จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 306
ซีเหมินจื้อเผิงเดินเข้าห้องประชุมของตระกูลกู้โดยการอารักขาของบอดี้การ์ด กู้เจี้ยนกั่วและคนอื่นๆยืนต้อนรับอยู่หน้าห้องประชุมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ยินดีต้อนรับครับ ท่านประธานซีเหมิน”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยใบหน้าที่ประจบสอพลอ
ในขบวนต้อนรับ ซีเหมินจื้อเผิงไม่ได้สนใจกู้เจี้ยนกั๋ว แต่กลับมองหาร่างของกู้หยุนหลันและหลี่โม่
เห็นกู้หยุนหลันและหลี่โม่ยืนอยู่ท้ายขบวน ใบหน้าของซีเหมินจื้อเผิงถึงเริ่มมีรอยยิ้มออกมา
“เข้าไปคุยเจรจาการเซ็นสัญญาข้างในดีกว่า”
ซีเหมินจื้อเผิงพูดแบบเย็นชา
กู้เจี้ยนกั๋วไม่กล้าล่าช้าสักเสี้ยววินาที พาซีเหมินจื้อเผิงเข้าไปในห้องประชุม จากนั้นพูดกับกู้หยุนหลันว่า:“หยุนหลัน รีบเสริมนํ้าชาให้ท่านประทานซีเหมินเร็วเข้า”
กู้เจี้ยนกั๋วคาดเดาได้ว่าจุดประสงค์ของซีเหมินจื้อเผิงคืออะไร เลยไม่รอช้าที่จะสั่งให้กู้หยุนหลันออกมา
กู้หยุนหลันแม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงอดทน เดินไปทางตู้ตรงมุมของห้องประชุม หยิบชุดนํ้าชาออกมาเริ่มชง
ซีเหมินจื้อเผิงนั่งตรงข้ามกับกู้เจี้ยนกั๋ว คนในตระกูลกู้และคนของซีเหมินจื้อเผิงก็ทยอยกันนั่งลง หลี่โม่นั่งอยู่ที่มุมสุด
กู้หยุนหลันตวงนํ้าชาที่ชงเสร็จเดินมาข้างซีเหมินจื้อเผิง แล้ววางนํ้าชาไว้ตรงหน้าของซีเหมินจื้อเผิง
ซีเหมินจื้อเผิงเอียงศีรษะมองกู้หยุนหลัน ยิ้มเยาะแล้วกล่าวว่า:“คิดไม่ถึงว่าฉันจะมาใช่ไหม เกมระหว่างเราเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ”
กู้หยุนหลันหันหลังเดินจากไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา ไม่ได้สนใจซีเหมินจื้อเผิงเลย
ซีเหมินจื้อเผิงมองหลังของกู้หยุนหลัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดขรึมทันที
เมื่อกู้เจี้ยนกั๋วเห็นดังนั้น จึงบอกกับกู้หยุนหลันว่า :“หยุนหลัน เธอไปนั่งข้างประธานซีเหมิน ช่วยพวกเราประสานงานกัน”
กู้หยุนหลันหยุดชะงัก ค่อยๆหมุนตัวแล้วพูดว่า:“คุณลุง พวกคุณคุยกันเรื่องการเจรจาเซ็นสัญญากัน ไม่จำเป็นต้องใช้คนประสานงานให้ ภาษาจีนกลางของประธานซีเหมินดีเกินมาตรฐานมาก”
“อย่างนั้นก็ไม่ได้ มีเรื่องไฮเทคมากมายที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจมากนัก และเธอเป็นคนรับผิดชอบหลัก เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องมาช่วยประสานงานเกี่ยวกับรายละเอียดของเครื่องมืออาชีพ”
กู้เจี้ยนกั๋วหาเหตุผลออกมาพูดทำให้กู้หยุนหลันไม่สามารถปฏิเสธได้ กู้หยุนหลันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เดินไปนั่งข้างซีเหมินจื้อเผิงด้วยสีหน้าที่เย็นชา และถอยเก้าอี้ออกห่างไปเล็กน้อย
ซีเหมินจื้อเผิงมองกู้หยุนหลันที่เดินกลับมาอย่างได้ใจ :“เธออยากจะแข็งข้อ? มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
กู้หยุนหลันพูดอย่างไม่เกรงใจว่า:“รบกวนประธานซีเหมินพูดเรื่องงาน”
“ได้ งั้นก็มาคุยรายละเอียดการร่วมลงทุนของเรา พวกเราสามารถสนับสนุนตระกูลกู้ได้อย่างเต็มที่ และช่วยพวกคุณเปลี่ยนแปลงการผลิต และนำพาพวกคุณเข้าสู่ตลาดที่มีกำไรสูง นี่ถือเป็นโอกาสสำคัญที่สุดในชีวิตของตระกูลกู้พวกคุณเลยนะ”
ดวงตากู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆเปล่งประกายด้วยความโลภ ราวกับหมาป่าที่หิวโหย
“ท่านประธานซีเหมินพูดถูก นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของตระกูลกู้เรา เเละการที่ได้ร่วมงานกับท่านประธานซีเหมิน นั้นถือเป็นเกียรติอย่างสูงของตระกูลกู้เรา”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างประจบสอพลอ
ซีเหมินจื้อเผิงเหลือมองกู้เจี้ยนกั๋ว ยิ้มพลางแล้วพูดว่า:“เกียรตินี้ฉันไม่ได้ให้ฟรีนะ ก่อนจะเซ็นสัญญากัน ฉันมีข้อแม้เล็ก ๆ น้อย ๆ”
“ท่านประทานซีเหมินเชิญพูด ขอแค่ท่านขอมา ทางเราจะพยายามทำให้ดีที่สุด “
“ฉันจะให้หลี่โม่คุกเข่าให้กับฉัน กู้หยุนหลันจะได้เห็นว่าสามีของเธอนั้นไร้ประโยชน์แค่ไหน”
ซีเหมินจื้อเผิงพูดอย่างโหดเหี้ยม
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆสบตากัน จากนั้นก็มองไปที่หลี่โม่
“ไอ้ไร้ประโยชน์ นายไม่ได้ยินที่ท่านประธานซีเหมินพูดเหรอ ยังไม่รีบมาคุกเข่าให้ท่านประธานซีเหมินอีก”
กู้ซิงเว๋ยตะโกนถามหลี่โม่
“หลี่โม่ เพื่อตระกูลที่กำลังจะเซ็นสัญญา นายก็ทำตามที่ท่านประธานซีเหมินพูดเถอะ นายต้องทำให้ท่านประธานซีเหมินพอใจ”กู้เจี้ยนเจียงพูดด้วยนํ้าเสียงเย็นชา
กู้หยุนหลันถลึงตาใส่ซีเหมินจื้อเผิง แล้วพูดเสียงเบาว่า :“ท่านทำไมถึงใช้วิธีตํ่าทรามเช่นนี้ มันเกินไปแล้วนะ “
“ไม่ใช่ว่าผมจะตํ่าทรามหรอกนะ ผมแค่อยากจะให้คุณได้เห็นภาพพจน์ที่แท้จริงของไอ้ไร้ประโยชน์นี่ จะได้ไม่ต้องมาคอยปลอบใจตัวเองอีก สามีของคุณคือแค่คนไร้ประโยชน์จริงๆ”
ซีเหมินจื้อเผิงยิ้มเยาะ
เห็นหลี่โม่ยังไม่ขยับตัว กู้ชิงหลินลุกขึ้นแล้วพูดว่า:“นายไอ้ไร้ประโยชน์ทำไมยังนั่งนิ่งอยู่อีก นายอยากตายนักใช่ไหม ถ้านายยังไม่คุกเข่าต่อหน้าท่านประธานซีเหมินอีก พวกเราก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ”
หลี่โม่ยิ้มบางๆ ส่ายหัวแล้วพูดว่า:“เขา ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่ผมคุกเข่าให้ ให้เขามาคุกเข่าให้ผมยังจะดีกว่า”
เพี้ยะ!
กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว จ้องหลี่โม่แล้วตะโกนด่าว่า:“นายพูดอะไรของนาย กล้าเสียมารยาทกับท่านประธานซีเหมินได้ยังไง หากคิดอยากจะแข็งข้อ! ตระกูลกู้ของเราไม่มีวันปกป้องไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างนายหรอก”
“กู้หยุนหลันรีบบอกให้สามีไร้ประโยชน์ของเธอคุกเข่าให้ท่านประธานซีเหมินซะ ไม่งั้นบ้านรองของพวกเธอก็คิดดูว่าจะไปอธิบายยังไงกับคุณปู่ท่าน ครั้งนี้สิ่งที่พวกเธอทำลายคือโอกาสที่ดีที่สุดในการขยายกิจการของตระกูลกู้เรา!”
กู้เจี้ยนกั๋วคำรามออกมา ดวงตากลมโตจ้องมองกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันส่ายหน้าอย่างแน่วแน่:“การร่วมลงทุนทางธุรกิจไม่ควรที่จะดูถูกใคร พวกคุณช่วยเขาบีบบังคับพวกเราแบบนี้ มโนธรรมพวกคุณไม่มีบ้างเลยเหรอ?”
“บัดซบ!! มโนธรรมคืออะไร ก็แค่ให้พวกเธอคุกเข่า จะถือว่าบีบบังคับได้อย่างไร เธอจะให้หลี่โม่คุกเข่าหรือไม่? ถ้าเธอไม่ยอมให้หลี่โม่คุกเข่าให้ท่านประธานซีเหมิน งั้นพวกเธอก็คือคนบาปของตระกูลกู้!”
ซีเหมินจื้อเผิงเงยหน้า ใช้ปลายจมูกมองหลี่โม่ แล้วพูดอย่างเชื่องช้าว่า:“การสอนมารยาทของตระกูลกู้ของพวกคุณช่างแย่เหลือเกิน แม้แต่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านก็สั่งการไม่ได้ ผมละสงสัยในความสามารถการจัดการธุรกิจของพวกคุณจริงเชียว หรือว่าผมควรจะหาคนอื่นมาร่วมลงทุนด้วยจะดีกว่า”
“ท่านประทานซีเหมินได้โปรดรอสักครู่ ผมจะบอกหลี่โม่คุกเข่าให้ท่านเดียวนี้”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างลุกลี้ลุกลน
พูดจบกู้เจี้ยนกั๋วก็มองไปทางกู้หยุนหลัน:“หยุนหลัน ครั้งนี้คือโอกาสที่สำคัญในการขยายกิจการธุรกิจของตระกูลกู้จริงๆ เธอรีบบอกหลี่โม่คุกเข่าให้ท่านประธานซีเหมินซะ”
“ไม่”
กู้หยุนหลันพูดอย่างหนักแน่น
“กู้หยุนหลันเธอบ้าไปแล้วเหรอ กะอี่แค่ไอ้คนไร้ประโยชน์คนเดียวทำให้เธอกล้าที่จะทำลายการขยายกิจการของตระกูลกู้เรา มโนธรรมในใจเธอรับได้เหรอ หากเธอยังไม่ให้หลี่โม่คุกเข่าพวกเราก็จะไม่เกรงใจเธอสองคนแล้วนะ!”
กู้ซิงเว๋ยพูดพร้อมกำมือแน่น
กู้เจี้ยนเจียงขมวดคิ้วแน่น ไม่พอใจกับความดื้อรั้นของกู้หยุนหลันมาก
“กู้หยุนหลัน หลี่โม่ หากใครทำให้การขยายกิจการของตระกูลกู้ล่าช้า ตระกูลกู้ของพวกเราก็จะทำลายผู้นั้นไปตลอดชีวิต หวังว่าเธอทั้งสองจะไม่เข้าใจผิด แค่ให้หลี่โม่คุกเข่าให้ท่านประธานซีเหมิน แล้วฟังท่านบ่นสักคำสองคำเท่านั้น ทำไมต้องขัดขืนถึงเพียงนี้”
กู้ชิงหลินมองหลี่โม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม:“คนไร้ประโยชน์ยังมีหน้าให้รักษาด้วยเหรอ ท่านประธานซีเหมินให้นายคุกเข่าก็ถือว่าให้เกียรตินายแล้ว นายอย่าให้หน้าไม่เอาหน้านะ นายนึกว่านายเป็นใครกัน!”
ซีเหมินจื้อเผิงยิ้มแล้วคอยฟังคนในตระกูลกู้ด่าทอหลี่โม่อย่างมีความสุข เขารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย
เลขาของกู้เจี้ยนกั๋วลุกลี้ลุกลนวิ่งเข้ามาในห้องประชุม
“ซีอีโอของบริษัทผลิตยาเหิงฮุยมาขอเข้าพบ และบอกว่าอยากจะขอร่วมลงทุนด้วย”