จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 315
หลังจากนั่งรถของเฉียวเจิ้งหลงไปส่งซีซีที่โรงพยาบาล ลูกน้องของเฉียวเจิ้งหลงก็ซื้อรถคันใหม่ที่เหมือนกับรถของกู้หยุนหลันแล้วนำมาส่งมอบให้เธอที่โรงพยาบาล
เฉียวเจิ้งหลงอยากถามหลี่โม่ว่าจะให้เขาจัดการกับเรื่องของหลี่กางยังไงอีก แต่หลี่โม่โบกมือเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่สนใจเรื่องการจัดการกับหลี่กางอย่างไรอีกแล้ว
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้คุยต่อสักพัก เมื่อเห็นว่าหลี่โม่อารมณ์ไม่ค่อยดีมากนัก เฉียวเจิ้งหลงจึงขอตัวออกไปก่อนอย่างมีไหวหริบ
หลี่โม่กับกู้หยุนหลันก็ส่งซีซีกลับไปห้องผู้ป่วย จากนั้นกล่อมซีซีให้หลับแล้วทั้งสองก็ออกจากโรงพยาบาลและตรงกลับไปบ้านด้วยกัน
หวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลันกลับบ้าน หวังฟางจึงตบโซฟาแรงๆ แล้วเรียกกู้หยุนหลันไปหา “หยุนหลัน มานี่ก่อนสิ มีเรื่องจะคุยด้วย”
“แม่มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
กู้หยุนหลันนั่งลงข้างหวังฟางแล้วถามอย่างสงสัย
ส่วนหลี่โม่เดินไปรินน้ำชาให้กับกู้หยุนหลันแล้วนั่งลงด้วยกัน
“พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องคนโตของเธอจะเซ็นสัญญาการก่อสร้างกับหยุนจงหลันกรุ๊ป แต่ช่วงหลังๆ มานี้หยุนจงหลันกรุ๊ปดูเหมือนจะเงียบไป พี่ชายเธอจึงอยากติดต่อกับทางหยุนจงหลันกรุ๊ปดู แม่ก็เห็นว่าเธอรู้จักกับคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นไม่ใช่เหรอ”
หวังฟางพูดไปด้วยแล้วเหลือบมองหลี่โม่ด้วยสายตารังเกียจไปด้วย “ไอ้คนไร้ประโยชน์ นายมานั่งฟังทำไม ฉันมีเรื่องจะคุยกับลูกสาวฉัน นายไปไกลๆ ไป” “แม่ ทำไมต้องไล่หลี่โม่ไปด้วย อีกอย่างหนูก็ไม่รู้จักคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นหรอก แม่อย่าไปเชื่อข่าวลือเท็จพวกนั้นเลย”
กู้หยุนหลันพูดอย่างเด็ดขาด
แต่หวังฟางหัวเราะเบาๆ แล้วมองกู้หยุนหลันด้วยสายตามั่นใจ “หยุนหลันจ๋า แม่รู้ว่าเธอหน้าบาง เธอไม่อยากให้คนไร้ค่าอย่างหลี่โม่รู้ว่าเธอคิดทำอะไรอยู่”
“แต่เรื่องแบบนี้มันปิดบังกันไม่ได้หรอก ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวมันก็รู้เอง ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอกนะ ถ้าไอ้คนไร้ค่าคนนี้มันไม่ยอม เธอยังมีพ่อกับแม่คอยช่วยเธออยู่นะ มันทำอะไรเธอไม่ได้หรอก”
กู้หยุนหลันรู้สึกโกรธและคิดจะปฏิเสธความคิดแย่ๆ แบบนี้ แต่เรื่องแบบนี้ยิ่งร้อนตัวก็ยิ่งเหมือนเป็นคนผิด ดังนั้นกู้หยุนหลันจึงเลือกที่จะเก็บอารมณ์เพราะไม่อยากให้หลี่โม่ต้องเข้าใจผิด
หวังฟางตบหลังกู้หยุนหลันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “ฟังแม่นะ ในเมื่อเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นแล้ว เธอก็รีบเปิดเผยเถอะ มันไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไรเลยนะ ทำไมต้องแอบซ่อนไว้ด้วยล่ะ”
“แม่ถึงว่าทำไมเธอต้องปฏิเสธเจี้ยนเฟิงกับจื้อเผิงด้วย ที่แท้ก็มีทางเลือกที่ดีกว่านี่เอง เธอทำให้แม่ต้องเหนื่อยใจแทนเธอเปล่าๆ มาตั้งนานเลยรู้ไหม”
หวังฟางพูดเองเออเองและคิดว่าเธอรู้ทันทุกอย่างแล้ว
กู้หยุนหลันสีหน้าขมขื่นและเอื้อมมือออกไปจับมือของหลี่โม่อย่างอ่อนโยน “คุณอย่าไปเชื่อในสิ่งที่แม่พูดนะ ฉันไม่ได้รู้จักคุณหลี่ผู้ลึกลับอะไรคนนั้นจริงๆ”
หลี่โม่ยิ้มจางๆ แล้วพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง “ผมเชื่อใจคุณครับ”
หวังฟางขมวดคิ้วและพูดด้วยความไม่พอใจ “หยุนหลัน เธอพูดอะไรกับคนไร้ประโยชน์คนนั้น หรือว่าที่เธอไม่อยากเลิกกับมันก็เพราะเป็นความตั้งใจของคุณหลี่คนนั้น”
เพื่อที่จะทำให้สมมติฐานเป็นจริง หวังฟางเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อยและสงสัยว่าคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นมีงานอดิเรกแปลกๆ หรือเปล่า หรือว่าเขาไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้ว ดังนั้นจึงให้หลี่โม่มาเป็นหน้าม้าให้เขา
ความคิดที่แปลกประหลาดและฟุ้งซ่านค่อยๆ ผุดขึ้นในหัวของหวังฟางอย่างไม่หยุด
กู้หยุนหลันไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เธอจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “แม่คะ ถ้าแม่ไม่มีอะไรจะพูดอีก หนูขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“จะรีบไปไหน แม่ยังไม่ได้พูดประเด็นสำคัญเลย วันนี้แม่กลับไปที่บ้านยายเธอ พอดีว่าเราพูดถึงเรื่องของพี่ชายเธอน่ะ เขาอยากหาโอกาสไปพบเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ป ก็คือคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นนั่นแหละ”
“แต่ทุกคนในบ้านเราก็ไม่มีใครรู้ช่องทางที่จะติดต่อกับคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นได้เลย แม่จึงนึกได้ว่าเธอรู้จักคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้น ดังนั้นแม่จึงเล่าเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง”
ก่อนหน้านี้หวังฟางกลับไปที่บ้านแม่ เนื่องจากในขณะที่สนทนาหวังฟางได้ยินหวางจินซานและคนอื่นๆ พูดถึงเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดล่าสุดที่พวกเขาจัด ดังนั้นจึงทำให้หวังฟางรู้สึกรำคาญใจ
หวังฟางนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยได้ยินจากปากของคนตระกูลกู้ว่ากู้หยุนหลันมีความสัมพันธ์กับบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงและเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนในตระกูลหวังฟัง
แม้ครอบครัวตระกูลหวังจะไม่ปักใจเชื่อ แต่เมื่อฟังในสิ่งที่หวังฟางพูดแล้วมันก็มีที่มาที่ไปเหมือนกัน อีกอย่างชื่อของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปก็คล้องจองกับชื่อของกู้หยุนหลันด้วย ดังนั้นทุกคนในตระกูลหวังจึงมีความตั้งใจว่าจะลองดู และให้กู้หยุนหลันพาหวางจงเสวียนไปพบกับคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้น
กู้หยุนหลันถึงกับเอามือกุมหน้าและรู้สึกแย่มาก “แม่คะ แม่คงไม่คิดจะให้หนูพาหวางจงเสวียนไปพบคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นใช่ไหมคะ?”
“ใช่ๆ แม่ก็คิดว่าจะให้เธอช่วยพาพี่ชายไปพบเขานั่นแหละ หยุนหลัน เธอต้องช่วยแม่กู้หน้าด้วยนะ แม่จะได้มีสิทธิ์มีเสียงในบ้านสักที”
“แม่คะ แต่หนูไม่รู้จักคุณหลี่คนนี้จริงๆ นะคะ แล้วแม่จะให้หนูพาไปหาใคร”
กู้หยุนหลันพูดอย่างเหลือทน
หวังฟางมองไปที่กู้หยุนหลันด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หยุนหลันดูจริงจังเธอก็เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ
“แต่ แต่แม่รับปากเขาไปแล้วนะ ถ้าทำไม่ได้พวกน้าๆ ของเธอต้องเยาะเย้ยแม่แน่เลย ทำไมถึงซวยขนาดนี้”
หวังฟางพูดอย่างขมขื่น
กู้เจี้ยนหมินมองไปที่กู้หยุนหลันแล้วพูดอย่างจริงจัง “เธอไม่รู้จักคุณหลี่เจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปจริงๆ เหรอ? พ่อก็เคยได้ยินพวกลุงของเธอพูดกันว่าเธอรู้จักเขานะ”
“มันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่เรื่องจริงเลย แล้วแม่จะพูดไปเรื่อยได้ไง”
กู้หยุนหลันพูดอย่างจนปัญญา
“แม่ก็แค่อยากกู้หน้าให้ครอบครัวเรา แล้วใครจะไปรู้ว่าคนตระกูลกู้เชื่อไม่ได้เลย”
หวังฟางถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำ
จากนั้นหลี่โม่ยิ้มพูดว่า “หรือว่า ให้ผมลองพาหวางจงเสวียนไปครับ บางทีอาจจะมีโอกาสได้พบเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปนะครับ”
“นาย?”
หวังฟางหัวเราะเยาะแล้วพูดอย่างเย้ยหยัน “อย่างนายเหรอจะพาจงเสวียนไปพบเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปได้ คงทำให้เสียหน้าเปล่าๆ มากกว่า”
“แม่ แม่ฟังหลี่โม่พูดก่อนสิคะ เขาอาจจะมีวิธีก็ได้นะ”
กู้หยุนหลันพูดกับแม่เบาๆ และในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวของหลี่โม่
“หลี่โม่ นายลองว่ามาสิว่ามีวิธีไหนที่จะได้พบกับเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ป คนระดับนั้นคงไม่ค่อยมีเวลาว่างหรอกนะ อีกอย่างถ้าไม่นัดหมายก่อนก็คงไม่มีโอกาสได้เจอเขาแน่”
กู้เจี้ยนหมินมองไปที่หลี่โม่แล้วถามเขา
“ผมไปขอให้เฉียนฝูช่วยได้นะครับ ถ้าเฉียนฝูยอมช่วย ผมว่าเรามีโอกาสที่จะได้พบคุณหลี่ที่ลึกลับคนนั้นได้ครับ”
หลี่โม่ใช้ชื่อของเฉียนฝูมากแต่งเรื่อง
และเมื่อได้ยินชื่อของเฉียนฝูเท่านั้น กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางก็เงียบไปทันที
ทั้งสองต่างก็คิดในใจ ถ้าหากเฉียนฝูยอมช่วย พวกเขาก็มีโอกาสทำเรื่องนี้ได้สำเร็จอย่างแน่นอน
“ใช้เส้นสายของเฉียนฝูกับเรื่องแบบนี้ มันจะสิ้นเปลืองทรัพยากรไปหน่อยไหม”
กู้เจี้ยนหมินพูดอย่างคลุมเครือ
“ไอ้……หลี่โม่ นายรีบติดต่อตอนนี้เลย!” หวังฟางพูดอย่างตื่นเต้น