จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 317
“ท่าทีของคุณมันไม่เหมาะสมกับการที่เป็นคนขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเลยนะ ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ผมว่าจะไม่พาคุณไปเสียเวลาจะดีกว่า”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
เมื่อต้องเผชิญกับความเกลียดชังของคนตระกูลหวางหลี่โม่รู้สึกไม่พอใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นญาติของกู้หยุนหลันเขาไม่มีทางสนใจคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน
“นายมันชักจะมากเกินไปแล้ว! ให้โอกาสนายพาไปก็ถือว่าเราให้เกียรตินายมากแค่ไหนแล้ว อย่าหลงตัวเองมากไป” หวางจงเหิงรู้สึกโกรธจนพับแขนเสื้อและพร้อมที่จะใช้กำลังทันที
แต่หวางจงเสวียนยกมือขึ้นแล้วห้ามเขาไว้ “อย่าไปถือสาคนแบบนี้เลย นายจะเปื้อนมือเปล่าๆ น่ะ”
“พี่ใหญ่ แล้วจะเอายังไง คอนแทรคกับบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรานะ ถึงยังไงเราก็ต้องไปหาคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นอยู่แล้ว”
หวางจงเหิงพูดไปด้วยแล้วเหลือบมองหลี่โม่ด้วยสายตาเกลียดชังไปด้วย
“เหอะๆ”
หลี่โม่หัวเราะเย็นชาและไม่ได้สนใจหวางจงเหิงเลย
“สัญญาเล่มนี้พี่ต้องไปเซ็นกับประธานซุน ถึงเวลาแล้วเราค่อยไปขอความช่วยเหลือจากประธานซุนก็ได้”
ซุนฮุ่ยกางผู้จัดการของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปก็คือฟางเส้นสุดท้ายของหวางจงเสวียน
เดิมทีจะใช้ความสัมพันธ์ของกู้หยุนหลันเพื่อเข้าหาคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้น แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่หยิ่งยโสของหลี่โม่แล้วหวางจงเสวียนก็สิ้นหวังทันที และที่เขายังไม่ลุกไปไหนก็เพื่อจะกลั่นแกล้งหลี่โม่ก่อน
“ไปหาประธานซุนก็เท่านั้น ถึงอย่างไรแล้วเอกสารการเซ็นรับรองเงินทุนก็ต้องผ่านการลงนามของคุณหลี่คนนั้นอยู่ดี เฮ้อ อะไรมันจะยุ่งยากขนาดนี้”
หวางจงเฉิงส่ายหัวและถอนหายใจ
หลี่โม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเริ่มปัดโทรศัพท์ของเขาโดยที่ไม่สนใจพวกเขาทั้งสาม
เมื่อเห็นหลี่โม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมหวางจงเหิงก็หัวร้อนและทุบโต๊ะด้วยความรุนแรง “ไอ้เหลือขอ นายทำอะไรได้นอกจากเล่นเกม นายทำไมไม่โทรหาเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปเลยล่ะ นายบอกนายจัดการเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ โทรหาเขาต่อหน้าพวกเราสิ”
“พวกคุณมันน่าเบื่อจริงๆ ถ้าไม่เชื่อคำพูดผมก็บอกมาตรงๆ สิครับ ผมจะได้กลับบ้านเลย”
หลี่โม่ลุกขึ้นและเตรียมที่จะเดินออกไป
“ยังกล้าเล่นลิ้นอีกเหรอ นายฟังไม่เข้าใจใช่ไหมว่าเราพูดอะไร สั่งให้นายโทรก็โทรสิวะ”
“เหอะ ๆ คุณคิดว่าเขาจะว่างรับสายคุณตลอดเหรอ โทรไปรบกวนเขาบ่อยๆ แบบนี้ อย่าว่าแต่ไปขอพบเขาเลย เดี๋ยวสัญญาของพวกคุณจะถูกยกเลิกซะมากกว่า”
หลี่โม่ยิ้มพูด
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่โม่ หวางจงเสวียนก็ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ถึงยังไงวันนี้เขาก็ต้องเข้าบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปอยู่แล้ว ก็แค่หลี่โม่ไปด้วย ลองดูสักครั้งก็แล้วกัน ถ้าไม่ได้เรื่องค่อยกลับมาจัดการมันทีหลัง
หวางจงเสวียนคิดในใจและลุกขึ้นแล้วพูดว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระให้มากไป เราไปบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปตอนนี้เลย หวังว่านายจะทำได้ตามที่พูดนะ”
หลี่โม่ยิ้มจางๆ แล้วหันเดินออกไป
หวางจงเหิงจ้องไปที่แผ่งหลังของหลี่โม่แล้วตะโกนอย่างไม่พอใจ “พี่ใหญ่ครับ พี่จะเชื่อคนอย่างมันจริงๆ เหรอ ถ้ามันพาเราไปหาเศรษฐีผู้ลึกลับคนนั้นได้จริงๆ ผมจะกินอึแล้วไลฟ์สดโชว์เลยครับ”
“งั้นคุณก็เตรียมตัวเลยนะ ผมรอดูไลฟ์สดคุณอยู่”
หลี่โม่พูดโดยไม่หันกลับมามองเขา
“แมร้ง! ไอ้เหลือขอนี่มันจะหลงตัวเองมากไปแล้ว ผมอยากฆ่ามันจนเต็มทนแล้วนะ!”
“น้องรอง ใจเย็นๆ เราไปดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากัน”
หวางจงเสวียนทั้งสามก็เดินออกจากบ้านแล้วพาหลี่โม่ขึ้นรถและตรงไปที่สำนักงานของหยุนจงหลันกรุ๊ปทันที
หวางจงเหิงที่นั่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับได้แต่จ้องหลี่โม่ราวกับว่าจะกินเขาทั้งเป็น
่ส่วนหลี่โม่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์และไม่สนใจกับการมีตัวตนของหวางจงเหิง
หวางจงเฉิงหันไปตบไหล่หวางจงเหิงแล้วยิ้มพูด “พี่รอง ใจเย็นก่อนน่า เดี๋ยวความจริงมันก็จะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าไอ้ขยะคนนี้มันทำไม่ได้อย่างที่พูด เราค่อยจัดการมันทีหลังก็ได้”
“เหอะ ยังต้องพิสูจน์อะไรอีก เห็นๆ กันอยู่ว่าคนอย่างมันไม่มีทางทำได้อยู่แล้ว ถ้ามันทำได้จริงๆ ควายก็คงบินได้แล้ว!”
หวางจงเสวียนจ้องไปที่หวางจงเหิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นหวางจงเหิงถึงยอมเงียบลงและทำให้บรรยากาศในรถเข้าสู้ความสงบ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถของพวกเขาก็ไปจอดลงที่หน้าอาคารสำนักงานของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ป
ทันทีที่รถจอดลง หวางจงเสวียนมองไปที่หน้าประตูของหยุนจงหลันกรุ๊ปและได้เห็นผู้จัดการทั่วไปหลายๆ ที่กำลังคนเดินล้อมซุนฮุ่ยกางที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ยและกำลังจะเดินเข้าไปในบริษัท
“นั่นไงประธานซุน รีบลงรถแล้วตามพี่ไปหาประธานซุน”
หวางจงเสวียนพูดสั้นๆ และเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปหาซุนฮุ่ยกางเหมือนเสือชีตาห์กำลังไล่ล่าเหยื่อ
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงก็ไม่กล้ารอช้า ทั้งสองก็วิ่งตามกันไปติดๆ
หลี่โม่เหลือบมองไปที่ร่างของซุนฮุ่ยกาง เขาได้แต่ส่ายหัวเบาๆ แล้วก้มหน้าดูโทรศัพท์ต่อโดยที่ไม่คิดจะวิ่งตามไป
หวางจงเสวียนทั้งสามที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้ซุนฮุ่ยกางถึงกับตกใจ “พวกคุณคิดจะทำอะไร เรียกรปภ. ด่วน!”
“เดี๋ยวก่อนครับท่านประธานซุน! ผมหวางจงเสวียนเองครับ คนที่จะทำสัญญาการพัฒนาและการก่อสร้างในพื้นที่ใหม่กับท่านไงครับ ท่านลืมไปแล้ว?”
หวางจงเสวียนโค้งคำนับด้วยสีหน้ารอยยิ้มที่ประจบสอพลอ
ซุนฮุ่ยกางสงบสติลงแล้ววางท่าทีของความเป็นผู้จัดการแล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “อ้อ คุณเองเหรอ ทำตัวปลิ้นปล้อนแบบนี้ ผมคิดว่าใครจะมาปล้นผมซะอีก”
“ขออภัยด้วยครับที่ทำให้ท่านต้องตกใจ ผมรอข่าวการแจ้งการทำสัญญาของโครงงานนี้มาสักพักแล้ว แต่ยังไม่ได้คำตอบ ผมก็เลยกังวลไปหน่อยครับ”
หวางจงเสวียนยิ้มพูดอย่างประจบสอพลอ
ซุนฮุ่ยกางเหลือบมองไปที่หวางจงเสวียนแล้วส่ายหัวพูด “กังวลอะไรของคุณ ผมเคยแจ้งคุณแล้วไม่ใช่เหรอ เอกสารของคุณต้องผ่านลายเซ็นของเจ้าของบริษัทของเราก่อน ผมไม่มีอำนาจตัดสินอะไรทั้งนั้น คุณรอทางเราแจ้งไปก่อนแล้วค่อยมาจะดีกว่า”
“ท่านประธานซุนครับ เราขอไปคุยในออฟฟิศของท่านก่อนได้ไหมครับ”
หวางจงเสวียนโน้มตัวและแสดงความเคารพมากกว่าเดิม
ซุนฮุ่ยกางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยพยักหน้าตอบเขา “ผมให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมงก็แล้วกัน”
“ขอบคุณที่เข้าใจกันครับท่านประธานซุน ผมกดลิฟต์ให้ครับ”
หวางจงเสวียนในขณะนี้ซึ่งแตกต่างกับหวางจงเสวียนที่อยู่ในบ้านโดยสิ้นเชิง เขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการเป็นขี้ข้าของซุนฮุ่ยกางเลย เขาวิ่งไปกดลิฟต์ก่อนและใช้แขนของเขากั้นประตูลิฟต์เพื่อให้ซุนฮุ่ยกางเข้าไปในลิฟต์ด้วยความเอาใจใส่
หวางจงเหิงและหวางจงเฉิงถึงกับตะลึงกับภาพที่เห็น เดิมทีคิดว่าหวางจงเสวียนได้คอนแทรคของโครงการใหญ่โตนี้จากซุนฮุ่ยกางโดยใช้เส้นสายที่น่าเกรงขามของเขา แต่ที่ไหนได้ มันคนละเรื่องไปเลย
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงได้แต่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ในมุมลิฟต์ ทั้งคู่รู้สึกละอายใจเล็กน้อย การที่ต้องขอทำสัญญาของโครงการด้วยใช้วิธีนี้พวกเขาทั้งสองไม่มีวันทำได้อย่างแน่นอน
จากนั้นหวางจงเสวียนทั้งสามได้ตามซุนฮุ่ยกางเข้าไปในออฟฟิศของเขา เมื่อเข้าไปในห้องซุนฮุ่ยกางก็นั่งลงบนเก้าอี้ผู้บริหารโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะเชิญทั้งสามนั่งลงเลย
“ไหน คุณว่ามาสิ”
ซุนฮุ่ยกางพูดอย่างเฉยเมยแล้วหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาอ่านโดยที่ไม่สนใจคำพูดของหวางจงเสวียน
หวางจงเสวียนยิ้มอย่างประจบสอพลอด้วยท่าทีที่คล้ายกับสุนัขที่กระดิกหางแล้วเริ่มพูดด้วยความเคารพ
“ทางเราเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เรารอแค่แผนเริ่มต้นและวันเวลาเท่านั้นครับ ดังนั้นผมจึงอยากรบกวนขอพบคุณหลี่หน่อยครับ”