จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 324
ณ ห้องประชุมในบริษัทของตระกูลกู้
กู้เจี้ยนกั๋วกับครัฟฟ์นั่งอยู่ในที่นั่งประธาน ส่วนกู้เจี้ยนเจียง กู้ซิงเว๋ย กู้หยุนหลัน และพนักงานของครัฟฟ์ก็นั่งอยู่ทั้งสองด้าน
ครัฟฟ์ยิ้มพูดว่า “เพื่อความร่วมมือที่ดีขึ้นของเรา เนื้อหาและรายละเอียดต่างๆ เราต้องเจรจากันอีกครั้ง ผมจึงจะให้ผู้ช่วยของผมแจกแจงรายละเอียดและเงื่อนไขของทางเรานะครับ”
ผู้ช่วยของครัฟฟ์ถือเอกสารแล้วลุกขึ้นยืน “ก่อนอื่นเราต้องเน้นย้ำอีกครั้งว่าทุกโครงการของเราจะมุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณกู้หยุนหลันนะครับ เมื่อไหร่ที่ตัวของคุณกู้หยุนหลันไม่ได้เป็นศูนย์กลางหลักของความร่วมมือของเรา สัญญาก็จะถูกยุติโดยอัตโนมัติครับ”
สีหน้ากู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ บูดบึ้งไปทันที เดิมทีกู้เจี้ยนกั๋วยังคิดว่าแมวดาวจะสับเปลี่ยนเป็นองค์ชาย แต่ที่ไหนได้ ครัฟฟ์กลับเน้นย้ำว่าต้องให้กู้หยุนหลันเป็นจุดศูนย์กลางของทุกเงื่อนไข
กู้หยุนหลันเอายาวิเศษอะไรให้ชาวต่างชาติกินกันแน่!
กู้ซิงเว๋ยคิดอย่างไม่พอใจและจ้องไปที่กู้หยุนหลันอย่างดุเดือด
กู้หยุนหลันก็รู้สึกงงงวยและไม่เข้าใจว่าจะมีเงื่อนไขแบบนี้ได้ไง
“ทำไมต้องให้ความสำคัญกับหนูขนาดนี้คะ?”
“คุณหยุนหลันสุดสวยครับ เราได้ประเมินสมาชิกหลักทั้งหมดของครอบครัวคุณแล้ว เราพบว่าคุณมีวุฒิภาวะที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนิสัย ความรู้และความสามารถในการบริหารจัดการของคุณ ถ้าคุณไม่ใช่ผู้รับผิดชอบหลักของโครงการภายใต้ความร่วมมือของเรา ผลลัพธ์ก็คือล้มเหลวอย่าง 100% ครับ”
กู้ซิงเว๋ยยืนขึ้นแล้วตะคอกอย่างไม่พอใจ “คุณครัฟฟ์ครับ นี่พวกคุณกำลังดูหมิ่นพวกเราอยู่นะ? คุณคิดว่าคนอื่นๆ นอกจากกู้หยุนหลันแล้วไม่มีประโยชน์เลยเหรอครับ? ครอบครัวตระกูลกู้ไม่ได้มีแค่กู้หยุนหลันคนเดียวนะครับ!”
กู้ซิงเว๋ยรู้สึกโกรธและคิดว่าตัวเขาถูกดูดหมิ่นมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้ความสามารถ กู้ซิงเว๋ยก็คิดว่าเขาเหนือกว่ากู้หยุนหลันเป็นร้อย ๆ เท่า
“คุณในตอนนี้ก็ดูไร้เดียงสาและมีความแตกต่างกับคุณกู้หยุนหลันราวฟ้ากับเหวแล้วนะครับ คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
ครัฟฟ์พูดและทำท่าทางไปด้วย
กู้เจี้ยนกั๋วเพ่งมองไปที่กู้ซิงเว๋ยแล้วพูดอย่างดุเดือด “ไร้ประโยชน์สิ้นดี! ยังไม่รีบนั่งลงไปอีก ทำตัวเป็นตัวตลกในสายตาของคุณครัฟฟ์ไปเปล่าๆ!”
กู้ซิงเว๋ยก็นั่งลงแต่ความโกรธเคืองในใจยังอยู่
“ขออภัยที่ลูกชายผมไม่สุภาพนะครับคุณครัฟฟ์ โปรดอย่าถือสากันนะครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าหยุนหลันยังเด็กและขาดประสบการณ์มากเกินไป ถ้าให้ผมมาเป็นผู้อำนวยการในโครงการนี้น่าจะเหมาะสมกว่านะครับ”
กู้เจี้ยนกั๋วคิดเรื่องนี้มานานสักพักแล้ว เขาคิดว่าคนที่สามารถบีบให้กู้หยุนหลันออกไปต้องเป็นตัวเขาเท่านั้น
ครัฟฟ์ส่ายหัวและกางมือแล้วพูดว่า “นี่เป็นกฎเหล็กของการร่วมมือของเรา ห้ามมีการเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด นอกจากพวกคุณปฏิเสธที่จะร่วมมือกับพวกเรา”
ให้ปฏิเสธการร่วมมืองั้นหรือ ไม่มีทางอย่างแน่นอน
กู้เจี้ยนกั๋วได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขาทำได้เพียงยอมรับเงื่อนไขไปก่อน ค่อยดูสถานการณ์ในภายหลัง
“โอเคครับ เราเห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณครับ”
“พ่อ!”
กู้ซิงเว๋ยพยายามจะห้าม แต่กู้เจี้ยนกั๋วยกมือขึ้นแล้วสั่งกู้ซิงเว๋ยให้เงียบอย่างเด็ดขาด
ในขณะนี้ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก และหลี่โม่ก็เดินเข้าไปในห้องประชุม
ครัฟฟ์เหลือบมองไปที่หลี่โม่ จากนั้นหันกลับไปที่ห้องประชุม
และในเวลานี้ ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในตัวของกู้ซิงเว๋ยก็ได้ส่งต่อไปที่หลี่โม่ “ไอ้คนไร้ประโยชน์ นายจะเข้ามาทำไม! คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในการประชุมระดับสูงของบริษัท!”
หลี่โม่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของกู้ซิงเว๋ย เขาเดินตรงไปที่กู้หยุนหลันแล้วนั่งลงข้างเธอ จากนั้นยิ้มพูดว่า “ผมได้ข่าวว่ามีคนจะเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับที่ดินของภรรยาผม ในฐานะที่เป็นสามีของกู้หยุนหลัน ผมก็มีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งในการตัดสินใจ ดังนั้นผมจึงมีสิทธิ์เข้ามาฟังด้วย”
“ฟังได้ แต่ห้ามพูด”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างเย็นชา
หลี่โม่พยักหน้าอย่างเงียบๆ จากนั้นเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง
กู้เจี้ยนกั๋วหันมองไปที่ครัฟฟ์แล้วยิ้มพูดว่า “คุณครัฟฟ์ครับ เชิญพูดต่อเลยครับ”
ครัฟฟ์ส่งสัญญาณให้กับผู้ช่วยและผู้ช่วยของเขาก็พูดต่อ “ฝ่ายเรามีสิทธิ์แต่งตั้งซัพพลายเออร์ที่จะคอยจัดหาวัตถุดิบเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่เราต้องการ โดยที่ฝ่ายคุณต้องยอมรับทุกเงื่อนไข ส่วนเรื่องราคาแน่นอนว่าจะไม่สูงกว่าราคาในท้องตลาดของอุตสาหกรรม……”
แม้กู้เจี้ยนกั๋วจะรู้สึกไม่พอใจเกี่ยวกับกฎของความร่วมมือที่ถูกอ่านออกมา แต่ทุกเงื่อนไขนั้นถูกบีบบังคับโดยการยกเลิกสัญญา ดังนั้นจึงทำให้ทุกเงื่อนไขเป็นไปตามความต้องการของครัฟฟ์อย่างปฏิเสธไม่ได้
หลี่โม่ที่ฟังกฎข้อบังคับของครัฟฟ์ก็เริ่มรู้สึกเอะใจ ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็คงคิดว่าเป็นกฎเงื่อนไขทางธุรกิจที่ปกติ แต่เมื่อผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็จะพบว่าทุกเงื่อนไขนั้นมีกับดักอยู่เบื้องหลังเต็มไปหมด
และผู้รับผิดชอบหลักของการร่วมมือก็เป็นกู้หยุนหลันด้วย ถ้าภายหลังครัฟฟ์คิดจะเล่นตุกติกแล้วล่ะก็คงหนีไม่พ้นในการรับผิดชอบของกู้หยุนหลันอย่างแน่นอน
การที่ได้ร่วมมือกับครัฟฟ์นั้น ดูภายนอกแล้วถือเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ลึกๆ ข้างในมันเต็มไปด้วยกับดักพิษที่เขาวางไว้
แล้วครัฟฟ์จะเล็งเป้าหมายไปที่กู้หยุนหลันทำไม?
ซึ่งในสายตาของหลี่โม่นั้นมีเพียงสาเหตุเดียว นั้นก็คือแผนการของราชินีแห่งสำนักหลงเหมิน
บางที่ราชินีของสำนักหลงเหมินอยากจะแสดงอิทธิพลของเธอ หรือบางทีเธออาจจะใช้กู้หยุนหลันเป็นเครื่องมือในการข่มขู่หลี่โม่ก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด เธอไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
ในขณะที่หลี่โม่กำลังครุ่นคิดอยู่ ครัฟฟ์ก็ได้หยิบยื่นเอกสารสัญญาไปวางไว้บนโต๊ะประชุม “นี่คือเงื่อนไขของกฎที่เพิ่มเติม ถ้าฝ่ายคุณไม่มีความคิดเห็นที่นอกเหนือจากนี้ เราขอรบกวนคุณกู้หยุนหลันช่วยลงนามด้วยนะครับ ความร่วมมือของเราจะได้เสร็จสมบูรณ์ครับ”
กู้หยุนหลันเต็มไปด้วยความกังวล เธอหันมองไปที่หลี่โม่เพื่ออยากได้คำตอบจากเขา
“เซ็นเลย ไม่มีอะไรหรอก”
หลี่โม่ยิ้มพูดกับเธอ
ต่อให้สิ่งนี้เป็นกับดักของราชินีแห่งสำนักหลงเหมิน หลี่โม่ก็มั่นใจว่าจะเอามันอยู่
กู้หยุนหลันพยักหน้าเบาๆ และหยิบปากกาแล้วเซ็นชื่อลงไปในสัญญานั้น
กู้ซิงเว๋ยโกรธจนกำหมัดไว้แน่นๆ แล้วพูดอย่างดุเดือดว่า “เก่งจริงๆ เลยนะถึงได้พูดเองเออเองแบบนี้ หลี่โม่ นายก็แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่ง”
“อยากตายใช่ไหม”
หลี่โม่มองกู้ซิงเว๋ยด้วยสายตาที่เย็นชา
ประกายไฟผุดขึ้นอย่างดุเดือด แต่กู้เจี้ยนกั๋วทุบโต๊ะแล้วตะโกนพูดว่า “พอกันแล้วยัง! อยากมีเรื่องนักก็ออกไปตีกันข้างนอก อย่ามาก่อความวุ่นวายในที่ประชุม!”
กู้ซิงเว๋ยตกใจเงียบไปทันทีและไม่มองไปที่หลี่โม่อีก
หลังจากกู้หยุนหลันลงนามในสัญญาเสร็จ เธอก็ยื่นเอกสารคืนให้กับครัฟฟ์ และครัฟฟ์ก็ยิ้มพูด “หวังว่าเราจะได้ร่วมมือกันอย่างมีความสุขนะครับ ส่วนเรื่องโรงงานใหม่พวกคุณรีบเตรียมการเลยะครับ ทางที่ดีควรเริ่มงานโดยเร็วที่สุด แล้วทีมงานด้านเทคนิคของเราจะมาในเร็วๆ นี้นะครับ”
“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วครับ เราจะเริ่มงานให้เร็วที่สุดครับ”
กู้เจี้ยนกั๋วส่งครัฟฟ์และคนอื่นๆ ออกจากที่ประชุม หลังจากที่เดินกลับมาในห้องประชุมสายตาของเขาก็มองไปที่กู้หยุนหลันกับหลี่โม่
“ได้ยินในสิ่งที่คุณครัฟฟ์พูดแล้วใช่ไหม ตอนนี้การสร้างโรงงานใหม่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเราแล้ว ถ้ารอให้เราไปซื้อที่ดินแล้วรออนุมัติอะไรอีก เดี๋ยวก็ไม่ทันกาลพอดี ดังนั้นที่ดินของพวกเธอก็ควรเอาออกมาใช้เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อครอบครัวแล้วว่าไหม”
กู้เจี้ยนกั๋วอยากได้ที่ดินผืนนี้มานานแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผลที่เขาจะได้ครอบครองที่ดินผืนนี้แล้ว
กู้หยุนหลันขยับเข้าใกล้หลี่โม่แล้วกระซิบพูด “ที่ดินเป็นของคุณนะ คุณจะทำยังไงก็ได้ ฉันจะคอยสนับสนุนคุณนะ”