จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 32
บทที่ 32 ไม่มีใครสามารถแย่งไปได้
กู้ชิงหลินจ้องหลี่โม่เหมือนคนโง่ กระตุกมุมปากหัวเราะเยาะ “หึ หลี่โม่ คุณหมายถึงอะไร ยังไง คุณคือคุณชายร่ำรวยตระกูลหลี่ผู้ลึกลับงั้นเหรอ”
หลี่โม่ส่ายหน้าและยิ้มบาง “ก็อาจจะ”
ฮ่าฮ่า!
ฉับพลัน ภายในห้องโถงของบ้านใหญ่ตระกูลกู้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะขบขันกับเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
“ไอ้ห่า หลี่โม่บ้าไปแล้ว ถึงขนาดพูดแบบนี้”
“น่าไม่อายจริงๆ เขากลัวจนอยากมีชื่อเสียงอยากเป็นบ้า”
“นี่ กู้หยุนหลันมีสามีแบบนี้ก็โชคร้ายไปแปดชั่วอายุคน”
การเผชิญหน้ากับการหัวเราะเฮฮาของฝูงชนนั้นหลี่โม่แสดงออกว่ามันไม่สำคัญ
มดฝูงนี้ จะรู้ไหมว่าที่นั่งอยู่ต่อหน้าพวกเขา ก็คือคุณชายร่ำรวยตระกูลหลี่ที่พวกเขาสรรเสริญบูชาและอิจฉา
ทันใดนั้น
แม่ยายหวังฟางลุกขึ้นยืน ชี้ไปที่หลี่โม่และด่าว่า “หลี่โม่ แกหุบปากซะ! ที่นี่ให้แกพูดได้เหรอ แกไม่ละอายแต่ฉันละอาย!”
หวังฟางระเบิดอารมณ์อย่างรวดเร็ว!
หลี่โม่คนนี้ ทำเรื่องให้ตัวเองน่าละอายไปทุกที่จริงๆ
เขาไม่มีความละอายเลยหรือไง
หรือว่าต้องให้ทุกคนดูถูกเขา ใจเขาถึงจะมีความสุข
ขยะก็คือขยะ!
กลับไปคืนนี้ต้องหาเรื่อง ต้องให้หยุนหลันเลิกกับเขาให้ได้!
เฉาซูเฟินที่อยู่ข้างๆ ก็เหล่มองยิ้มเยาะด้วยเช่นกัน “ฮ่าฮ่า เป็นสุนัขที่เกาะผู้หญิงกินยังจะกล้าคุยโว ไม่รู้ตำแหน่งที่ถูกที่ควรของตัวเองเลยจริงๆ”
หลี่โม่ต้องการอธิบาย แต่กู้หยุนหลันที่อยู่ข้างๆ หันหน้าไปพูดกับเขาด้วยเสียงต่ำว่า “พอได้แล้วหลี่โม่ คุณหุบปาก!”
ดวงตาของกู้หยุนหลันเต็มไปด้วยน้ำตาของความคับข้องใจ ตอนแรกเธอก็รู้สึกแย่มากแล้ว ตอนนี้หลี่โม่ยังจะพูดแบบนี้อีก ไม่ใช่ว่าเป็นการผลักเธอไปต่อหน้าทุกคนเพื่อรอการถูกดูถูกเหยียดหยามหรอกหรือ
หลี่โม่ชะงักไป ถ้อยคำติดอยู่ในลำคอ ก้มหน้าอย่างหมดหนทางและพูดว่า “ขอโทษ”
คุณท่านใหญ่กู้จึงตบโต๊ะและพูดว่า “เอาล่ะเอาล่ะ ทุกคนหยุด”
ทุกคนหุบปาก แต่สายตาทุกคู่มองหลี่โม่กับกู้หยุนหลันอย่างดูถูก
ในตอนนี้ คุณท่านใหญ่กู้กระแอมไอสองครั้งและเอ่ยปากว่า “ถ้าอย่างนั้น ในงานเลี้ยงตระกูลคืนนี้ ฉันขอประกาศเรื่องหนึ่ง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็ต่างตื่นเต้นกันมาก
แน่นอนว่ากู้ซิงเว๋ยยิ้มเต็มหน้าไปโดยธรรมชาติ ตื่นเต้นมาก และส่งสายตายั่วยุไปทางกู้หยุนหลัน
“เกี่ยวกับการร่วมมือของบริษัทรุงคาง ฉันลองคิดดูแล้ว และให้กู้ซิงเว๋ยรับผิดชอบ” คุณท่านใหญ่กู้พูด “หยุนหลัน พรุ่งนี้แกไปเปลี่ยนกับซิงเว๋ย ยังไงสัญญาก็ยังไม่ได้ลงนาม ก็ให้ซิงเว๋ยเซ็นไป แกน่ะ ปกติก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วก็เป็นผู้ช่วยซิงเว๋ยไป อ่านและเรียนรู้เพิ่มเติม เข้าใจไหม”
หลังจากคำพูดนี้ ทั้งห้องก็เงียบลงฉับพลัน
ทุกคนต่างมองไปยังนายท่านใหญ่ จากนั้นสายตาก็ไปตกที่ตัวกู้หยุนหลันอีกที
อะไรกัน
คุณท่านใหญ่กู้เอาตำแหน่งรับผิดชอบบริษัทรุงคางของกู้หยุนหลันออกแล้วมอบให้กู้ซิงเว๋ยงั้นเหรอ
นี่มันเรื่องใหญ่เกินไป!
เวลานี้กู้หยุนหลันเองก็งุนงง มองคุณท่านใหญ่ด้วยสายตาทึ่มทื่อ
“คุณปู่ สัญญาที่ประธานหรุงให้ฉัน คุณจะเอามาให้กู้ซิงเว๋ยแบบนี้ได้ยังไง อีกอย่าง เขาก็ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย…” กู้ซิงเว๋ยกังวล พยายามพูดอะไรบางอย่างอย่างหมดหวัง
“พอได้แล้ว! ฉันตัดสินใจแล้ว เรื่องนี้เอาตามนี้!”
คุณท่านใหญ่กู้ขัดจังหวะคำพูดของกู้หยุนหลัน สีหน้าไม่พอใจ ลุกขึ้นแล้วออกจากห้องโถงไป
มองคุณท่านใหญ่กู้ออกไป กู้หยุนหลันในใจรู้สึกคับข้องใจ กำหมัดและกัดฟันแน่นอย่างเกลียดชัง!
เธอรู้ว่าเรื่องนี้กู้ซิงเว๋ยมีส่วนเกี่ยวข้อง!
เธอจ้องมองกู้ซิงเว๋ยอย่างโกรธจัดด้วยใบหน้าที่กำลังกลายเป็นสีแดง จนในที่สุดกู้ซิงเว๋ยก็ทนไม่ไหว หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ฮ่าฮ่าฮ่า!
“กู้หยุนหลัน เป็นยังไง ตอนนี้โกรธมากเลยใช่ไหม อยากต่อยฉันใช่ไหม ฮ่าฮ่า มันขึ้นอยู่กับเธอ ยังอยากพลิกปลาเค็มให้กลับมามีชีวิตทำคะแนนต่อหน้าคุณปู่อยู่อีกไหม ฉันจะบอกเธอให้นะ ชีวิตนี้เธอก็ไม่มีโอกาสหรอก เธอต้องถูกฉันเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าตลอดไป!” กู้ซิงเว๋ยยิ้มอย่างผู้ชนะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นใบหน้าของกู้หยุนหลันที่กำลังจะร้องไห้ ใจเขาก็ยิ่งรู้สึกเริงร่า
“กู้ซิงเว๋ย ไอ้คนสารเลว สัญญาฉบับนี้เป็นของฉัน!” กู้หยุนหลันร่ำร้องอย่างไม่ยอม
กู้ซิงเว๋ยยักไหล่และพูด “แล้วยังไงล่ะ คุณปู่ให้ฉันรับช่วงต่อ หรือว่าเธอยังมีปัญหา ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันคงต้องขอบคุณเธอ ถ้าเธอไม่ได้รับสัญญา ฉันคงไม่มีโอกาสรับผิดชอบความร่วมมือนี้ แต่เธอวางใจ ความร่วมมือนี้เธอไม่ต้องเป็นผู้ช่วยฉัน เธอไม่มีทางเกี่ยวข้องกับความร่วมมือนี้ได้”
กู้หยุนหลันโมโหมาก ลุกขึ้นและออกจากบ้านใหญ่ตระกูลกู้ไป
กู้ซิงเว๋ยยังคงเติมเชื้อไฟไล่หลัง “กู้หยุนหลัน ที่จริงเมื่อก่อนคุณปู่รักเธอมากนะ น่าเสียดาย ใครใช้ให้เธอแต่งงานกับขยะหลี่โม่ล่ะ ไม่อย่างนั้นคุณปู่ก็คงจะไม่เลิกเอ็นดูเธอหรอก”
กู้หยุนหลันกระชับหมัดแน่น จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
หลี่โม่ลุกขึ้นและไล่ตามไป แต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นเงาเธอแล้ว
กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟาง โดยธรรมชาติแล้วก็นั่งไม่ได้อีก จากนั้นก็ตามหลังกู้หยุนหลันออกจากบ้านใหญ่ตระกูลกู้ไป
ทันทีที่พวกเขาไป ทุกคนในห้องก็ระเบิดเสียงหัวเราะกันดังลั่น มีทุกคำพูดการเยาะเย้ยต่อหลี่โม่กับกู้หยุนหลัน
กลับมาถึงบ้าน ยืนอยู่ที่ปากประตู หลี่โม่กำลังจะเข้าไปข้างใน แต่ได้ยินเสียงฉุนเฉียวเอ็ดตะโรของแม่ยายหวังฟางจากข้างในเข้าเสียก่อน
“น่ารังเกียจ! น่ารังเกียจจริงๆ! คุณปู่ทำแบบนี้ แทบไม่เห็นครอบครัวเราเป็นคนเลย สัญญานี้หยุนหลันเป็นคนเจรจา เขาคิดอะไรถึงได้ยกให้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างกู้ซิงเว๋ย!”
หวังฟากกระทืบเท้าอย่างโมโหและตะโกนด่า “ไม่ได้ๆ ฉันต้องไปคุยกับคุณปู่!”
เห็นหวังฟางกำลังจะออกไป กู้เจี้ยนหมินจึงรีบจับเธอไว้และพูดว่า “คุณอย่าวุ่นวายเลย ในเมื่อเรื่องนี้คุณปู่ตัดสินใจไปแล้ว เปลี่ยนไม่ได้หรอก”
“งั้นเราต้องช่างมันเหรอ กู้เจี้ยนหมิน ฉันอยู่กับคุณมานาน คุณเคยเข้มแข็งบ้างไหม เหมือนขยะหลี่โม่ไม่มีผิด!” หวังฟางตะโกนสุดเสียง
“พวกคุณบอกซิ ครอบครัวเราขี้แพ้แบบนี้ได้ยังไง! วันนี้นับว่าครอบครัวเราอัปยศอดสู พวกคุณดู หางของกู้ซิงเว๋ยยกสูงขึ้นฟ้าแล้ว ฉันไม่สน หลี่โม่นั่น หยุนหลันต้องหย่ากับเขา!”
หวังฟางกำลังด่าอยู่ในห้องนั่งเล่น โกรธไปทั้งตัว อยากบีบคอหลี่โม่ให้ตาย
กู้เจี้ยนหมินก็หมดหนทาง มีลูกเขยแบบนี้ ช่างเป็นบาปนัก
กู้หยุนหลันนั่งอยู่บนโซฟาโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพียงร้องไห้อย่างเดียว
“ร้องไห้อะไรก็ร้องไห้ แกรีบเลิกกับเขาไปเลย! ของที่ไร้ความสามารถไม่มีประโยชน์แบบนั้น ตาไม่เห็นหัวใจก็ไม่รำคาญ! ถ้าเขาไม่ไป บ้านเราก็ไม่ได้ลืมตาอ้าปากเสียที!”
หวังฟางโกรธจนทำลายข้าวของไปเป็นจำนวนมาก
แล้วกู้หยุนหลันก็เงยหน้าขึ้นน้ำตานองหน้าและพูดว่า “คุณแม่คะ คุณพอได้แล้ว ฉันจะไม่หย่ากับหลี่โม่ ฉันแต่งงานกับเขามาสี่ปีแล้ว คุณให้ฉันทิ้งเขาแบบนี้ แล้วชีวิตนี้ฉันจะเงยหน้ามองผู้คนได้ยังไง”
กู้หยุนหลันไม่อยากเลิก เธอยังรักหลี่โม่ที่สง่าผ่าเผยคนนั้น
แต่วันเวลาเก่าๆ หายไปตลอดกาลแล้ว
“ไม่เหย่าเหรอ ไม่หย่างั้นแกยังอยากจะอยู่กับเขางั้นเหรอ เศษสวะนั่นมีอะไรดี แกไม่เห็นท่าทีเย่อหยิ่งของกู้ชิงหลินวันนี้เหรอ ทันทีที่เธอบินขึ้นบนกิ่งไม้ก็กลายเป็นหงส์ แล้วแกล่ะ ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตยังไง”
หวังฟางตะคอกด้วยใบหน้าโกรธจัด
เป็นความผิดไอ้ขยะหลี่โม่!
กู้หยุนหลันร้องไห้พร้อมกับตะโกนว่า “คุณหยุดพูดเถอะ ฉันก็ไม่ได้อยาก แต่…แต่ฉันรักเขาไปแล้ว ต่อให้เขาจะมีชีวิตที่ไม่ประสบความสำเร็จ ฉันก็ยอมรับ!”
ปัญหานี้ กู้หยุนหลันเคยหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด
แต่วันนี้ถูกหวังฟางหยิบยกขึ้นมา เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับมัน ต้องตัดสินใจเลือก
เมื่อก่อนแค่ไม่อยากยอมรับ ตอนนี้กู้หยุนหลันยอมรับแล้ว
หลี่โม่ที่ปากประตู เมื่อสูบบุหรี่เสร็จก็ยืดตัวผลักประตูเปิด แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เดินทีละก้าวไปหากู้หยุนหลันที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยน้ำตานองหน้า
กู้หยุนหลันที่ร้องไห้จนตาแดง มองไปยังหลี่โม่ที่เดินเข้ามาหาตนและร่ำร้องอย่างหมดหนทาง “หลี่โม่ ขอโทษ ฉันเหนื่อย…ฉัน…”
หลี่โม่ยืนตรงหน้ากู้หยุนหลัน เช็ดน้ำตาจากหางตาของเธอและพูดอย่างอ่อนโยน “สัญญาเป็นของคุณ มันจะเป็นของคุณตลอดไป ไม่มีใครสามารถแย่งไปได้”
จากนั้นหลี่โม่ก็หันหลังเดินจากไปไม่หันกลับมาอีก