จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 351
เสียงตะโกนของหลงเทียนสิงไม่เบาเลย แต่หลังจากที่มันผ่านกำแพงอย่างหนาในคฤหาสน์ เสียงของเขากลับเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
แต่ทว่าหลี่โม่กลับได้ยินเสียงอันแสนเบาได้อย่างชัดเจน
มีคนมาอีกแล้ว
แถมยังมาเป็นหลายคนอีกด้วย
หลี่โม่รู้ได้เลยว่าจะต้องเป็นคนที่ตระกูลหม่าหามาจัดการเขา
มุมปากของเขายกขึ้น หลี่โม่ยิ้มและก้าวออกไป
จางเจียต้องหัวใจกระตุกวูบ เมื่อเห็นรอยยิ้มของหลี่โม่ เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
นี่มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ หลี่โม่จะทำร้ายเขา
หนี!
ตอนนี้ในหัวของจางเจียต้องมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น ขาทั้งสองข้างงอเล็กน้อย เขาออกแรงไปที่เท้าทั้งสองข้าง จางเจียต้องดีดตัวออกไปข้างหน้าราวกับสปริง
หลี่โม่มองไปทางจางเจียต้อง เขาหายแวบไปอยู่ข้างหลังของจางเจียต้อง จากนั้นจึงถีบไปที่เอวของจางเจียต้อง
แรงอันมหาศาลทำให้ตัวของจางเจียต้องพุ่งตัวเร็วขึ้นไปอีก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเครื่องบินที่สูญเสียการควบคุม และไปกระแทกกับกำแพงที่อยู่ไม่ไกล
ให้ตายเหอะ
เขาสบถออกมาในใจ เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมากันไว้ด้านหน้า
ตู้มมม
เสียงดังสนั่นขึ้นมา จางเจียต้องทะลุเข้าไปในกำแพง ฝุ่นลอยตลบอบอวลออกมาจากรูขนาดใหญ่บนกำแพงที่สามารถมองทะลุออกไปข้างนอกได้
หลงเทียนสิงกับคนอื่นๆ ตกใจกับภาพที่จางเจียงต้องทะลุออกมาจากกำแพง พวกลูกน้องตกใจจนลั่นไกปืน กระสุนปืนถูกปล่อยออกไปทางจางเจียต้อง
เสียงปืนดังขึ้นเหมือนเสียงของโดมิโน่ หลังจากเสียงปืนนัดแรกดังขึ้น เสียงปืนกระบอกอื่นๆ ก็ดังขึ้นตามมาทันที กระสุนปืนเล็งไปที่ตัวของจางเจียต้อง
ปืนไรเฟิลจู่โจมกว่า 20 กระบอกกำลังปล่อยกระสุนออกมา จางเจียต้องที่หน้าซีดเผือดกำลังสบถออกมาในใจอย่างต่อเนื่อง
จางเจียต้องถึงกับต้องสบถคำที่เกี่ยวข้องกับบุพการีออกมาอย่างอดไม่ได้ เขารีบกระโจนลงบนพื้นและกลิ้งตัวไปด้านหลัง เขากะจะกลับเข้าไปในคฤหาสน์
เมื่อต้องเผชิญกับกระสุนที่สาดออกมาราวกับเม็ดฝน ถึงคนที่จะเคยผ่านการดัดแปลงยีนมาอย่างเขา ก็ต้องหวาดกลัว เขาไม่กล้าผลีผลามเข้าไป
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจางเจียต้องไม่ได้ป้องกันเก่งเหมือนครัฟฟ์ กล้ามเนื้อของเขาไม่สามารถต้านทานกับกระสุนได้
สวบ สวบ
ถึงแม้จางเจียต้องจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังโดนกระสุน ความเจ็บทำให้การเคลื่อนไหวของเขาลดลง
จางเจียต้องตื่นตระหนกเหมือนสุนัขไร้บ้าน เมื่อสอดตัวเข้ามาผ่านรูกำแพงที่พัง ก็เห็นหลี่โม่ยืนอยู่หน้ากำแพง ข้างหน้ามีเสือที่ดุร้าย ส่วนข้างหลังมีฝูงหมาป่า นี่คือสภาพที่แท้จริงที่จางเจียต้องเผชิญอยู่
ตอนนี้จางเจียต้องคิดจะขอร้องอ้อนวอน เดิมทีเขาคิดว่ายีนของตัวเองสามารถดัดแปลงได้สำเร็จ แล้วจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้ แต่ความจริงกลับสั่งสอนอย่างโหดร้าย
“ข้างในยังมีคน มันสามารถหลบกระสุนได้ มันต้องเป็นคนมีฝีมือ เตรียมระเบิดมือแล้วโยนเข้าไป!”
หลงเทียนสิงแผดเสียงออกมาอย่างน่ากลัว พวกลูกน้องถือระเบิดและเตรียมที่จะโยน จางเจียต้องตกใจจนเยี่ยวราด
ถึงแม้จะได้รับการดัดแปลงยีน แต่จางเจียต้องไม่เคยผ่านสงครามมาและเหตุการณ์อันตรายมาก่อน จิตใจของเขาพังทลายไปหมดแล้ว
“หลี่โม่ นายให้ฉันเข้าไปหลบหน่อยนะ ไม่งั้นฉันโดนระเบิดตายแน่ ขอแค่นายช่วยฉัน ต่อไปฉันจะเป็นลูกน้องของนาย ได้ไหม!”
จางเจียต้องพูดอ้อนวอนออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวจนจะร้องไห้
“นายนี่มันขี้ขลาดจริงๆ ก็แค่ระเบิดไม่กี่ลูกเอง ยีนของนายได้รับการดัดแปลงแล้ว ฆ่าพวกมันก็แค่เรื่องง่ายๆ ถ้านายสามารถฆ่าพวกมันได้ ฉันจะไว้ชีวิตนาย”
จางเจียต้องลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างหลี่โม่กับหลงเทียนสิง เขารู้สึกว่าจัดการหลงเทียนสิงได้ง่ายกว่า ถ้าไม่โดนกระสุนจู่โจมจนสาหัส ตัวเขาเองต้องไม่ตายแน่นอน
แต่ถ้าให้สู้กับหลี่โม่ เขาคงมีเพียงความตายเท่านั้น
จางเจียต้องรู้ดีว่านี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิต ถ้าหลี่โม่สามารถทำตามสัญญาได้
“นายจะทำตามสัญญาใช่ไหม”
จางเจียต้องถามอย่างจริงจัง
“ชื่อเสียงของฉันดีกว่าคนส่วนใหญ่ตั้งเยอะ ถ้านายไม่ทำ งั้นฉันจะส่งนายไปก่อนละกัน”
คำพูดของหลี่โม่ทำให้จางเจียต้องหมดทางเลือก
“ได้ หวังว่านายจะเชื่อใจได้”
จางเจียต้องหันกลับไป เขาเห็นระเบิดมือกำลังลอยเข้ามาตรงหน้า
“ตายซะเถอะ!”
จางเจียต้องแผดเสียงออกมา เขาใช้มือตบระเบิดจนทำให้ระเบิดเปลี่ยนทิศทางกลับไป
หลงเทียนสิงกับคนอื่นๆ ถึงกับเหวอ พวกเขารีบหมอบลงกับพื้นและกลิ้งไปหาที่กำบัง
แต่ทว่าภายนอกคฤหาสน์เป็นลานกว้าง ไม่มีที่กำบังอะไรสักอย่าง เมื่อลูกระเบิดลอยกลับมา มันก็ระเบิดออกกลางอากาศ
เศษของระเบิดกระจายไปทั่ว เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมา ลูกน้องของหลงเทียนสิงเกือบครึ่งโดนระเบิด
เมื่อเห็นสภาพของลูกน้อง หลงเทียนสิงจึงตะโกนออกมาอย่างเคียดแค้นว่า “ยิงไอ้สุนัขนั่นให้ตายซะ!”
เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกายไฟออกมาจากปลายกระบอกปืน
คนที่เตรียมตัวมาอย่างจางเจียต้องรีบหลบอย่างรวดเร็ว เขาก้าวหลบกระสุนอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้หลงเทียนสิงกับลูกน้อง เขาโดนยิงระหว่างที่เคลื่อนตัวเข้าไป บนตัวของจางเจียต้องเต็มไปด้วยเลือด
เมื่อเกือบจะเข้าไปใกล้พวกลูกศิษย์สถาบันบู๊ จางเจียต้องจึงลงมืออย่างไร้ความปรานี จนพวกนั้นสิ้นลม เขาแย่งปืนมาและรีบหนีทันที
ส่วนหลงเทียนสิงและคนอื่นๆ จางเจียต้องไม่ต้องการต่อสู้ด้วย เพราะบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแล้ว หลงเทียนสิงคิดเพียงแค่อยากจะหนี ยิ่งหนีได้ไกลแค่ไหนก็ยิ่งดี
เมื่อเห็นว่าจางเจียต้องหนีไป เหล่าลูกศิษย์สถาบันบู๊อึ้งไป พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะไล่ตามจางเจียต้องหรือไปจู่โจมในคฤหาสน์
หลงเทียนสิงกัดฟันกรอด จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องไปสนใจมัน รีบจู่โจมคฤหาสน์และจับตัวหลี่โม่มา!”
“แกจะจับฉันเหรอ”
หลี่โม่ปรากฏตัวข้างหลังหลงเทียนสิง ระหว่างที่พูดเขาก็ขยับข้อมือเบาๆ มีดที่ใช้บนโต๊ะอาหารพุ่งออกไปปักลงกลางหลังของจางเจียต้องที่วิ่งหนีไปไกลแล้ว
สวบ
จางเจียต้องพุ่งตัวลงบนพื้น เขาพยายามหันมามองหลี่โม่ด้วยแววตาหวาดกลัวและเคียดแค้น
“ไอ้เวรเอ๊ย เขาออกมาได้ยังไง ฉันจะตายที่นี่ไม่ได้!”
จางเจียต้องใช้แรงเฮือกสุดท้าย กดปุ่มด้านข้างนาฬิกาข้อมือ
สัญญาณช่วยชีวิตเร่งด่วนดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือ ทีมสนับสนุนเร่งด่วนอีกทีมรีบเคลื่อนตัวเข้ามาช่วยจางเจียต้อง
เมื่อหลงเทียนสิงเห็นหลี่โม่ เขายกปืนขึ้นมาจ่อหลี่โม่แล้วพูดว่า “ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง แล้วคุกเข่าลงซะ!”
พวกลูกศิษย์สถาบันบู๊ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างพากันยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่หลี่โม่ เพื่อล้อมหลี่โม่เอาไว้
ภายในคฤหาสน์ อู๋ผิงผิงกับคนอื่นๆ กำลังดูที่หน้าต่าง เธอมองออกมาข้างนอกอย่างหวาดกลัว
เสียงระเบิดกับเสียงปืนเมื่อครู่ ทำให้อู๋ผิงผิงและคนอื่นๆ ตกใจเกือบตาย เห็นจางเจียต้องฝ่าดงกระสุนเข้าไป เห็นหลี่โม่ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังหลงเทียนสิงและคนอื่นๆ และตอนนี้หลี่โม่กำลังโดนปืนจ่ออยู่ ใจของอู๋ผิงผิงรวมถึงคนอื่นๆ เต้นแรงเป็นอย่างมาก
“นี่มันคือเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ อีกเดี๋ยวพวกเราจะตายไหม”
“รีบโทรศัพท์ให้สายตรวจมาช่วยเราสิ เวลาลำบากก็มีแค่สายตรวจที่พึ่งได้!”
อู๋ผิงผิงกับคนอื่นๆ ต่างพากันกดโทรออกด้วยความตื่นตระหนก แต่ทว่ากู้หยุนหลันกลับมองหลี่โม่อย่างเป็นกังวล