จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 366
“พี่เย่ คุณหลี่ พวกคุณอย่าทะเลาะกันแบบนี้ได้ไหม ถ้ามีอะไรก็คุยกันดี ๆ หลานชายหรือบรรพบุรุษอะไร พูดมากไปมันก็ทำร้ายจิตใจกันเปล่า ๆ”
ฉิงจี้เย่กัดฟันเกลี้ยกล่อม
เย่จงเทียนยิ้มขึ้นมาทันที ราวกับว่าเขาไม่เคยโกรธ “เสี่ยวฉิง คนที่คุณหาล้วนเป็นวีรบุรุษที่กล้าหาญ เหมือนกับว่าพวกเขาดูถูกผมเย่จงเทียน พวกเขาทำราวกับว่าผมเป็นคนที่ไร้ความสามารถ”
ถึงแม้ว่าเย่จงเทียนยิ้ม แต่สิ่งที่พูดออกมาทำให้ฉิงจี้เย่รู้สึกขนพองสยองเกล้า
เดิมภารกิจคราวนี้เย่จงเทียนเป็นผู้สั่งการหลักอยู่แล้ว ส่วนลูกน้องของฉิงจี้เย่เป็นเพียงผู้ช่วยเสริมทัพเท่านั้น แต่การวางแผนที่ผิดพลาดของฉิงจี้เย่ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเหอปิงหรือลูกน้องนักฆ่า หรือว่าหลี่โม่ที่เป็นคนเสริมจากภายนอก ก็ไม่เชื่อใจเย่จงเทียน
ฉิงจี้เย่รู้สึกปวดหัวและเสียใจเป็นอย่างมาก กล่าวอย่างขมขื่นว่า “ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เป็นเพราะภารกิจคราวนี้ใหญ่มาก จึงทำให้ทุกคนเกิดความประหม่าเล็กน้อย พี่เย่โปรดบอกพวกเขาเกี่ยวกับแผนการที่วางไว้ พวกเขาจะได้สบายใจขึ้น”
ฉิงจี้เย่พยายามอธิบาย เหอปิงขว้างก้นบุหรี่ในมือทิ้ง ลุกยืนขึ้นและเดินผ่านควันที่ฟุ้งกระจาย ไปทางเย่จงเทียน
“คิงทหารเย่ งานของพวกเราทุกคนเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย ดังนั้นการที่พวกเราไม่เชื่อใจคุณมันก็เป็นเรื่องสมควร ไม่ว่าจะยังไง คุณต้องโชว์ฝีมือให้ทุกคนได้เห็น ถ้าคุณสามารถชนะผมได้ พี่น้องพวกนี้ก็จะฟังคำสั่งของคุณ หรือว่าจะให้พวกเราเป็นตัวรับกระสุนพวกเราก็ยอม”
“เหอปิง คุณกำลังทำอะไร! ทำไมคุณถึงพูดกับพี่เย่เช่นนี้ กลับไปเร็วๆ อย่ามาสร้างปัญหา”
ฉิงจี้เย่คำรามเสียงเข้ม
“คุณชายใหญ่ฉิง พวกเราทุกคนทำงานถวายชีวิตให้คุณ หลายปีที่ผ่านมาพวกเราช่วยให้คุณหาเงินได้มากมาย คุณคงไม่อยากเห็นพวกเราไปตายใช่ไหม เมื่อสักครู่คุณพูดว่า? ถ้าใครชนะ คนนั้นก็จะได้เป็นคนสั่งการ”
ร่างกายของเหอปิงเปล่งประกายรังสีสังหาร
หากฉิงจี้เย่ไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจได้ เหอปิงมีความคิดที่จะหันกลับมาฆ่าฉิงจี้เย่ ช่วงหลายปีมานี้ภายใต้การทำงานกับฉิงจี้เย่ เขาสามารถหาเงินได้มากมาย จึงทำให้เขาเริ่มคิดอยากจะสร้างอาณาเขตของตนเองเพื่อเป็นผู้นำ
ชีวิตที่นอนเสพสุขเงินทอง ยังไงก็ดีกว่าชีวิตนักฆ่าที่ต้องเผชิญกับอันตราย
เว่ยหย่งและคนอื่น ๆ ก็ยืนขึ้น และเดินไปข้างหน้าสามก้าวอย่างเงียบๆ เพื่อสนับสนุนเหอปิง
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ควบคุมไม่ได้แล้ว ทำให้ฉิงจี้เย่รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก จนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาที่หน้าผาก
“พวกแกจะรนหาที่ตายกันหรือ! คิงทหารเย่เป็นคนที่พวกแกจะสงสัยได้หรือ? แม่งฉิบหายไสหัวออกไป!”
ฉิงจี้เย่คำรามด้วยความโกรธ
แคร๊บ!
เสียงบรรจุกระสุน ทหารรับจ้างของเย่จงเทียนยกปืนขึ้น และมีชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ด้านข้างยกปืนแก็ตลิงขึ้นมา โซ่ยาวสั่นจนทำให้เกิดเสียงขึ้นมา
เหนือสิ่งอื่นใด แค่ปืนแก็ตลิงก็สามารถฆ่าเหอปิง และคนอื่น ๆได้
ปกตินักฆ่าจะต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว หากต้องเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างที่ต่อสู้กันเป็นกลุ่ม มันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะถ้าต่อสู้กับทหารรับจ้างที่ติดอาวุธหนัก
บวกกับการเอาปืนแก็ตลิงขู่ ทำให้ใบหน้าของเหอปิงและคนอื่น ๆ มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เย่จงเทียน แม่งคุณมันมากเกินไปแล้ว ถ้ามีความสามารถก็สู้กับพี่ปิงของพวกเราตัวต่อตัว แม่งอย่าใช้อาวุธที่เหนือกว่าของคุณเพื่อกลั่นแกล้งพวกเรา”
“ใช่ ถ้าคุณมีความสามารถก็สู้ตัวต่อตัว ให้พวกเราเห็นว่าคุณเป็นลูกผู้ชาย อย่ามาพูดพล่ามโดยอาศัยอาวุธ”
เย่จงเทียนหัวเราะ มองไปที่เหอปิงและคนอื่น ๆ ด้วยความเหยียดหยาม “ใช่กูอาศัยกองทัพและอาวุธ และไม่เคยทำอะไรโง่ ๆด้วยการต่อสู้ตัวต่อตัว ถ้าพวกแกมีความสามารถก็มาสู้กับกองกำลังของกู ถ้าไม่มีความสามารถก็อย่ามาพูดพล่ามที่นี่”
สิ่งที่เย่จงเทียนกล่าวเป็นคำพูดที่โด่งดังในกองทัพ นายพลที่มีชื่อเสียงในกองทัพจะไม่โอ้อวดฝีมือและความแข็งแกร่งของตนเอง เพราะความแข็งแกร่งส่วนบุคคลไม่ได้มีผลอะไรมากในกองทัพ ในทางกลับกันความสามารถในการสั่งบัญชาการมีความสำคัญมากกว่า
แม่ทัพผู้กล้าหาญในสมัยราชวงศ์ที่ผ่านมาเป็นเพียงผู้นำเท่านั้น แม่ทัพที่ดีต้องพึ่งพาสมอง กำลังอาวุธเป็นเพียงพิธีเท่านั้น เรื่องราวความกล้าหาญของแม่ทัพที่มีชื่อเสียง ส่วนมากจะพูดเกินความเป็นจริง
เว่ยหย่งและคนอื่น ๆไม่กล้าพูด ทุกคนต่างมองไปที่เย่จงเทียนด้วยสายตาที่โกรธ แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะตะโกนด่าต่อไป
เพราะฝ่ายตรงข้ามนำปืนแก็ตลิงออกมาแล้ว ถ้าทำให้เย่จงเทียนโกรธจริง ๆ ใครจะรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
หลี่โม่มองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม
เย่จงเทียนมองเหอปิงอย่างดูถูก และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รู้สึกไม่พอใจใช่ไหม? แม่งคราวนี้เป็นการสู้รบพิเศษ ไม่ใช่การลอบสังหาร พวกคุณอยากสั่งการ พวกคุณสั่งเป็นเหี้ยอะไร พวกคุณรู้หรือไม่ว่าท่านแปดมีลูกน้องกี่คน มีกำลังอาวุธที่แข็งแกร่งแค่ไหน ขอบเขตของสายที่แจ้งเตือนเพื่อป้องกันการจู่โจมของศัตรูมีมากแค่ไหน? ”
“ไม่มีใครให้ข้อมูลแก่พวกเรา พวกเราไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง คุณกำลังพยายามใช้ข้อมูลการท่องจำเพื่อหลอกพวกเราใช่หรือไม่?”
หลี่โม่กล่าวกะทันหัน
อารมณ์ของเย่จงเทียนเปลี่ยนทันที ไม่คาดคิดว่าหลี่โม่ซึ่งไม่ถูกข่มขู่ กลับเผชิญหน้ากันตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ฮ่า ๆ ผมให้ข้อมูลแก่พวกคุณ ถึงเอาข้อมูลให้พวกคุณดูแล้ว พวกคุณก็ไม่รู้ว่าจะต่อสู้ยังไง เสี่ยวฉิง เปิดข้อมูลให้พวกเขาดู!”
ฉิงจี้เย่สั่งบอดี้การ์ดเปิดอุปกรณ์ โปรเจ็กเตอร์ถูกวางสาย หลังจากที่แล็ปท็อปและโปรเจ็กเตอร์เชื่อมต่อกันแล้ว ก็เริ่มแสดงข้อมูลเฉพาะ
“ท่านแปดอาศัยอยู่ในคฤหาสน์บนภูเขาไท่กง ด้านหลังคฤหาสน์เป็นหน้าผา อีกสามด้านเป็นเนินเขาสูงชัน ภูเขาและป่าโดยรอบมีทหารเวรที่อยู่ในที่แจ้งและที่อยู่ในที่ลับ ตามข้อมูลที่ได้รับ มีจำนวนทหารเวรที่อยู่ในที่แจ้ง 30 คน และจำนวนสายลับที่อยู่ในที่ลับอีก 70 คน ระยะรัศมีเขตป้องกันอยู่รอบ ๆคฤหาสน์สามกิโลเมตร”
“ภายในคฤหาสน์ มีสุนัขจลาจลสิบตัว ทุกตัวอยู่กระจัดกระจาย และมีบอดี้การ์ดอยู่ประมาณ 30 คน ตัวเลขเฉพาะไม่ชัดเจน สันนิษฐานว่าอาจมีอาวุธหนักภายในคฤหาสน์ และอาจมีมือปืนซุ่มยิง”
“บอดี้การ์ดภายในบ้านพักล้วนเคยเป็นผู้คุ้มกันของสำนักหลงเหมิน มีวรยุทธสูงมาก เรียกได้ว่ารับมือยากทีเดียว นอกจากนี้ว่ากันว่ายังมีหน่วยกล้าตายอยู่รอบ ๆท่านแปด ไม่ทราบความสามารถและจำนวนที่แน่ชัด คนและยานพาหนะทั้งหมดที่อยู่ในระยะรัศมีสามกิโลเมตรจากคฤหาสน์ จะถูกสกัดกั้นและทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวด”
ฉิงจี้เย่แนะนำข้อมูลที่อยู่อาศัยของท่านแปด เหอปิงและคนอื่น ๆ ก็ขมวดคิ้ว
เหอปิงและคนอื่น ๆ ยังไม่เคยเจอสถานการณ์ ที่มีการป้องกันที่เข้มงวดเช่นนี้ เป็นอย่างที่เย่จงเทียนกล่าวไว้ว่านี่คือสงคราม
“พวกเราคือนักฆ่า พวกเราล้วนแต่แฝงตัวเข้าไปหรือรอโอกาสที่จะดำเนินการลอบสังหาร งานนี้ไม่ใช่สิ่งที่นักฆ่าอย่างพวกเราควรทำ คุณชายฉิง พวกเราควรจะเลิกใช่ไหม”
“นี่มันเป็นภารกิจเสี่ยงตายชัดๆ ชีวิตของพวกเราไม่ใช่ชีวิตหรือ? คุณถึงให้พวกเราไปทำเรื่องที่เสี่ยงตายแบบนี้ พวกเราไม่เห็นด้วย”
เว่ยหย่งและคนอื่น ๆรู้สึกขี้ขลาดตาขาวขึ้นมาทันที การป้องกันที่เข้มงวดเช่นนี้ และไม่มีที่ใดที่สามารถแฝงตัวได้ มันไม่ใช่สถานที่ที่นักฆ่าอย่างพวกเขาสามารถลอบเข้าไปสังหารได้
เหอปิงขมวดคิ้วเป็นปม ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “พวกเราไม่เหมาะที่จะทำภารกิจนี้ คุณชายฉิง ลาก่อน