จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 298
ซีเหมินจื้อเผิงใช้สายตาดูถูกเหล่มองไปหาหลี่โม่ หัวเราะและพูดอย่างเย้ยหยันว่า: “จะให้เขาเป็นตัวอะไรเหรอ แน่นอนก็เหมือนเลี้ยงพวกสวะ ถ้าเขายินดีเป็นสุนัขตัวหนึ่ง ฉันก็ไม่รังเกียจที่ให้เขาเป็นสุนัขเลี้ยง”
“อาหารที่นำมาเลี้ยงสุนัขที่บ้านของฉัน แต่ละวันต้องใช้เงินถึงหนึ่งพันเหรียญ ถ้าหากเขายินดีให้ฉันเลี้ยงเป็นเหมือนสุนัข ถ้าจะให้เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย วันไหนฉันเกิดอารมณ์ดีขึ้นมา ไม่แน่ว่าอาจจะเตรียมผู้หญิงให้เขาสักคน”
ขณะที่กู้หยุนหลันกำลังจะขึ้นโต้เถียง หวังฟางกระแอมเสียงดังขึ้นสองครั้ง เพื่อจะพูดต่อจากซีเหมินจื้อเผิง
“สุนัขที่บ้านของจื้อเผิง มีชีวิตสุขสบายจังนะ หยุนหลันเธอก็อย่าโง่งมอีกต่อไปเลย งานของหลี่โม่ตอนนี้ ได้เงินเดือนมาแต่ละเดือน ยังต่ำกว่าค่าอาหารเลี้ยงสุนัขของบ้านจื้อเผิงสามวันอีก ชีวิตของเขายังเทียบไม่ได้กับสุนัขตัวหนึ่ง ลูกยังจะไปปกป้องเขาเพื่ออะไร”
“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณป้าพูดได้ถูกต้อง คนไร้ประโยชน์คนนี้ยังเทียบไม่ได้กับสุนัข อีกทั้งยังเทียบกับสุนัขไม่ได้เอามาก ๆเลยจริง ๆ”
ซีเหมินจื้อเผิง หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ
ในขณะนั้นเอง
ประตูในห้องรับรองเปิดออก หัวหน้าพนักงานรับรองพาหญิงสาวสวมชุดโบราณเข้ามาจำนวนหนึ่ง เดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารรสเลิศหลายจาน
“ทุกท่าน ทางเราขออนุญาตเสิร์ฟอาหารให้กับทุกท่าน
หัวหน้าพนักงานรับรองพูดด้วยท่าทีนอบน้อม หญิงสาวสวมชุดโบราณกลุ่มหนึ่งเริ่มต้นเสิร์ฟอาหาร
“หอยเป๋าฮื้อยอดนิยม”
“ เนื้อโกเบ”
“ฟัวกราส์เห็ดทรัฟเฟิลดำ……”
สำรับอาหารหรูหราที่เสิร์ฟขึ้นมาบนโต๊ะแต่ละจาน แตกต่างจากอาหารที่ซีเหมินจื้อเผิงสั่ง มิหนำซ้ำอาหารเหล่านี้ไม่มีอยู่ในเมนู
เหอซูฟางสอบถามด้วยความสงสัย: “พวกคุณเสิร์ฟอาหารมาผิดหรือเปล่า พวกเราไม่ได้สั่งอาหารเหล่านี้”
“คุณหลี่เป็นลูกค้าคนสำคัญของประธานอู๋ของพวกเรา หลังประธานอู๋รู้ว่าคุณหลี่มาที่ฝ้านหยวน กำชับพวกเราให้ปรุงอาหารเมนูพิเศษเหล่านี้ให้กับคุณหลี่”
“อาหารเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในเมนู มีเพียงลูกค้าคนสำคัญที่สุดมาทานอาหารที่ฝ้านหยวนเท่านั้นถึงจะสามารถได้รับประทาน วัตถุดิบอาหารทั้งหมดล้วนส่งมาทางเครื่องบินจากทั่วทุกมุมโลกภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง รับประกันได้ว่าคุณภาพของวัตถุดิบอยู่ในสภาพที่สดใหม่”
หัวหน้าพนักงานรับรองอธิบายสำรับอาหารอย่างละเอียดไปรอบหนึ่ง ทำให้สีหน้าเหอซูฟางกับซีเหมินจื้อเผิงบูดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อครู่ซีเหมินจื้อเผิงใช้รายการอาหารลบหลู่หลี่โม่ สร้างความอัปยศไม่สำเร็จกลับถูกตอกกลับจนทำให้เสียหน้า ทำจนเรื่องบานปลายถึงตอนนี้ซีเหมินจื้อเผิง กลับรู้สึกว่าตัวเองถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง
หวังฟางกับกู้เจี้ยนหมิน ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อหวนนึกถึงงานเลี้ยงวันเกิดชองคุณปู่หวาง อู๋เต้าเหวินมีท่าทีนอบน้อม ต่อหลี่โม่อยู่พอสมควร จากนั้นก็มองดูสำรับอาหารหลายอย่างบนโต๊ะที่วางอยู่ตรงหน้า ทั้งสองคนรู้สึกได้โดยทันที
แต่ว่าหลี่โม่ คนไร้ประโยชน์คนนี้ มีความสัมพันธ์กับอู๋เต้าเหวินดีถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ทำให้อู๋เต้าเหวินต้องเสิร์ฟอาหารอย่างนี้มาให้
หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อยให้กับหัวหน้าทีม พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ: “ฝากบอกประธานอู๋ด้วย น้ำใจของเขาผมรับไว้แล้ว”
“ค่ะ ลูกค้าทุกท่าน เชิญรับประทานให้อร่อย หากต้องการอะไรเพิ่มเติม บอกพวกเราได้ทันที”
จากนั้นหัวหน้าพนักงานรับรองพาสาวสวยสวมชุดโบราณออกจากห้องวีไอพี
ภายในห้องวีไอพีเงียบสนิท เหอซูฟางกับซีเหมินจื้อเผิงต่างก็มีสีหน้าบูดบึ้งจนน่าเกลียด รู้สึกเดือดดาลมากจนอยากจะชวนทะเลาะวิวาท
“อาหารเหล่านี้ นับว่าไม่เลวใช่ไหม แต่อาจจะเทียบไม่ได้กับสำหรับอาหารที่คุณชายซีเหมินเคยรับประทานที่ต่างประเทศ ทว่ากินแก้ขัดไปก่อนคงจะพอได้นะ” หลี่โม่พูดด้วยท่าทีขบขัน
ซีเหมินจื้อเผิงแก้มกระตุกเล็กน้อย หัวเราะและพูดเสียงเย็นชาว่า: “คุณอย่าคิดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ จะทำให้ตัวเองมีหน้ามีตาขึ้นมาได้? คุณไม่มีตรงไหนเทียบกับผมได้เลย อาหารพวกนี้สำหรับผม ก็เป็นเพียงแค่เศษขยะคุณภาพต่ำเท่านั้น!”
“เศษขยะคุณภาพต่ำเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณเชิญหยุนหลันมารับประทานอาหารที่นี่ คิดจะใช้เศษขยะ พวกนี้หลอกหยุนหลันล่ะสิ? คุณไม่มีความจริงใจเลยสักนิด” หลี่โม่จับจุดได้จึงพูดกระแทกไปเบา ๆ
ซีเหมินจื้อเผิงฟังแล้วใบหน้าแดงขึ้นในทันที รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก หลี่โม่ใช้คำพูดของตนเมื่อครู่ตอกกลับมาที่เขาอย่างจัง แทบจะทำให้หัวใจของซีเหมินจื้อเผิงระเบิดออกมา
“คุณมันสารเลว! ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมพูดว่าสิ่งไหนที่เกี่ยวข้องกับคุณ เป็นเศษขยะทั้งหมด คุณมันเป็นพวกต่ำตม! พวกเศษสวะโง่เง่าไร้ประโยชน์ที่สุด”
มองเห็นท่าทีลูกชายของตัวเองจิตหลุดไปแล้ว เหอซูฟางรู้ทันทีว่าอยู่ต่อไปไม่ได้อีก หากขืนอยู่ต่อไป ก็เป็นได้แค่ตัวตลก
“จื้อเผิง สงบปากสงบคำ”
เหอซูฟาง ตักเตือนให้ซีเหมินจื้อเผิงหยุดพูด จากนั้นหวังฟางแสดงท่าทีขอโทษ พูดขึ้นว่า: “น้องฟาง ลูกชายของฉัน อารมณ์ไม่ค่อยดี จะต้องพากลับไปพักผ่อนสักหน่อย พวกเราต้องขอตัวกลับก่อนคงไม่ได้อยู่พูดคุยแล้วล่ะ”
“พี่ซูฟาง ไม่ต้องหรอก พวกเราจะคอยสั่งสอน คนไร้ประโยชน์คนนี่เอง นั่งลงรับประทานอาหารให้เสร็จแล้วค่อยกลับ”
หวังฟางรีบตอบกลับทันที
เหอซูฟางส่ายศีรษะ ชักสายตาดุจดั่งเปลวเพลิงไปที่ซีเหมินจื้อเผิง พูดเสียงต่ำว่า: “รีบไป ยังทำขายหน้าไม่พออีกเหรอ”
ซีเหมินจื้อเผิง มีท่าทางเหมือนดั่งสัตว์ร้าย มองหลี่โม่ด้วยสายตาดุดัน เดินตามเหอซูฟางออกไปจากห้องวีไอพี
มองดูเหอซูฟางกับซีเหมินจื้อเผิงเดินออกไป สีหน้าของหวังฟางถมึงทึงขึ้นทันที
“หลี่โม่! เจ้าคนไร้ประโยชน์ เก่งนักใช่ไหม! การพูดกระแทกกระทั้นคนอื่น! อีกหน่อยแกคงเตรียมที่จะพูดแดกดันฉันเป็นแน่!”
หวังฟางตบโต๊ะพูดตะคอกเสียงดัง
“ไม่มี คุณคือแม่ของหยุนหลัน ในใจของผม คุณก็เหมือนกับแม่แท้ ๆคนหนึ่ง ผมจะกล้าพูดแดกดันคุณไปเพื่ออะไร”
หลี่โม่หัวเราะด้วยท่าทีไม่เดือดไม่ร้อน
“พูดพล่อย ๆ แกจะให้ฉันเป็นแม่แท้ ๆของแก งั้นก็รีบหย่ากับหยุนหลันซะ! เรื่องราวดี ๆในวันนี้ ถูกแกทำเสียเรื่องไปหมด มันน่าโมโหจริง ๆ!”
หวังฟางขุ่นเคืองถอนหายใจเฮือกใหญ่ กู้เจี้ยนหมินเหลือกตามองไปที่หลี่โม่พูดว่า: “อู๋เต้าเหวินมีความสัมพันธ์อะไรกับคุณกันแน่ ราคาอาหารโต๊ะนี้ ไม่ใช่ถูก ๆ เขาบอกว่าให้ฟรี ๆ ก็ให้ฟรี ๆอย่างนี้เหรอ?”
“ผมกับอู๋เต้าเหวิน ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน อู๋เต้าเหวินคงจะเห็นแก่หน้าของเฉียนฝูถึงได้นอบน้อมกับผมอย่างนี้”
หลี่โม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เป็นเพราะเฉียนฝูจริง ๆเหรอ!
ในใจกู้เจี้ยนหมิน ทั้งประหลาดใจ และทั้งดีใจ
“งั้น คุณกับเฉียนฝูมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?”
กู้เจี้ยนหมิน อย่างซักไซ้ถามเพื่อให้รู้ความจริง
“หลานของเฉียนฝูชอบมาเล่นกับผม บางครั้งเฉียนฝูเองก็ให้ผมช่วยปลอบใจหลานของเขา อู๋เต้าเหวินพวกเขาบังเอิญมาพบเข้า คิดว่าผมกับเฉียนฝูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นจึงคิดอยากที่จะให้ผมเป็นตัวกลางเชื่อมสัมพันธ์กับเฉียนฝู”
หลี่โม่อธิบายออกมาทีละคำอย่างฉะฉาน อารมณ์เรียบเฉยทำให้คนฟังแล้วไม่ผิดปกติเลยสักนิด
กู้เจี้ยนกั๋วถอนหายใจ ความหวังที่อยู่ในใจพังทลาย เดิมที่คิดว่าหลี่โม่กับเฉียนฝูจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน
ทว่าคิดไปคิดมาก็ใช่ ถ้าหากหลี่โม่กับเฉียนฝู มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจริง ๆ เฉียนฝูช่วยสนับสนุนแค่เล็กน้อย หลี่โม่ก็ไม่ต้องมาเป็น คนไร้ประโยชน์เหมือนตอนนี้
“พวกหมาป่าทำท่าดุดันเหมือนเสือ ก็แค่สุนัขเห่าให้คนกลัวก็เท่านั้น! แกไล่ซีเหมินจื้อเผิงไปได้สะใจมากใช่ไหม? แกทำเรื่องบ้า ๆอย่างนี้ รู้ไหมว่ากำลังทำร้ายหยุนหลันอยู่!”
หวังฟางตะคอกเสียงแหลมด้วยท่าทีเดือดดาล
“แม่ แม่อย่าทำอย่างนี้อีกได้ไหม ฉันรู้สึกว่าอยู่กับหลี่โม่ก็มีความสุขมาก ไม่ร้องขอให้หลี่โม่เป็นเศรษฐีร่ำรวย พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว”
หวังฟางเช็ดน้ำตาที่หางตาพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิที่เห็นลูกสาวทำอะไรไม่ได้ดั่งใจหวัง: “ลูกนะลูก ทำไมถึงไม่เข้าใจความหวังดีของแม่ ลูกคิดว่าแม่อยากจะเป็นคนที่น่ารังเกียจ อย่างนั้นเหรอ ทำทุกอย่างก็เพื่อความสุขของลูก”
ปึงปัง
ประตูห้องวีไอพีเปิดออกอีกครั้ง เหอซูฟางกับซีเหมินจื้อเผิงเดินเข้ามาในห้องวีไอพีด้วยท่าทีลนลาน
“พี่ซูฟาง พวกคุณกลับมามีเรื่องอะไรเหรอ?”