จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 328
ครัฟฟ์เชิญกู้หยุนหลันกับหลี่โม่ไปงานปาร์ตี้คนดัง?
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ต่างก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความฉิจฉา
ทำไมเชิญแค่กู้หยุนหลันกับหลี่โม่! พวกเราต่างหากที่เป็นบุคคลสำคัญของตระกูลกู้!
อนาคตของตระกูลกู้อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรานะ!
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ต่างก็คิดในใจและไม่พอใจสำหรับการกระทำของครัฟฟ์
“คุณวอลเลซครับ คุณครัฟฟ์เชิญแค่กู้หยุนหลันกับหลี่โม่เหรอครับ?”
กู้เจี้ยนกั๋วระงับอารมณ์แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ครับ มาตรฐานของงานเลี้ยงค่อนข้างสูงครับ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเชิญแค่ผู้นำระดับสูงและเหล่ามหาเศรษฐีของเมืองเอกเท่านั้นครับ ในเมืองฮ่านนี้ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย ส่วนคุณกู้หยุนหลันกับสามีเป็นหุ้นส่วนหลักของท่านประธาน ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้โชคดีที่ได้รับคำเชิญครับ”
วอลเลซพูดไปด้วยแล้วหยิบการ์ดเชิญออกมาวางไว้บนโต๊ะด้วย “ผมมีธุระต่อ รบกวนฝากการ์ดเชิญนี้ให้กับคุณกู้หยุนหลันด้วยนะครับ”
เมื่อเห็นว่าวอลเลซกำลังจะเดินจากไป กู้เจี้ยนกั๋วก็รีบถามขึ้น “เอ่อ คือว่า ผมอยากขอรบกวนถามหน่อยครับ ทำไมพวกเราไม่ได้รับเชิญด้วยครับ? เราก็เป็นผู้ร่วมงานของคุณครัฟฟ์ด้วยเหมือนกันนะครับ”
“No No…… พวกคุณไม่ใช่ครับ พวกคุณเป็นแค่ญาติของหุ้นส่วนของท่านประธานเท่านั้นครับ หืม ญาตินะครับ เข้าใจไหมครับ? ผมคิดว่าผมอธิบายชัดเจนแล้วนะครับ”
วอลเลซทิ้งประโยคสุดท้ายก่อนเดินจากไปและปล่อยให้กู้เจี้ยนกั๋วได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความละอาย
เราเป็นแค่ญาติ เป็นแค่ญาติของกู้หยุนหลันกับหลี่โม่เท่านั้น!
กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกโกรธมาก
กู้ชิงหลินได้แต่จินตนาการถึงฉากในงานเลี้ยงของเหล่าคนดัง ถ้าเธอยืนอยู่ในท่ามกลางงานเลี้ยงเธอต้องเป็นที่สนใจของทุกคนอย่างแน่นอน แต่เธอทำได้แค่เพ้อฝันเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วกู้ชิงหลินไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเดินเข้าประตูงานเลี้ยงเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ทำให้กู้ชิงหลินรู้สึกเกลียดชังไม่น้อย
“อะแฮ่ม”
คุณปู่กู้แสร้งไอเบาๆ แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ก็แค่งานเลี้ยงเท่านั้น มีอะไรน่าสนใจนักหนา สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องได้ที่ดินมา ส่วนงานเลี้ยงก็ปล่อยให้พวกเขาไปเลย”
“คุณปู่คะ นั่นเป็นงานเลี้ยงของคนระดับชนชั้นสูงเลยนะคะ เราสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์และขยายเครือข่ายได้ หนูอยากมีส่วนร่วมจริงๆ นะคะคุณปู่”
กู้ชิงหลินพูดอย่างน้อยต่ำใจ
“ความสัมพันธ์แบบนั้นมันกินไม่ได้หรอก เราต้องแข็งแกร่งและอยู่เหนือคนอื่นเท่านั้นถึงจะมีอิทธิพลต่อคนอื่นได้ พวกเธอคิดว่ากู้หยุนหลันกับหลี่โม่ไปแล้วมันจะเป็นเรื่องดีเหรอ?”
คุณปู่กู้พูดอย่างมีสติปัญญาและทำให้กู้เจี้ยนกั๋วกับคนอื่นๆ ครุ่นคิดตาม
ในขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง กู้เจี้ยนหมินก็พาหลี่โม่กับกู้หยุนหลันเดินเข้าไปในห้องประชุม
กู้เจี้ยนกั๋วเหลือบมองไปที่ทั้งสามและพยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นหยิบการ์ดเชิญแล้วไปวางไว้ตรงหน้ากู้หยุนหลัน
“คุณครัฟฟ์เชิญเธอกับหลี่โม่ไปร่วมงานเลี้ยงของเหล่าคนดังในเย็นนี้ ไปแล้วทำตัวให้มีกาลเทศะด้วยนะ อย่าไปเสียมารยาทต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่เขาล่ะ”
กู้หยุนหลันหยิบการ์ดเชิญและมองดูด้วยความประหลาดใจ หลังจากดูเสร็จแล้วเธอก็เก็บมันไว้อย่างเงียบๆ
กู้ชิงหลินพูดอย่างดูถูกว่า “พวกเธอต้องใส่ใจกับการแต่งตัวบ้างนะ ถ้าแต่งชุดแบบนี้คงไม่เหมาะสำหรับงานเลี้ยงที่หรูหราขนาดนี้หรอก มีแต่ไปขายหน้าคนอื่นเขา”
“เรารู้ดีว่าควรทำยังไง ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงขนาดนี้หรอก”
กู้หยุนหลันพูดอย่างเฉยเมย
“เหอะ อุตส่าห์หวังดีแต่ไม่ได้ดี ช่วยดูแลไอ้กระจอกของบ้านเธอให้ดีก่อนเถอะ อย่าปล่อยให้มันใส่ชุดกระจอกๆ แบบนี้ไปร่วมงานนะ เสียชื่อตระกูลกู้ของเราหมด”
กู้ซิงเว๋ยพูดต่อ “ที่ผมยังมีชุดอาร์มานี่รุ่นเก่าอยู่นะ เดี๋ยวจะยืมให้ใส่ คงดีกว่าใส่ชุดเน่าๆ แบบนี้ไปร่วมงาน อย่าทำให้เสียหน้าเชียวล่ะ”
“เหอะๆ”
หลี่โม่ได้ยิ้มจางๆ และไม่ได้ตอบสนองคำพูดของกู้ซิงเว๋ย
คุณปู่กู้ลืมตาแล้วกวาดมองผ่านกู้เจี้ยนหมินและสายตาของเขาไปหยุดลงที่หลี่โม่
ซึ่งสายตาของคุณปู่กู้สบเข้ากับสายตาของหลี่โม่อย่างพอดี แต่สายตาของคุณปู่กู้ที่มองหลี่โม่นั้นเหมือนเสือที่เพิ่งหลุดออกจากป่า ซึ่งทำให้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ที่เห็นก็รู้สึกกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ
คุณปู่กู้ไม่ได้มองใครด้วยสายตาแบบนี้มานานแล้ว สองครั้งที่เขาเคยใช้สายตาแบบนี้มองคนอื่น ซึ่งทั้งสองครั้งก็เป็นช่วงวิกฤตที่หนักที่สุดของบริษัทตระกูลกู้
และครั้งนี้ เพื่อความก้าวหน้าของตระกูล คุณปู่กู้ก็ใช้สายตาแบบนี้ข่มขู่คนอีกครั้ง
กู้เจี้ยนหมินถึงกับเหงื่อตก แม้เขาตั้งใจจะนำที่ดินมามอบให้กับครอบครัว แต่เขาก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้
กู้หยุนหลันที่เห็นสายตาของคุณปู่กู้ก็ต้องกลัวจนใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากของเธอกดไว้แน่นๆ และรู้สึกกังวลว่าวินาทีต่อไปคุณปู่กู้จะลงมือทำร้ายคนอย่างไรอย่างนั้น
แต่หลี่โม่กลับมองคุณปู่กู้ด้วยสายตานิ่งเฉย ไม่เพียงแต่นั้น มุมปากของเขายังโค้งขึ้นและแสดงรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า
ซึ่งนี่ก็ทำให้คุณปู่กู้รู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่คาดคิดเลยว่าทำไมหลี่โม่ถึงนิ่งได้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่เกรงกลัวใครเลย
อุตส่าห์วางท่าทีที่น่าเกรงขามขนาดนี้แล้วแต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย เหมือนคุณปู่กู้กำหมัดแน่นๆ แล้วชกเข้าไปที่สำลีด้วยความแรง จนเขาต้องกระอักเลือดออกมาเองเพราะใช้แรงมากเกินไป
“นาย ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเหรอ”
คุณปู่กู้ค่อยๆ พูดขึ้นมา
หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร แต่เขากลับยิ้มแล้วหยิบสัญญามาวางไว้ตรงหน้าของคุณปู่กู้
“คุณปู่ครับ ดินที่ผืนนี้ผมยกให้ตระกูลของเราใช้ฟรีๆ ครับ แต่ยังไงก็ขอทำสัญญาหน่อยก็แล้วกัน ถ้าเซ็นสัญญานี้เสร็จ พวกคุณก็สามารถใช้ที่ดินนี้ตามที่ต้องการเลยครับ”
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ รู้สึกประหลาดใจ พวกเขาต่างก็คิดว่าหลี่โม่ไม่มีทางให้ง่ายๆ แบบนี้อย่างแน่นอน จากประสบการณ์ที่รู้จักหลี่โม่มา พวกเขาทั้งหมดก็รู้ว่าหลี่โม่เป็นคนใจแข็งเหมือนก้อนหิน ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความคิดเขาได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
ดังนั้นทุกคนจึงมองไปที่หลี่โม่ด้วยความตกใจ จากนั้นก็มองไปที่สัญญาที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เหอะ! ให้ก็ให้เลยสิ จะทำสัญญาทำไม นายคิดจะทำอะไรกันแน่”
กู้ซิงเว๋ยพูดด้วยความสงสัย
“พวกคุณอ่านสัญญาก่อนก็แล้วกัน เราค่อยมาคุยกันอีกทีก็ได้”
หลี่โม่พูดอย่างไม่แยแส
คุณปู่กู้หยิบสัญญาขึ้นมาฉบับหนึ่ง กู้เจี้ยนกั๋วก็หยิบตามฉบับหนึ่งแล้วดูกับกู้เจี้ยนเจียงและคนอื่นๆ ด้วยกัน
เป็นสัญญาโอนย้ายที่ดินตามปกติ แต่เพิ่มเงื่อนไขเล็กๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในสัญญาเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าจะยกที่ดินนี้ให้กับตระกูลกู้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้กรรมสิทธิ์ทุกอย่างจะตกเป็นของผู้ดำเนินกิจการของตระกูลกู้ด้วย
“ดูแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ ซิงเว๋ย นายไปเรียกที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัทมาดูหน่อย”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างจริงจัง
กู้ซิงเว๋ยพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัท ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะจะทำให้มั่นใจว่าไม่มีกับดักอะไรในสัญญาใบนี้
ไม่นานหลังจากนั้นที่ปรึกษาทางกฎหมายของบริษัทก็เข้ามาและอ่านสัญญาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“สัญญานี้ไม่มีปัญหาอะไรครับ เพียงแต่ว่าข้อกำหนดเพิ่มเติมพิเศษจะมีผลต่อเจ้าของกิจการหรือสถานประกอบการโดยตรงเมื่อถึงเวลาตามที่เงื่อนไขกำหนด แต่จากที่ผมดูแล้ว ข้อกำหนดเพิ่มเติมพิเศษนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ”
“หมายความว่าสัญญาใบนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหม?”
กู้เจี้ยนกั๋วจ้องไปที่ฝ่ายกฎหมายและถามเขา
“ผมคิดว่าไม่มีปัญหาครับ เงื่อนไขทุกอย่างสมเหตุสมผลดีครับ ไม่มีข้อสงสัยอะไรเลยครับ”
ที่ปรึกษาทางกฎหมายพูดอย่างมั่นใจ
คุณปู่กู้วางสัญญาลงแล้วหลับตาพูด “เจี้ยนกั๋ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรนายก็เซ็นสัญญาเลยนะ รีบจัดการให้สิ้นเรื่อง”
“ครับ ผมจะเป็นคนเซ็นสัญญากับหลี่โม่เองครับ”