จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 325
แม้ที่ดินอุตสาหกรรมนั้นเป็นของหลี่โม่จริงๆ แต่กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ไม่ได้คิดเช่นนั้น พวกเขาต่างก็คิดว่าที่ดินผืนนั้นควรเป็นของตระกูลกู้ เพราะหลี่โม่เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยา ดังนั้นทุกอย่างของหลี่โม่ก็ควรเป็นของตระกูลกู้เช่นเดียวกัน
กู้เจี้ยนกั๋วหยิบบุหรี่ออกมาสูบแล้วพูดว่า “หยุนหลัน หลี่โม่ เรื่องที่ดินเราหวังว่าพวกเธอจะลองพิจารณาดูนะ ถ้าหากสามารถนำออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวได้ ทุกคนก็จะไม่มีวันลืมผลงานของพวกเธอ”
หลี่โม่หัวเราะอย่างเย้ยหยันแล้วใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะเบาๆ “ที่ดินนั้นเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลของเรา ซึ่งมันไม่ใช่ของคนทั้งครอบครัวอยู่แล้ว ถ้าจะใช้ก็ใช้ได้ผมไม่ว่า แต่มันคงไม่ดีหรอกนะถ้าพวกคุณเอาไปใช้ฟรีๆ แบบนี้ อย่างน้อยก็ควรควักเงินออกมาซื้อกับเรา หรือไม่ก็ให้เราเป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ก็ยังดี”
“ให้ตายสิ! ไอ้คนไร้ประโยชน์ยังมีหน้ามาขอเงินอีกเหรอ! ที่นายได้กินอิ่มนอนอุ่นก็เพราะตระกูลกู้ของเรา ของพวกนายก็เป็นของตระกูลกู้เราหมด! นายยังมีหน้ามาบอกว่าที่ดินของนายอีกเหรอ!”
กู้ซิงเว๋ยตะโกนพูดอย่างไม่พอใจ
กู้เจี้ยนเจียงขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเชื่องช้า “หลี่โม่ นายผิดแล้วที่คิดแบบนี้ นายต้องเข้าใจว่าถ้าตระกูลกู้เจริญรุ่งเรือง นายก็จะได้ดีไปด้วย แล้วถ้าที่ดินว่างเปล่าอยู่ในมือนายมันก็จะเสียเปล่า สู้ดีกว่าเอาออกมาให้ครอบครัวได้ใช้ให้เป็นประโยชน์เหรอ”
ทุกคนในตระกูลกู้เข้ากันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย พวกเขาพยายามร่วมมือกันเพื่อจะแย่งที่ดินมาจากหลี่โม่
จากนั้นหลี่โม่ลุกขึ้นแล้วพูด “ถึงยังไงพวกคุณก็ไม่ยอมจ่ายสักบาทสินะ”
“หน้าไม่อาย! ที่นายกินที่นายใช้อยู่ทุกวันนี้มันเป็นของใคร ทุกบาททุกสตางค์ล้วนเป็นของตระกูลกู้หมดนายไม่รู้ตัวเหรอ ต่อให้เป็นเงินที่กู้หยุนหลันหามาเอง แต่กู้หยุนหลันก็ได้เงินไปจากตระกูลกู้ของเราเหมือนกัน!”
กู้ซิงเว๋ยพูดอย่างเสียงดัง
“งั้นผมลองกลับไปคิดดูก่อนนะว่าผมใช้เงินของพวกคุณไปเท่าไหร่ มันพอจะแลกเป็นที่เดินสักสองร้อยไร่ไหม”
หลี่โม่จับมือกู้หยุนหลันแล้วเตรียมเดินออกจากห้องประชุม
กู้เจี้ยนกั๋วโกรธจนลุกขึ้นทุบโต๊ะและมองไปที่หลี่โม่กับกู้หยุนหลัน “พูดกันดีๆ ไม่ชอบ! พรุ่งนี้เอาเอกสารโฉนดที่ดินมานะ ไม่อย่างนั้นก็รอแก้ตัวกับคุณปู่เลย!”
เมื่อกู้เจี้ยนกั๋วเห็นว่าหลี่โม่ไม่มีความเกรงกลัว เขาจึงใช้ชื่อของคุณท่านใหญ่ตระกูลกู้มากดดันหลี่โม่
แต่หลี่โม่กลับยักไหล่และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นรอพรุ่งนี้ผมมาคิดบัญชีกับคุณปู่ก็แล้วกันนะ ไปละ”
จากนั้นหลี่โม่ก็พากู้หยุนหลันเดินออกจากห้องประชุม กู้เจี้ยนกั๋วที่เห็นก็โกรธจนเอาแก้วฟาดลงกับพื้น “สารเลว! ไอ้สารเลว! ทำไมต้องเจอคนสารเลวแบบนี้ด้วย!”
“พ่อครับ ใจเย็นๆ ก่อนครับ เรากลับไปหาคุณปู่ก่อนดีกว่า ขอแค่คุณปู่ออกคำสั่ง พวกเขาก็ต้องทำตามอย่างแน่นอน”
กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้าเบาๆ แล้วมองไปที่กู้เจี้ยนเจียงที่นั่งอยู่ด้านข้าง “เราไปด้วยกัน ไปบอกปัญหาเรื่องนี้กับคุณปู่”
“ครับ ยังไงมันก็ต้องมอบที่ดินผืนนี้ออกมาให้เรา!”
กู้เจี้ยนเจียงพูดอย่างมั่นใจ
ที่ดินผืนใหญ่ขนาดนี้ถ้ากลายเป็นของตระกูลกู้แล้ว กู้เจี้ยนกั๋วกับคนอื่นๆ ก็จะมีทรัพย์สินในครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอย่างแน่นอน และถ้าคุณปู่กู้กลับบ้านเก่าเมื่อไหร่ จากนั้นขับไล่กู้เจี้ยนหมินออกจากตำแหน่งทายาทได้ กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงก็จะได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ อย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงผลประโยชน์อย่างมหาศาลนี้ กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้
หลี่โม่กับกู้หยุนหลันขับรถกลับบ้านด้วยกัน ในระหว่างทางกลับบ้านกู้หยุนหลันยังคงรู้สึกกังวลกับเรื่องพรุ่งนี้ เพราะถ้าคุณปู่กู้รู้เรื่องนี้ สถานการณ์มันต้องเลวร้ายกว่านี้แน่เลย
“หลี่โม่ พรุ่งนี้จะทำยังไงดี?” กู้หยุนหลันถามอย่างกังวล
หลี่โม่จับมือขวาของกู้หยุนหลันแล้วลูบเบาๆ และยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมจัดการได้”
“อื้ม งั้นฉันจะไม่คิดมากแล้วนะ”
กู้หยุนหลันเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าหลี่โม่ในตอนนี้เป็นที่พึ่งพิงของกู้หยุนหลันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
หลี่โม่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความไปหาเฉียนฝู โดยให้เฉียนฝูไปหาทนายและให้ทนายทำสัญญาที่พร้อมกับดักขึ้นมา
ซึ่งหลี่โม่ไม่ได้ตั้งใจจะมอบโฉนดที่ดินนี้ให้กับคนตระกูลกู้ฟรีๆ อยู่แล้ว แต่เขาขอให้มีกับดักที่คลุมเครืออยู่ในสัญญาโอนย้ายที่ดินนี้ก็พอ
จากนั้นเฉียนฝูได้ส่งข้อความเพื่อถามหลี่โม่ถึงรายละเอียดของเอกสารสัญญานี้ แต่หลี่โม่ตอบเขาสั้นๆ ว่า : สร้างช่องโหว่ในสัญญา
เฉียนฝูที่เห็นข้อความตอบกลับของหลี่โม่ก็นั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ติดต่อทนายความชั้นนำทั้งในประเทศและนอกประเทศเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับข้อกำหนดของสัญญานี้ทันที
หลังจากดำเนินการไปสักพัก สัญญาก็ถูกส่งเข้าไปในกล่องจดหมายอีกเมลของหลี่โม่
หลี่โม่เปิดดูกล่องจดหมายแล้วลงจากรถเพื่อแวะเข้าไปปริ้นที่ถ่ายเอกสารแถวบ้าน
เมื่อปริ้นเอกสารเสร็จแล้วหลี่โม่ก็โทรหาเฉียนฝู “ช่วงนี้ราชินีของสำนักหลงเหมินมีการเคลื่อนไหวยังไงบ้าง”
“ราชินีของสำนักหลงเหมินได้เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนมาพบแล้วครับ น่าจะเป็นการนัดประชุมเพื่อเตรียมการอย่างเข้มข้น ได้ข่าวว่าราชินีของสำนักหลงเหมินจะมาที่เมืองฮ่านภายในครึ่งเดือนนี้ด้วยครับ”
เฉียนฝูพูดอย่างรวดเร็ว
หลี่โม่หรี่ตาแล้วถามต่อ “ครัฟฟ์มาแล้ว ตอนนี้กำลังจะทำสัญญากับตระกูลกู้ คุณรู้ข่าวนี้แล้วยัง”
“รู้แล้วครับ ผมกำลังรวบรวมข้อมูลเรื่องนี้พอดีเลยครับ จากสถานการณ์ปัจจุบัน ครัฟฟ์เป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้นครับ บางทีราชินีของสำนักหลงเหมินต้องการจะทำอะไรบางอย่างกับตระกูลกู้อยู่ครับ”
เฉียนฝูเริ่มรู้สึกตึงเครียด เพราะเขารู้ดีสำหรับความรักที่หลี่โม่มีต่อกู้หยุนหลัน ถ้าหากราชินีของสำนักหลงเหมินคิดไม่ซึ่งกับกู้หยุนหลัน เฉียนฝูก็นึกไม่ออกแล้วว่าหลี่โม่จะจัดการกับราชินีของสำนักหลงเหมินอย่างไร
“นายน้อยต้องใจเย็นๆ ก่อนนะครับ อย่าเพิ่งใจร้อนเด็ดขาดเลยนะครับ ผมจะจัดการเรื่องความปลอดภัยของนายหญิงน้อยให้ดีที่สุด จะไม่ให้เกิดปัญหาอีกครับ”
เฉียนฝูยืดตัวตรงและพูดเหมือนทหารที่ให้คำสัตย์ปฏิญาณของตน
หลี่โม่ทำเสียงฮึ่มฮั่มอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดต่อ “จับตาดูการเคลื่อนไหวของราชินีสำนักหลงเหมินให้ดีนะ”
หลังจากวางสาย หลี่โม่ส่ายหัวเบาๆ และหยุดคิดเรื่องของครัฟฟ์อีก ซึ่งเขามั่นใจว่าจะสามารถเอาอยู่อย่างแน่นอน
เมื่อกลับถึงบ้าน กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางนั่งอยู่บนโซฟาแล้วมองมาที่หลี่โม่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ส่วนกู้หยุนหลันได้แต่ก้มหน้าก้มตาและนั่งเงียบอยู่บนโซฟา
“ไอ้คนเหลือขอ นายคิดว่านายปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม! ที่บ้านต้องการใช้ที่ดินเพื่อสร้างโรงงานใหม่ แล้วนายจะกักไว้ทำไม!”
กู้เจี้ยนกั๋วขมวดคิ้วและพูดด้วยความโกรธ
“พ่อครับ พ่อรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ” หลี่โม่ยิ้มพูด
“อย่ามาทำยิ้ม ที่ดินผืนนั้นมันก็ไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้นหรอก อีกอย่างมันก็เป็นที่ดินที่จินไห่ให้นายฟรีๆ ด้วย นายต้องคิดถึงภาพส่วนรวมบ้าง ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลกู้มันสำคัญที่สุดนายไม่รู้เหรอ! ถ้าตระกูลกู้เราแข็งแกร่งขึ้น พวกเราก็จะได้ดีไปด้วย แล้วทำไมนายถึงใจแข็งขนาดนี้!”
หลี่โม่เดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้ากู้เจี้ยนหมิน “พ่อครับ เราอย่าเพิ่งพูดถึงความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลกู้ก่อนนะครับ พ่อเห็นท่าทีของคุณปู่แล้วก็คุณลุงไหมครับ แล้วพ่อคิดว่าอนาคตพ่อจะได้รับมรดกกับเขาด้วยเหรอครับ?”
“นาย! นายหมายความว่ายังไง ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์ได้!”
กู้เจี้ยนหมินพูดด้วยความโกรธ
หวังฟางกลอกตาแล้วดึงแขนกู้เจี้ยนหมินเบาๆ “ที่หลี่โม่พูดมันก็มีเหตุผลอยู่นะ