จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 346
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
“ได้ยินมาว่าคุณหลงเป็นคนของสำนักหลงเหมิน?”
หม่าเต๋อฝูหรี่ตาและกล่าวถาม
“ใช่ และไม่ใช่ อาจารย์ของผมมาเป็นคนของสำนักหลงเหมิน ผมไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคนของสำนักหลงเหมิน เพราะนั่นคือตระกูลชั้นสูงที่ลึกลับที่สุด และยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบูโดทุกคน”
หลงเทียนสิงกล่าวอย่างหลงใหล
แม้ว่าหลงเทียนสิงจะไม่ใช่คนของสำนักหลงเหมิน แต่มีอาจารย์เป็นคนของสำนักหลงเหมิน หม่าเต๋อฝูคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ถึงแม้ว่าหลงเทียนสิงจะไม่สามารถฆ่าหลี่โม่ได้ ก็ยังมีอาจารย์ของเขาอยู่
“รบกวนถามว่าอาจารย์ของคุณหลงคือ? ” หม่าเต๋อฝูกล่าวถาม
“ถึงผมจะบอกชื่ออาจารย์ คุณก็ไม่รู้จัก อาจารย์ปู่ของผมคือราชามังกรตัวที่แปดในสำนักหลงเหมิน อยู่ในสำนักหลงเหมินเรียกว่าท่านแปด”
หลงเทียนสิงกล่าวอย่างภูมิใจ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลงเทียนสิงอาศัยการสร้างสถานการณ์หลอกลวงเงินจากผู้อื่นได้มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นหลงเทียนสิงเป็นลูกศิษย์ และศิษย์ของศิษย์ของท่านแปดจริงๆ
อีกอย่างคราวนี้มาตั้งรกรากอยู่ในเมืองเอก ก็เป็นเพราะหลงเทียนสิงได้ข่าวว่า ท่านแปดกำลังจะจัดการกับเด็กเปรตคนหนึ่งในเมืองฮ่าน หลงเทียนสิงกำลังครุ่นคิดว่าจะช่วยท่านแปดยังไง เพื่อจะได้เลียแข้งเลียขาของท่านแปด
หม่าเต๋อฝูทำสัญญาลักษณ์มือให้พ่อบ้านชรา จากนั้นพ่อบ้านชราก็นำเอกสารชุดหนึ่งยื่นให้หลงเทียนสิง
“นี่คือประวัติของคนที่จะฆ่า เขาชื่อหลี่โม่ เขาอาศัยอยู่ที่เมืองฮ่าน ก่อนหน้านั้นเขาคนเดียวสามารถฆ่ากลุ่มโจรยี่สิบกว่าคนได้ คุณมีความสามารถจะฆ่าเขาได้ไหม?”
หม่าเต๋อฝูถามอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินชื่อหลี่โม่ หลงเทียนสิงก็ตะลึงไปชั่วขณะ ในสมองได้ปรากฏข่าวที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าไอ้เด็กเปตรที่ท่านแปดกำลังจะกำจัดก็คือหลี่โม่
หรือว่าจะเป็นคนคนเดียวกัน?
น่าจะใช่ คนเดียวสามารถจัดการกลุ่มโจรยี่สิบกว่าคนได้ ต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน ถ้าเป็นคนธรรมดาท่านแปดคงไม่ใส่ใจ
หลงเทียนสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าจะยังไงเขาต้องไปเมืองฮ่านสักครั้ง จับหลี่โม่แล้วมอบให้ท่านแปดเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ แล้วยังได้เงินก้อนหนึ่งจากหม่าเต๋อฝูด้วย ถือเป็นโชคสองชั้น
“ไม่มีปัญหา ก็แค่กลุ่มโจรยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ผมจะพาลูกศิษย์ไป พวกเราเคยจัดการกับผู้ค้ายาติดอาวุธที่ชายแดนหนึ่งร้อยกว่าคนมาแล้ว คนเหล่านั้นร้ายกาจกว่าพวกกลุ่มโจรมาก”
“อ้อ? พวกคุณใช้ปืนเป็นด้วย?”
หม่าเต๋อฝูถามด้วยความแปลกใจ
“นี่มันศตวรรษไหนแล้ว ถึงทักษะจะเก่งแค่ไหนก็ต้องเตรียมปืนสองกระบอก ไม่อย่างนั้นจะท่องไปในยุทธจักรได้อย่างไร งานนี้ผมรับ แต่ว่าต้องใช้คนและอาวุธเป็นจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายก็……”
หลงเทียนสิงแกล้งทำเป็นครุ่นคิด
“เงินไม่ใช่ปัญหา ผมจะจ่ายให้คุณล่วงหน้า 5 ล้าน ถ้าเสร็จงานแล้วจะจ่ายให้คุณอีก 45 ล้าน รวมทั้งหมดเป็น 50 ล้าน ถ้าคุณสามารถฆ่าเขาได้ ผมจะเพิ่มเงินให้คุณอีก 20 ล้าน”
หม่าเต๋อฝูกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“ได้! ตกลง”
หลงเทียนสิงตบโต๊ะอย่างร่าเริง
หม่าเต๋อฝูกับหลงเทียนสิงคุยกันไม่กี่ประโยค หลังจากสั่งงานหลงเทียนสิงเสร็จสิ้นแล้ว เขากับพ่อบ้านชราก็ออกจากสถาบันบู๊
หลังจากที่หลงเทียนสิงส่งหม่าเต๋อฝูขึ้นรถแล้ว เขากล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ปิดประตู เรียกทุกคนรวมตัว และนำอาวุธปืนทั้งหมดออกมา คราวนี้มีงานใหญ่”
ปัง!
ประตูของสถาบันบู๊ถูกปิดลง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นระยะ ลูกน้องของหลงเทียนสิงรวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง
ชายหนุ่มที่เก่งทั้งหลายได้รวมตัวกัน แล้วมองไปที่หลงเทียนสิงด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
ชายร่างกำยำสองคนลากกล่องขนาดใหญ่สี่กล่อง จากนั้นก็เปิดกล่องต่อหน้าทุกคน เผยให้เห็นอาวุธปืนเต็มกล่อง
“ปืนสั้นและปืนยาวคนล่ะหนึ่งกระบอก คลิปเก็บกระสุนคนละสี่อัน ส่วนทีมมีดให้นำระเบิดมือไปด้วย”
หลงเทียนสิงกล่าวอย่างเย็นชา
ทุกคนก้าวเดินออกมาข้างหน้าเพื่อรับอาวุธปืนอย่างเงียบๆ หลังจากที่พวกเขาได้อาวุธปืนแล้ว พวกเขาก็เริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด
สุดท้ายหลงเทียนสิงหยิบปืนสั้นสองกระบอกเหน็บไว้ที่เอว “ภารกิจครั้งนี้สำคัญมาก เป้าหมายของเราคือจับเป็นหลี่โม่ ส่วนแผนปฏิบัติการให้รอคำสั่งจากผม ตอนนี้ขึ้นรถบัสไปเมืองฮ่าน”
“ครับ!”
หลงเทียนสิงพาคนออกทางประตูหลังของสถาบันบู๊ ทุกคนขึ้นรถบัสของสถาบันบู๊ จากนั้นรถก็ขับมุ่งหน้าไปทางเมืองฮ่าน
……
ใกล้เวลาเลิกงาน อู๋ผิงผิงมาที่ห้องทำงานของกู้หยุนหลัน เหลือบมองหลี่โม่ที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง แววตาของอู๋ผิงผิงฉายแววดูถูกเหยียดหยาม
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ติดต่อกู้หยุนหลันมาเป็นเวลานาน แต่อู๋ผิงผิงก็ติดตามข่าวของกู้หยุนหลันมาโดยตลอด และมักจะได้ยินเรื่องราวที่หลี่โม่เกาะเมียกิน
อีกอย่างครั้งนี้จางเจียต้องได้ไหว้วานให้อู๋ผิงผิง ช่วยพูดสิ่งดี ๆในตัวจางเจียต้องให้กู้หยุนหลันฟัง
“หยุนหลัน ไม่ได้พบกันตั้งนานคุณยังสวยเหมือนเดิม มันทำให้ฉันรู้สึกอิจฉาริษยาจริงๆ ”
อู๋ผิงผิงเสแสร้งยิ้ม แล้ววางกุญแจรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไว้บนโต๊ะ
กู้หยุนหลันส่ายศีรษะแล้วหัวเราะ “คุณพูดเกินจริงไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าตนเองแก่แล้ว”
“ไม่หรอก ถ้าคุณแก่ นั่นแสดงว่าสามีคุณไร้ประโยชน์มาก ฉันได้ยินมาว่าสามีของคุณเกาะคุณกิน คุณต้องเลี้ยงดูลูกและยังต้องเลี้ยงดูผู้ชาย มันก็ต้องทำงานหนักเป็นธรรมดา”
อู๋ผิงผิงพุ่งเป้าไปที่หลี่โม่ด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น
กู้หยุนหลันเข้าใจความหมายของอู๋ผิงผิง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องภายในครอบครัวของฉัน ไม่ว่าสามีของฉันจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ตาม มันก็เป็นเรื่องของพวกเรา”
“โอ้ แค่นี้ก็โกรธแล้วหรือ ไม่เข้าว่าคุณหลงเสน่ห์อะไรสามี ครอบครัวอื่นสามีจะเป็นคนเลี้ยงดูภรรยา แล้วทำไมครอบครัวของคุณถึงกลับกลายเป็นตรงกันข้ามล่ะ”
พูดจบอู๋ผิงผิงก็เบ้ปาก และจ้องเขม็งไปที่หลี่โม่
หลี่โม่เล่นเกมของตนเองไป ดูเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของอู๋ผิงผิงเลย
“นี่คือสามีที่เกาะคุณกินใช่ไหม วันนี้พาเขาไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นก็ดีน่ะ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าเศษสวะหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่แน่เขาถูกกระตุ้นจนทำให้เปลี่ยนแปลงตนเองก็ได้”
“คุณพูดพอหรือยัง กรุณาอย่าพูดหลี่โม่เช่นนี้อีก”
กู้หยุนหลันมองไปที่อู๋ผิงผิงด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“โอเค ๆ ฉันจะไม่พูดถึงเขาอีก มาพูดถึงเรื่องของฉัน คุณดูสิว่าสามีของฉันดีกับฉันแค่ไหน ซื้อรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ เสื้อผ้าชาเนล กระเป๋าพราด้า และเครื่องสำอางที่ดีที่สุดให้ เป็นผู้หญิงก็ควรถูกผู้ชายรักและตามใจ ถ้าผู้ชายไม่ซื้อของเหล่านี้ให้พวกเรา จะแสดงออกถึงความรักที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิงได้อย่างไร”
อู๋ผิงผิงพูดพล่าม ดูหมิ่นเหยียดหยามหลี่โม่ทั้งทางตรงและทางอ้อม
กู้หยุนหลันรู้สึกปวดหัวเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลังจากดูเวลาแล้วเธอลุกขึ้นและกล่าวว่า “ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ไปกันเถอะ”
“ถึงเวลาเลิกงานแล้วหรือ เวลาผ่านไปไวจัง คุณได้ยินสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อสักครู่หรือไม่ คำโบราณว่าไว้ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายก็เพื่อที่จะให้ผู้ชายเลี้ยงดู คุณต้องคิดให้รอบคอบน่ะ ว่ากันว่าจางเจียต้องยังรักคุณอยู่ คุณต้องคว้าโอกาสนี้ไว้น่ะ”
“ถ้าคุณยังพูดเช่นนี้อีก ฉันจะไม่ไปงานเลี้ยงรุ่นล่ะ”
กู้หยุนหลันกล่าวอย่างจำใจ
อู๋ผิงผิงเม้มปาก อดกลั้นสิ่งที่เธอกำลังจะพูด คิดว่าเมื่อไปถึงงานเลี้ยงรุ่น จะต้องมีคนมากมายเยาะเย้ยสามีเศษสวะของคุณแน่นอน ตอนนั้นจะคอยดูว่าคุณจะปกป้องเขายังไง
“ไม่พูดล่ะ พาสามีไร้…..ของคุณ ออกเดินทางไปพร้อมกับฉัน วันนี้นั่งรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ของฉันไปน่ะ!”