทีละคน พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ไม่นานอันธพาลหลายสิบคนก็นอนอยู่บนพื้น กลิ้งไปมาและร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ภาพนั้นดูแปลกมาก
เฮียหลงกลืนน้ำลาย มองดูพวกอันธพาลบนพื้น และมองเศษดาบที่หัก ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“น้องชาย ไม่ถูก พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรพูดกันดี ๆ ฉันจะฟังคุณทุกอย่าง”