จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 329
แม้กู้เจี้ยนกั๋วจะตอบตกลงทันที แต่ในใจก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่
เดิมทีคิดว่าหลี่โม่จะใจแข็งเหมือนหิน กู้เจี้ยนกั๋วจึงถึงกับต้องเชิญคุณปู่กู้มากดดัน แต่ไม่คิดเลยว่าหลี่โม่จะยอมง่ายๆ แบบนี้ ซึ่งก็ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วไม่คาดคิดมาก
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาทางกฎหมายได้พิจารณาสัญญาแล้วว่าไม่มีปัญหาใดๆ และตัวของกู้เจี้ยนกั๋วก็อ่านสัญญาและไม่พบข้อบกพร่องใดๆ แล้วด้วย
แต่กับดักในสัญญาที่สร้างขึ้นโดยทนายความระดับชั้นนำนั้นมันลึกลับมาก ถ้าไม่ใช่ผู้มากประสบการณ์หรือเป็นผู้อาวุโสทางด้านกฎหมายจะไม่สามารถมองเห็นข้อบกพร่องในสัญญานี้ได้เลย
ซึ่งที่ปรึกษาทางกฎหมายของตระกูลกู้นั้นเป็นเพียงนักกฎหมายทั่วไปเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาไม่สามารถจับผิดข้อบกพร่องในสัญญานี้ได้
กู้เจี้ยนกั๋ววางสัญญาลงแล้วมองไปที่หลี่โม่ จากนั้นค่อยๆ กวาดมองไปที่กู้หยุนหลันและสุดท้ายไปหยุดที่กู้เจี้ยนหมิน
บางทีสิ่งที่ไม่คาดคิดนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะกู้เจี้ยนหมินก็ได้?
กู้เจี้ยนกั๋วคิดในใจแล้วยิ้มพูด “เจี้ยนหมิน นายพูดอะไรกับลูกเขยนายหรือเปล่า เมื่อวานลูกเขยนายยังเถียงกับพี่อยู่ว่าจะไม่ยอมมอบที่ดินนี้ให้ครอบครัวเราใช้เลย”
กู้เจี้ยนหมินยิ้มอย่างได้ใจและคิดว่าการที่หลี่โม่ยกที่ดินให้กับตระกูลนั้นเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง ดังนั้นเขาจึงยอมรับคำพูดของกู้เจี้ยนกั๋วอย่างไม่ปฏิเสธ
“ถึงแม้บางครั้งหลี่โม่อาจจะหัวดื้อไปหน่อย แต่ถ้าคุยกับเขาดีๆ เขาก็สามารถเข้าใจได้อยู่ครับ เมื่อวานผมคุยกับเขาด้วยเหตุผล ดังนั้นเขาจึงเข้าใจและยอมทำตามครับ”
กู้เจี้ยนกั๋วหมดความสงสัยในใจและหยิบปากกาขึ้นมาแล้วลงนามเซ็นสัญญาทันที “ดีมาก ตระกูลของเราจะได้เจริญก้าวหน้าสักที”
“พี่พูดถูกครับ วันหลังผมจะคอยสั่งสอนพวกเขา ให้พวกเขารู้ว่าตระกูลต้องมาก่อน ถ้าตระกูลของเราแข็งแกร่งขึ้น ครอบครัวเล็กๆ ของเราก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นเช่นกัน”
หลังจากพูดจบกู้เจี้ยนหมินมองไปที่คุณปู่กู้ เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณปู่กู้เขาก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
ไม่นานหลังกจากนั้น การเซ็นสัญญาก็สิ้นสุดลง หลี่โม่เก็บสัญญาใบนั้นแล้วส่งสัญญาณให้กู้หยุนหลันนำโฉนดที่ดินออกมาเพื่อมอบให้กับกู้เจี้ยนกั๋ว
กู้หยุนหลันก็หยิบหนังสือโฉนดที่ดินออกมาแล้วยื่นให้กับกู้เจี้ยนกั๋ว
กู้เจี้ยนกั๋วรับเอกสารมาแล้วปรบมือเบาๆ อย่างมีความสุข “ทำดีมาก ตอนนี้กิจการตระกูลกู้ของเราถือว่าเข้าสู่ช่องทางด่วนแล้ว หยุนหลัน คืนนี้อย่าลืมติดต่อคุณครัฟฟ์ที่งานเลี้ยงด้วยนะ รบกวนท่านช่วยส่งแผนการก่อสร้างของโครงการนี้ให้เราที”
“ถึงแม้เธอจะเป็นคนที่คุณครัฟฟ์เลือก แต่แค่เธอคนเดียวคงรับผิดชอบต่องานทั้งหมดไม่ไหวหรอก ลุงตัดสินใจแล้วว่าจะให้ซิงเว๋ยเป็นผู้ช่วยของเธอ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เธอก็ฝากให้ซิงเว๋ยทำเลยนะ”
กู้เจี้ยนกั๋วออกคำสั่งอีกครั้ง แม้กู้ซิงเว๋ยจะไม่ยอมเป็นผู้ช่วยของกู้หยุนหลัน แต่สถานการณ์ตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือกู้ซิงเว๋ยเข้าใจเจตนารมณ์ของพ่อดี พ่อของเขาต้องการให้เขาเรียนรู้งานทั้งหมด เผื่อในอนาคตถ้าเกิดอะไรขึ้นกับกู้หยุนหลัน เขาก็จะได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งทันที
ถ้ากู้ซิงเว๋ยไม่เรียนรู้งานตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตถ้าเขาได้ขึ้นเป็นผู้นำอย่างกะทันหันแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้นมา กู้ซิงเว๋ยก็ต้องตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนก็เป็นไปได้
กู้ซิงเว๋ยจึงพยายามฝืนยิ้มและพูดว่า “หยุนหลัน มีงานอะไรก็บอกพี่เลยนะ พี่จะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่”
กู้หยุนหลันพยักหน้าเบาๆ “ก็ช่วยๆ กันไปนั่นแหละ”
คุณปู่กู้ยิ้มพูด “ใช่แล้ว ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกัน ตระกูลของเราถึงจะได้พัฒนาก้าวหน้าได้อย่างเต็มที่ คงไม่ต้องให้ปู่สอนอะไรมากไปกว่านี้แล้วนะ ทุกคนก็โตๆ กันแล้ว ส่วนการเสียสละครั้งนี้ของครอบครัวเจี้ยนหมิน ทุกคนต้องดูเป็นเยี่ยงอย่างให้ดีนะ”
เมื่อได้ยินคำชมของคุณปู่กู้กู้เจี้ยนหมินถึงกับยิ้มจนปากฉีกไปถึงหู
กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงต่างก็รู้สึกอิจฉามาก แต่เมื่อนึกถึงกู้เจี้ยนหมินที่จะถูกหักหลังในอนาคต คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะปล่อยให้เขาดีใจไปก่อน เพราะพวกเขาได้รับสิ่งที่สำคัญที่สุดไปแล้ว
หลังจากกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงพยายามฝืนยิ้มเพื่อแสดงความยินดีให้กับพี่น้อง ทั้งสองจึงให้เหตุผลว่าจะส่งคุณปู่กู้กลับบ้านก่อนจึงพากันออกจากห้องประชุม ส่วนกู้เจี้ยนหมินก็ตามพวกเขาไปด้วย
กู้ชิงหลินมองไปที่กู้หยุนหลันกับหลี่โม่แล้วพูดอย่างไม่พอใจมา “รีบพาผัวกระจอกของเธอไปแต่งตัวเลย ทางที่ดีก็ไปเช่ารถหรูสักคัน งานเลี้ยงคืนนี้จะได้ไม่ต้องอายเขา”
กู้ชิงหลินถือว่าได้ปลดปล่อยความอัดอั้นในใจออกมาแล้ว
กู้ซิงเว๋ยส่ายหัวเมื่อนึกถึงอนาคตของเขา แม้เขาจะไม่ชอบกู้หยุนหลันก็ตาม แต่เขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในการตำหนิกู้หยุนหลันได้ อย่างน้อยก็ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จจากตัวของกู้หยุนหลัน
“ชิงหลิน เธอพูดให้น้อยหน่อยก็ดีนะ หยุนหลันกับหลี่โม่เขาเสียสละต่อครอบครัวของเราขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยเธอต้องให้เกียรติพวกเขาบ้างนะ” กู้ซิงเว๋ยฝืนใจพูด
“เหอะ ๆ คนหนึ่งกแกล้งใสซื่อ ส่วนอีกคนก็ดูจนกระจอกบ้านนอก มีอะไรน่าเคารพนับถือล่ะ ถ้าจะให้ฉันให้เกียรติพวกมัน ให้ฉันเอาอาหารไปให้มาจรจัดยังดีกว่า”
หลังจากพูดจบกู้ชิงหลินก็หันเดินจากไปอย่างหงุดหงิด กู้ซิงเว๋ยแสร้งยิ้มแล้วพูดต่อ “พวกคุณอย่าถือสาเธอนะ ผมตามไปสั่งสอนเธอก่อน”
กู้ซิงเว๋ยหาข้ออ้างแล้วเดินจากไป และในห้องประชุมที่กว้างใหญ่นั้นเหลือเพียงหลี่โม่กับกู้หยุนหลันสองคน
กู้หยุนหลันหยิบการ์ดเชิญแล้วยื่นให้กับหลี่โม่และพูดด้วยความกังวลว่า “ฉันรู้สึกแปลกๆ นะ ทำไมคุณครัฟฟ์เชิญแค่เราสองคน แต่ไม่เชิญคุณลุงเขาด้วย? เหมือนเขาตั้งใจจะให้เรามีปัญหากันยังไงไม่รู้”
แม้จะเดาใจครัฟฟ์ไม่ได้ แต่กู้หยุนหลันก็ยังสังเกตถึงความผิดปกติในเรื่องนี้ได้ ซึ่งความจงใจที่จะสร้างความขัดแย้งด้วยวิธีนี้นั้นมันจัดเจนเกินไปสำหรับกู้หยุนหลัน
หลี่โม่รับการ์ดเชิญแล้วเปิดอ่านอย่างละเอียด จากนั้นยิ้มพูดว่า “ก็เขาจงใจให้เราสองคนเกิดความขัดแย้งกับคนอื่นนั่นแหละ ถ้าเกิดปัญหากับเราเขาจะได้ยื่นมือมาสนับสนุนเราไง ถ้าผมเดาไม่ผิดงานเลี้ยงในคืนนี้เราจะต้องถูกพวกเศรษฐีจากเมืองเอกกดดันอย่างแน่นอน”
“นี่มัน เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง พวกเศรษฐีจากเมืองเอกไม่รู้จักพวกเรานะ เขาจะมาสนใจพวกเราทำไม”
กู้หยุนหลันพูดอย่างไม่คาดคิด
กู้หยุนหลันคิดว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยคลุกคลีกับพวกเศรษฐีหรือเหล่าคนดังของเมืองเอกเลย แล้วพวกเขาจะมากลั่นแกล้งเธอกับหลี่โม่ทำไม
กู้หยุนหลันมองไปที่หลี่โม่ด้วยความสงสัยและอยากได้คำอธิบายจากหลี่โม่
“ก็เพราะโดยวิธีนี้ ครัฟฟ์ถึงจะสร้างความเชื่อใจจากพวกเราได้ไง ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อจะสร้างความไว้วางใจจากพวกเราก็เท่านั้น”
กู้หยุนหลันยิ่งฟังก็ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ “เขาจะเอาความไว้วางใจจากพวกเราไปทำไม ของที่มีค่าสำหรับเราก็ยกให้กับคนอื่นไปแล้ว ในตัวเราตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาอยากได้เลยด้วยซ้ำ”
หลี่โม่ยิ้มอย่างลึกลับแล้วส่ายหัวเบาๆ
“บางทีเขาอาจจะเป็นนักต้มตุ๋นจริงๆ ก็ได้นะ หรืออาจจะเป็นนักต้มตุ๋นระดับประเทศเลยล่ะ ดีไม่ดีเขาตั้งใจจะหลอกตระกูลกู้ของเราทั้งตระกูลก็ได้ เขาถึงต้องหาช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ นี้ไง”
“คุณพูดอะไรเนี่ย วันหลังอย่าดูหนังอาชญากรรมที่วุ่นวายพวกนั้นเยอะไปนะ”