จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 338
หัวหน้าบอดี้การ์ดกำลังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ข้างนอก
เมื่อเห็นพวกกลุ่มโจรเตรียมตัวจู่โจม โดยนำปืนยิงจรวดออกมาสองกระบอก หัวหน้าบอดี้การ์ดก็ร้องอุทานว่า “โอ้ พระเจ้า! พวกเขานำปืนยิงจรวดออกมาแล้ว ผมขอแนะนำว่าให้คุณเอามือทั้งสองข้างประสานไว้ที่ศีรษะแล้วเดินออกไปมอบตัว!”
เมื่อต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากอาวุธหนัก บอดี้การ์ดรู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถต้านทานได้
ครัฟฟ์เอามือทั้งสองข้างคลุมศีรษะไว้ และพยายามขดตัวให้เป็นลูกบอล วิธีนี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้น
“FUCK ผมจะไม่ยอมมอบตัว ออกไปมีแต่ตายอย่างเดียว พวกคุณต้องปกป้องคุ้มครองผม!”
เสียงของครัฟฟ์เหมือนร้องไห้
หวงจื่อเซวียนและคนอื่นๆ มองเครื่องยิงจรวด รู้สึกตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มร้องไห้
“เมื่อสักครู่ไม่ควรอยู่ดูพวกเขาจัดการคุณชายหม่า ตอนนี้คุณชายหม่าโกรธแล้ว เกรงว่าคราวนี้คงต้องตายแน่นอน”
“ใครสามารถช่วยพวกเราได้บ้าง ไม่รู้ว่าถ้าคุกเข่าก้มกราบให้คุณชายหม่าเพื่อขอความเมตตา คุณชายหม่าจะปล่อยพวกเราหรือเปล่า”
กลุ่มโจรแสดงสายตาที่เหยียดหยาม เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเหล่าเซเลบริตี้ เหล่าเซเลบริตี้ในสายตาของพวกเขาก็คือหมูตอนดี ๆนี่เอง
หม่าเจียเฉิงที่กำลังเล่นปืนสั้นอยู่ในมือ มองไปยังห้องข้างในด้วยสายตาโหดเหี้ยม “เฮียเฉียง จำเป็นต้องใช้ปืนยิงจรวดเลยหรือ? ถ้าฆ่ามันทันที มันก็ไม่สนุกสิ”
“วางใจเถอะ แค่ข่มขู่ให้พวกเขากลัว คุณไม่รู้สึกว่าการข่มขู่ให้คนกลัวสนุกมากกว่าหรือ”
รอยยิ้มโรคจิตปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางเฉียง
หลี่โม่มองสถานการณ์ภายนอก และเห็นว่ากลุ่มโจรเริ่มบรรจุลูกปืนใส่เครื่องยิงรวดแล้ว รู้ว่าไม่มีเวลาลังเลอีกแล้ว หากอีกฝ่ายใช้เครื่องยิงจรวดจริง ๆ หลี่โม่จะไม่สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้
“รอผมกลับมารับคุณ”
หลี่โม่ผละออกจากมือของกู้หยุนหลัน แล้วเดินออกไป
“คุณ..คุณต้องกลับมาน่ะ”
กู้หยุนหลันกล่าวด้วยความปวดร้าว
บอดี้การ์ดมองหลี่โม่เดินออกไปด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าหลี่โม่เอาความกล้ามาจากไหน ที่จริงเขาควรยกมือสูงแล้วโบกธงขาวยอมแพ้ถึงจะถูก!
ครัฟฟ์มองดูแผ่นหลังของหลี่โม่ผ่านนิ้วมือที่ปิดอยู่บนหน้าของเขา พึมพำกับตัวเองว่า “ไอ้หมอนี้ ทำไมถึงได้ประมาทเช่นนี้ คงจะไม่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดมั้ง โอ้พระเจ้าของผม โปรดมาช่วยครัฟฟ์ลูกศิษย์ผู้ศรัทธาในตัวคุณด้วยเถอะ”
หลี่โม่เปิดประตู มองไปที่จางเฉียงและหม่าเจียเฉิงด้วยรอยยิ้ม โดยไม่สนใจปืนที่เล็งมาที่ตนเอง
“ผมออกมาแล้ว มีปืนตั้งมากมายเล็งมาที่ผมเช่นนี้ หรือว่าพวกคุณกลัวผมมากเลยใช่ไหม”
หลี่โม่กล่าวอย่างราบเรียบ
“พูดเหลวไหล! ใครจะกลัวไอ้ยาจกอย่างแก กูพาคนล้างแค้นมากมาย แกรู้สึกกลัวหรือยัง ฮ่าฮ่าฮ่า!” หม่าเจียเฉิงกล่าวอย่างมีชัย
“กลัว? ไม่เลย แค่รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย”
หลี่โม่เดินไปทางหม่าเจียเฉิงขณะที่พูด
จางเฉียงหรี่ตา มองสำรวจหลี่โม่จากหัวจรวดเท้า นอกจากรู้สึกว่าหลี่โม่ใจกล้าแล้ว จางเฉียงมองไม่เห็นปัญหาอื่นใด
อย่างไรก็ตามจางเฉียงยังคงระวังตัวอย่างลับ ๆ และมือที่ถือปืนก็แน่นขึ้นเล็กน้อย ด้วยท่าที่เขาสามารถยกปืนขึ้นยิงได้ตลอดเวลา
หม่าเจียเฉิงเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา ความโกรธปะทุขึ้นในใจ เขาโบกสะบัดปืนแล้วชี้ไปที่หลี่โม่ และกล่าวว่า “ไอ้หนูแกมีความกล้านี่ กล้าที่จะออกมาคนเดียว มาคุกเข่าต่อหน้ากู มาให้กูสั่งสอนสักดี ๆ”
ขณะที่หลี่โม่เดินมาใกล้หม่าเจียเฉิงด้วยระยะห่าง 5 เมตร จางเฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หยุด ยืนอยู่ตรงนั้น”
ระยะห่าง 5 เมตรคือระยะที่ปลอดภัยสำหรับจางเฉียง หากหลี่โม่จะจู่โจม ด้วยระยะห่าง 5 เมตร จะใช้เวลา 2-3 วินาที ระยะเวลา 2-3 วินาทีก็เพียงพอแล้วที่จางเฉียงจะยิงหลี่โม่ได้
กลุ่มโจรที่อยู่ทางซ้ายและขวาต่างก็หันปืนไปทางอื่น มีเพียงลิ่วจื่อและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังจางเฉียงเท่านั้น ที่ยังคงเล็งปืนไปที่หลี่โม่
“คุกเข่า! ได้ยินไหม!”
หม่าเจียเฉิงตะโกนและใช้ปืนชี้ไปที่หลี่โม่
“คุกเข่า คุกเข่าให้แกมันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าแกจะคุกเข่าให้ฉัน ฉันอาจจะไว้ชีวิตแก”
หลี่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆๆ แม่ง แกมาเล่นตลกหรือ แกคิดว่าถ้ากูหัวเราะแล้ว กูก็จะปล่อยแกไปหรือ!”
หม่าเจียเฉิงเดินไปข้างหน้าสองก้าว ใช้ปืนจ่อไปที่ศีรษะของหลี่โม่
“แม่ง แกหยิ่งผยองใช่ไหม คิดว่ากูไม่กล้ายิงหรือ? กูจะเอาชีวิตมึงเดี๋ยวนี้แหละ!”
หม่าเจียเฉิงโกรธเคืองจนขาดสติ กำลังจะลั่นไก
แสงเย็นวาบปรากฏในดวงตาของหลี่โม่ มือทั้งสองของหลี่โม่ขยับเร็วเหมือนสายฟ้า จากนั้นคว้ามือที่ถือปืนของหม่าเจียเฉิงไว้
ก่อนที่หม่าเจียเฉิงจะยิง หลี่โม่ก็จับข้อมือของหม่าเจียเฉิงไว้แล้ว
ด้วยแรงบิด ข้อมือของหม่าเจียเฉิงเกิดเสียงแตกหัก ทำให้ฝ่ามือของเขาโค้งงอ ปืนสั้นก็ตกไปอยู่ในมือของหลี่โม่
ในเวลานี้จางเฉียงตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่เขากำลังยกปืน แต่หลี่โม่ได้ลั่นไกยิงแล้ว
เปรี้ยง ๆ ๆ
เสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง ชั่วพริบตาหลี่โม่ก็ยิงจนหมดแม็ก ขณะที่จางเฉียง ลิ่วจื่อและคนอื่นๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถูกยิงตายด้วยกระสุนนัดเดียว ทุกคนมีรูกระสุนอยู่ตรงกึ่งกลางคิ้ว
สิบสองนัด ทำให้โจรตายไปสิบสองคน
กลุ่มโจรที่อยู่ฝั่งซ้ายกับขวาเพิ่งได้สติ หลี่โม่ปล่อยตัวหม่าเจียเฉิง เอนตัวและรีบวิ่งไปยังตำแหน่งจางเฉียง
พวกโจรที่กำลังโกรธไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าหลี่โม่ได้วิ่งออกไปแล้ว พวกเขาร่วมกันลั่นไกยิงไปยังตำแหน่งของหม่าเจียเฉิง
เปรี้ยง ๆ ๆ
เสียงปืนอันรุนแรง ร่างกายของหม่าเจียเฉิงสั่นอยู่ครู่หนึ่ง มีรูกระสุนมากมายอยู่บนร่างกายของเขา และมีเลือดสด ๆพุ่งออกมามากมาย
ดวงตาทั้งคู่ของหม่าเจียเฉิงเบิกกว้าง มีเลือดสด ๆ พ่นออกมาเต็มปาก ริมฝีปากของเขาขยับและพยายามจะพูดอะไร แต่เลือดที่ไหลออกจากปากทำให้เขาไม่สามารถส่งเสียงได้เลย
โครม!
หม่าเจียเฉิงหงายหลังและล้มลงบนพื้น รู้สึกว่าตนเองเห็นประตูนรกอยู่ข้างหน้าเขา แต่ตอนนี้เขายังไม่อยากตาย
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้?
นี่เป็นความคิดสุดท้ายของหม่าเจียเฉิงก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
ไม่ใช่แค่หม่าเจียเฉิงที่ไม่เข้าใจ จางเฉียงที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
ขณะนี้หลี่โม่หยิบปืนสั้นของจางเฉียงและลิ่วจื่อ มือทั้งสองยกปืนขึ้นพร้อมกันและลั่นไกยิงใส่กลุ่มโจรที่เหลือ
ขณะนี้กลุ่มโจรที่เหลือตระหนักได้ว่าที่พวกเขาลั่นไกยิงนั้นไม่ใช่หลี่โม่ ขณะที่กำลังจะหันปืน กระสุนที่หลี่โม่ลั่นไกก็มาถึงตัวแล้ว
กระสุนพุ่งไปที่กึ่งกลางคิ้วอย่างแม่นยำ ราวกับว่าการลั่นไกยิงของหลี่โม่ถูกชี้นำโดยเลเซอร์
หวงจื่อเซวียนและคนอื่น ๆ ตกตะลึง มองหลี่โม่ที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องจัดเลี้ยง ที่ยิงด้วยปืนสองกระบอก รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้เห็นขุนพลของเหล่าทวยเทพ
ภายใต้แสงไฟ รัศมีเจ็ดสีปรากฏขึ้นที่ข้างหลังหลี่โม่ แสงสะท้อนกลับทำให้หลี่โม่ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เสียงปืนหยุดลง และโจรคนสุดท้ายล้มลงกับพื้น
หลี่โม่นำปืนสั้นที่อยู่ในมือขวามาใกล้ริมฝีปาก จากนั้นใช้ปากเป่าปลายกระบอกปืนเบา ๆ “ฟู่! ก็บอกแล้วว่าให้พวกแกคุกเข่าลงแต่ก็ไม่ฟัง พวกแกรนหาที่ตายเอง”