จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 287
“แม่ง แกนั่นแหละที่รนหาที่ตาย คุณเฝิงพาคนมาถึงที่แล้วยังไม่รู้ว่าแกจะอยู่หรือตาย!”
กู้ซิงเว๋ยคว้าข้อมือของหลี่โม่ ใช้มือทั้งสองข้างบิดข้อมือของหลี่โม่อย่างแรง แต่ข้อมือของหลี่โม่ไม่ได้ขยับภายใต้แรงกด
ชั่วพริบตา กู้ซิงเว๋ยรู้สึกเย็นยะเยือก ตอนนี้เพิ่งจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่หลี่โม่ต่อสู้กับผู้ลักพาตัวกู้หยุนหลัน กู้ซิงเว๋ยรู้ดีว่าร่างเล็กๆ ของเขา แม้ว่าจะมีเป็นสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่
มองกู้เจี้ยนเจียงที่ขยิบตาให้ตนเองเมื่อสักครู่ ความเย็นยะเยือกเมื่อสักครู่ของกู้ซิงเว๋ยกลายเป็นก้อนน้ำแข็งทันที แม่งฉิบหายตนเองถูกหลอกแล้ว กู้เจี้ยนเจียงไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ!
“หลี่โม่ ฉันทำเพื่อตระกูล ดังนั้นแกควรคุกเข่าลงซะ อย่าทำให้ทุกคนต้องลำบากใจ!”
กู้ซิงเว๋ยกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่น
หลี่โม่ยิ้มอย่างเย็นชา ตวัดข้อมือ แล้วสะบัดมือของกู้ซิงเว๋ยออก จากนั้นตบไปที่หน้าของกู้ซิงเว๋ย
กู้ซิงเว๋ยเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง ถูกหลี่โม่ตบจนกระเด็นไปกระแทกกับผนัง จากนั้นร่างกายของเขาแล้วค่อย ๆ เลื่อนลงจากผนัง
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้กู้ซิงเว๋ยหมดสติทันที
มองไปที่หลี่โม่เหมือนชูราเทพเจ้าแห่งสงคราม กู้เจี้ยนเจียงกลืนน้ำลายอย่างหนัก ยังดีที่ตนเองไม่ได้หุนหันพลันแล่นกับหลี่โม่ มิฉะนั้น เกรงว่าผลที่ตามมาก็จะเหมือนกับกู้ซิงเว๋ย
สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วไม่สู้ดีนัก เพราะคนที่ถูกตบคือลูกชายของตนเอง “หลี่โม่! ไอ้เศษสวะตอนนี้แกยิ่งอยู่ยิ่งใจกล้า แกคิดว่าหยุนหลันจะเข้าข้างแกใช่ไหม! วันนี้ขยะอย่างพวกแกทั้งสองคนจะต้องถูกขับออกจากตระกูล!”
หลี่โม่ไม่สนใจกู้เจี้ยนกั๋ว และมองไปที่กู้ชิงหลินด้วยสายตาที่เย็นชา
กู้ชิงหลินกลัวจนตัวสั่น ถอยไปทีละก้าว ถอยไปทิศทางที่เฝิงจื่อฉายอยู่
“คุณเฝิง ช่วยฉันด้วย คุณรีบให้คนจัดการไอ้เศษสวะหลี่โม่” ใบหน้าของกู้ชิงหลินขาวซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนก
สีหน้าของเฝิงจื่อฉายเคร่งขรึมลง รู้สึกว่าพฤติกรรมของหลี่โม่ เป็นการยั่วยุอำนาจของตนเอง
ครั้งนี้มาจัดการหลี่โม่ แต่ว่าไอ้เจ้าหมอนี่น่าชิงชัง กล้าต่อต้านและลงมือต่อหน้าตนเอง เรื่องนี้ยากเกินกว่าจะอดทน!
“ไอ้เศษสวะยังทำเป็นสง่าน่าเกรงขาม แกคิดว่ายังมีคนแซ่ลู่กับคนแซ่ฉู่หนุนหลังแกอยู่อีกหรือ? พวกเขาทั้งสองคนแค่หลอกใช้แกเท่านั้น แกคิดว่าตนเองเก่งนักหรือไง แกมันเป็นได้แค่ขี้หมาที่เหม็นเน่า รีบกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเถอะ!”
เฝิงจื่อฉายคำรามและทำสัญญาลักษณ์มือให้กับบอดี้การ์ดที่อยู่รอบตัว บอดี้การ์ดก้าวเดินไปข้างหน้า จ้องมองไปที่หลี่โม่อย่างประสงค์ร้าย
“ระวังด้วย”
กู้หยุนหลันตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก และจับแขนของหลี่โม่ เพื่อไม่ให้หลี่โม่ก้าวไปข้างหน้า
บอดี้การ์ดเหล่านั้นดูแข็งแกร่งห้าวหาญ ถือเครื่องช็อตไฟฟ้าอยู่ในมือ พวกเขาไม่ใช่จะแหย่ได้ง่าย ๆ
แม้รู้ว่าทักษะการต่อสู้ของหลี่โม่นั้นดีมาก แต่กู้หยุนหลันก็ยังกังวลว่าหลี่โม่จะเสียเปรียบ
หลี่โม่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ตบหลังมือของกู้หยุนหลันเบา ๆ
“ไม่จำเป็นต้องกังวลไป พวกมันเป็นแค่ขยะ จัดการง่ายมาก”
หลี่โม่กล่าวด้วยความมั่นใจ
เหอลี่ฉุนและคนอื่น ๆ รู้สึกว่ากำลังถูกหลี่โม่เหยียดหยาม ทุกคนจ้องไปที่หลี่โม่ด้วยความโกรธ
“แกไอ้คนไร้ประโยชน์ยังคุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายอยู่ที่นี่ บอดี้การ์ดที่พวกเราพามาล้วนเคยผ่านสนามรบ แกรอถูกพวกเราจัดการเถอะ”
“ก่อนอื่นจัดการตัดองคชาตของไอ้เศษสวะก่อน ถ้ามันไม่มีองคชาตแล้ว ดูสิว่าต่อไปมันจะหยิ่งผยองได้ยังไง ต่อไปไอ้เศษสวะมันจะกลายเป็นคนที่ถูกสวมเขาอย่างเดียวเท่านั้น”
“เมื่อมองไอ้โง่ขี้หมาคนนี้ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง ฉันทนมันมามากแล้ว หลานของตระกูลกู้เป็นคนไร้ประโยชน์เหมือนกัน ผ่านมาครึ่งค่อนวันแล้ว ยังไม่สามารถทำให้คนไร้ประโยชน์คุกเข่าให้ฉันได้ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมตระกูลกู้ยังไม่ล้มละลายอีก”
เหอลี่ฉุนและคนอื่นๆ พูดเย้ยหยัน ความอดทนของเฝิงจื่อฉายหมดลงแล้ว “ตระกูลกู้มีแต่พวกขยะจริง ๆ ฉันคิดว่าพวกเราคงต้องจัดการไอ้คนไร้ประโยชน์คนนี้ด้วยตนเองล่ะ”
สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงแย่มาก การที่หลี่โม่ไม่ให้ร่วมมือ ทำให้ทั้งสองรู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรง คาดว่าหลังจากเฝิงจื่อฉายจัดการหลี่โม่แล้ว เขาจะต้องกำหนดเงื่อนไขที่โหดร้าย นั่นเท่ากับการมอบธุรกิจของตระกูลกู้ให้ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ
แต่กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงไม่มีวิธีใด ถ้าทุบตีหรือทำให้หลี่โม่โกรธ ชีวิตที่เหลือของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียง อาจจะต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดไป
ขณะที่เฝิงจื่อฉายและคนอื่น ๆ รู้สึกรำคาญ ตระกูลกู้ก็ทำอะไรไม่ถูก พวกบอดี้การ์ดมีความกระตือรือร้นอยากจะต่อสู้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่พร้อมเพรียงดังขึ้นมา
เสียงฝีเท้าไม่เพียงแต่พร้อมเพรียง แต่ยังดังด้วย เห็นชัดว่าคนที่มามีอยู่ไม่น้อย
เฝิงจื่อฉายขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่จงเทียนได้ส่งคนมาที่นี่?
แต่เขารู้สึกว่าไม่น่าจะใช่ เพราะฉู่จงเทียนเพิ่งถูกโจมตี แม้ว่าจะหนีเอาชีวิตรอดมาได้ แต่เขาควรอยู่พักฟื้นที่บ้านถึงจะถูก
ถ้าไม่ใช่ฉู่จงเทียน แล้วจะเป็นใครที่จะพาคนมาที่นี่?
กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่พวกเขาคิดว่ามันเป็นโอกาส
ผู้ที่สามารถสร้างความเอิกเกริกได้ จะต้องมีอิทธิพลอย่างมาก ไม่ว่าจะให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเอง หรือหาทางใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ ก็จะต้องทำให้พวกเราผ่านพ้นวิกฤตในวันนี้ไปให้ได้
หลังจากสบตากัน กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงรีบเดินออกไปจากห้องประชุม เพื่อไปต้อนรับแขกลึกลับที่อยู่ข้างนอก
“ฉันชื่อกู้เจี้ยนกั๋วจากตระกูลกู้ ไม่ทราบว่าท่านใดมารออยู่ที่นี่?”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดกับกลุ่มบอดี้การ์ดที่สวมเสื้อสูทสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“หลีกไป!”
บอดี้การ์ดตะคอกด้วยเสียงเย็นชา
กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ฉันเป็นผู้นำของตระกูลกู้ เรื่องทุกอย่างของตระกูลกู้ ฉันสามารถตัดสินใจได้หมด พวกคุณมีธุระอะไรบอกฉันได้”
ซูเม่าเหวินที่อยู่ตรงกลางของกลุ่มมองไปที่กู้เจี้ยนกั๋ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ไม่ได้มาหาตระกูลกู้”
กู้เจี้ยนกั๋วตะลึงเล็กน้อย แม่งบุกเข้าไปในอาคารสำนักงานของตระกูลกู้ แต่บอกว่าไม่ได้มาหาคนตระกูลกู้ อย่างนี้มันแกล้งกันชัด ๆ!
“งั้นรบกวนถามว่าคนที่พวกคุณจะมาหาคือใคร?”
กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยความมึนงง
“หลีกไป”
ซูเม่าเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา และกลุ่มบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหน้าก็แยกออกจากกันราวกับกระแสน้ำ เผยให้เห็นทางเดิน
กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงมองไปที่ซูเม่าเหวิน มองอย่างละเอียด และทำให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่รู้จักคนที่มา
แต่เมื่อดูการแต่งกายของซูเม่าเหวิน ทั้งคู่สรุปอยู่ในใจว่าตัวตนของบุคคลนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
การเลี้ยงกลุ่มบอดี้การ์ดไม่ใช่เรื่องยาก เถ้าแก่ถ่านหินสามารถเลี้ยงบอดี้การ์ดเป็นกลุ่มได้ แต่สไตล์การแต่งตัวไม่เหมือนเศรษฐีใหม่ธรรมดา สิ่งที่กล่าวว่าอภิชนสามชั่วอายุมันมีเหตุมีผล ต้องมีเวลาในการสั่งสมบารมีเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้เศรษฐีใหม่เข้าสู่ระดับอภิชนได้ยาก
ซูเม่าเหวินจัดเสื้อผ้าของตนเอง ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด เขาเดินผ่านบอดี้การ์ด แล้วไปยืนที่ประตูห้องประชุม
เขาขมวดคิ้ว และมองกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงที่ยืนอยู่หน้าประตู ซูเม่าเหวินกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “หลีกไป”
กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงรีบย้ายไปยืนข้างประตูทั้งสองข้าง
ซูเม่าเหวินมองเข้าไปในห้องประชุม กล่าวด้วยเสียงที่นอบน้อมว่า “รบกวนถามว่าคุณหลี่อยู่ที่นี่หรือไม่ ซูเม่าเหวินของตระกูลซูจากเมืองเอกมาขอโทษ!”