จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 379
ในห้องหมายเลขหนึ่ง ของคลับชายหาดทอง จางเต๋ออู่ที่ผิวขาวและสวยเหมือนผู้หญิง สวมเสื้อคอจีนที่ตัดเย็บด้วยมือ นั่งอยู่บนโซฟาและเขย่าแก้วทิวลิปแชมเปญที่อยู่ในมืออย่างเบา ๆ
ในแก้วทิวลิปแชมเปญ มีสุราสีเหลืองทองค่อย ๆหมุน จางเต๋ออู่ก้มมองไปที่สุรา ราวกับว่าเขากำลังทำความเข้าใจในความลึกลับของสุรานั้น
กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ ไม่ว่าเขาจะนั่งยังไงก็ยังรู้สึกไม่สบายอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นคนใส่ชุดดำสี่คนที่ยืนอยู่ที่มุมทั้งสี่ของห้อง
ชายชุดดำทั้งสี่สวมหน้ากากสีเงิน และยืนตัวตรงนิ่งราวเหมือนกับรูปปั้น
“รบกวนถามว่าคุณเป็นใคร ไม่ทราบว่าเรื่องการจัดการหลี่โม่มีอะไรที่ผมสามารถจะช่วยเหลือได้”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดทำลายบรรยากาศที่สงบ ถ้ายังคงนิ่งเงียบต่อไป กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกว่าตนเองอาจจะสติแตกได้
“คุณรู้ฐานะตัวตนของหลี่โม่หรือไม่?”
เสียงของจางเต๋ออู่สุขุมนุ่มลึก ฟังแล้วไพเราะเพราะพริ้ง
กู้เจี้ยนกั๋วมองไปที่จางเต๋ออู่อย่างสงสัย พร้อมรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดบนใบหน้า “เขาเป็นแค่เศษสวะที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง จะมีฐานะตัวตนอะไรได้ล่ะ”
“อ้อ ดูเหมือนว่าเขาจะปกปิดได้ดีทีเดียว เขาไม่ได้เปิดเผยฐานะตัวตนให้พวกคุณทราบ”
“อะไร? หรือว่าเขายังมีฐานะตัวตนอื่นด้วย? ท่าทางเศษสวะอย่างเขา คงจะไม่มีฐานะตัวตนใหญ่โตมั้ง”
กู้เจี้ยนกั๋วไม่เชื่อว่าหลี่โม่จะมีฐานะตัวตนที่เป็นความลับ แม้ว่าเขาจะมีฐานะตัวตนที่เป็นความลับ น่าจะเป็นฐานะของคุณชายที่ตกทุกข์ได้ยากแน่นอน มันไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น
จางเต๋ออู่ยิ้มจางๆ “เขาไม่มีฐานะใหญ่โตอะไรจริง ๆ เพราะเขากำลังจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว”
ด้วยรูปลักษณ์และความสามารถที่ประจบเก่ง จางเต๋ออู่ได้แอบมีความสัมพันธ์อย่างลับ ๆกับราชินีของสำนักหลงเหมินมานานแล้ว และตอนนี้ราชินีของสำนักหลงเหมินได้ตั้งครรภ์ลูกของเขาแล้ว
จางเต๋ออู่กำลังวางแผนที่จะปูทางให้กับลูกที่ยังไม่เกิดของตนเอง ขอแค่สามารถกำจัดหลี่โม่ได้ ราชินีของสำนักหลงเหมินก็จะได้ครอบครองสำนักหลงเหมิน และในอนาคตก็จะส่งต่อตำแหน่งเจ้าสำนักให้กับลูกของตนเอง
เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดเรื่องนี้ จางเต๋ออู่จะรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก จากการเป็นสามัญชน นำไปสู่การเป็นบิดาในอนาคตของเจ้าสำนักหลงเหมิน ทำให้ในใจของจางเต๋ออู่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ประสบความสำเร็จ
จางเต๋ออู่ไม่อาจคาดเดาความคิดของราชินีของสำนักหลงเหมินได้ จางเต๋ออู่แนะนำให้ฆ่าหลี่โม่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ราชินีของสำนักหลงเหมินมักจะกล่าวว่ายังไม่ถึงเวลา
จางเต๋ออู่ไม่รู้ว่าราชินีของสำนักหลงเหมินจะรอเวลาถึงเมื่อใด แต่จางเต๋ออู่แทบรอไม่ไหวที่อยากจะฆ่าหลี่โม่ให้ตาย
“มันเป็นอดีตไปแล้ว?”
กู้เจี้ยนกั๋วไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของจางเต๋ออู่
“เมื่อตายไป มันก็จะกลายเป็นอดีตไม่ใช่หรือ ฮ่า ๆ ๆ”
จางเต๋ออู่ยิ้มอย่างมีชัย
“ใช่ ๆ ฆ่าคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ และทำให้มันกลายเป็นอดีต!”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวอย่างชั่วร้าย
ถ้าเขาสามารถฆ่าหลี่โม่เองได้ กู้เจี้ยนกั๋วคงจะลงมือไปนานแล้ว แต่เขาไม่มีความสามารถและความกล้าหาญ กู้เจี้ยนกั๋วก็เลยยังไม่มีความคิดเช่นนี้มาก่อน
“ไม่รู้ว่าคุณจะฆ่าเขาด้วยวิธีใด? หลี่โม่เหมือนแมลงสาบที่ตียังไงก็ไม่ตาย และดูเหมือนว่าเขาจะมีวรยุทธด้วย”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวเบา ๆ
“ผมได้จัดเตรียมงานเลี้ยงไว้ คุณก็แค่ทำให้หลี่โม่มาร่วมงานเลี้ยง ผมมีวิธีที่จะทำให้เขาตายในงานเลี้ยง และไม่มีใครรู้ว่าเขาตายได้อย่างไร”
จางเต๋ออู่หรี่ตาแล้วกล่าว
แม้ว่าเขาอยากจะฆ่าหลี่โม่ แต่มันไม่ใช่คำสั่งจากราชินีของสำนักหลงเหมิน ดังนั้นจางเต๋ออู่ก็จะพยายามทำให้การตายของหลี่โม่เหมือนเป็นอุบัติเหตุ หากฆ่าหลี่โม่โดยตรงแล้วถูกตรวจพบ อาจจะทำให้จางเต๋ออู่ต้องเดือดร้อน
งานเลี้ยงคราวนี้จางเต๋ออู่ได้เตรียมวิธีที่จะฆ่าหลี่โม่ไว้เต็มรูปแบบ มีวิธีการไม่ต่ำกว่าสิบวิธีในการฆ่าหลี่โม่ให้ตายเหมือนเป็นอุบัติเหตุ
“ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?”
กู้เจี้ยนกั๋วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“สำหรับคุณ มันก็ง่ายขนาดนั้นแหละ แต่คุณต้องทำให้หลี่โม่ไม่เกิดความสงสัย ถ้าเขาเกิดสงสัยขึ้นมา วิธีการมากมายที่วางแผนไว้ก็จะใช้ไม่ได้”
จางเต๋ออู่หรี่ตาแล้วกล่าว
กู้เจี้ยนกั๋วลังเลเล็กน้อย รู้สึกว่าถ้าตนเองออกหน้าเชิญหลี่โม่ไปงานเลี้ยง เกรงว่าหลี่โม่อาจจะระมัดระวังตัว
“ผมกลับไปคิดหาวิธีก่อน และพยายามหาวิธีที่จะทำให้หลี่โม่เชื่อได้”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวพลางเกาศีรษะ
“ทางที่ดีคุณควรคิดวิธีให้ได้ในตอนนี้เลย ทางผมจะได้วางแผนเตรียมการร่วมมือ”
“ผมได้ยินมาว่าเพื่อนร่วมชั้นของกู้หยุนหลันกำลังจะหมั้น ถ้างานเลี้ยงที่คุณเตรียมไว้สามารถทำเป็นงานหมั้นของเพื่อนกู้หยุนหลันได้ ผมคิดว่าหลี่โม่คงจะไม่ระแวดระวังตัว”
กู้เจี้ยนกั๋วครุ่นคิดอย่างหนักเป็นเวลานาน ทำให้นึกถึงเรื่องที่กู้หยุนหลันคุยโทรศัพท์เมื่อวานนี้ ดังนั้นเขาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา
จางเต๋ออู่พยักหน้า “บอกชื่อและข้อมูลติดต่อของเพื่อนร่วมชั้นของเธอมา แล้วผมจะจัดการวางแผนเอง”
“ผมรู้แค่ว่าเพื่อนร่วมชั้นของกู้หยุนหลันที่จะหมั้นชื่อเฉาเสว่เฟย ผมไม่รู้ข้อมูลติดต่อจริง ๆ ผมแค่บังเอิญได้ยินเรื่องที่กู้หยุนหลันพูดจากโทรศัพท์เท่านั้น”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
“เข้าใจแล้ว แค่ชื่อก็พอแล้ว คุณไปได้แล้ว ถ้าจำเป็นผมจะติดต่อกลับไป”
“โอเค ขอแค่สามารถกำจัดหลี่โม่ได้ ผมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
กู้เจี้ยนกั๋วออกไปจากห้องจางเต๋ออู่ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “หาเฉาเสว่เฟยให้เจอ ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไร งานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ต้องทำให้สำเร็จ”
“ครับ”
จางเต๋ออู่ยกแก้วทิวลิปแชมเปญในมือขึ้น เหมือนกับคารวะอากาศ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและดื่มไวน์รวดเดียว “หวังว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างจะราบรื่น”
……
เมื่อหลี่โม่และกู้หยุนหลันกลับถึงบ้าน หวังฟางเชิดหน้าและจ้องเขม็งไปที่หลี่โม่
“หลี่โม่ แกช่วยทำอะไรที่จริงจังได้ไหม เอาแต่เกาะกู้หยุนหลันกิน แกไม่รู้สึกละอายบ้างเลยหรือ?”
“แม่ค่ะ หลี่โม่ช่วยงานฉันอยู่ ไม่ได้เกาะฉันกิน แม่อย่าพูดพล่อย ๆ”
หางตาของหวังฟางกระตุก “ดูสิยิ่งอยู่ลูกยิ่งปกป้องเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้ลูกไปหลงเสน่ห์อะไรเขา ถ้าเขาสามารถช่วยลูกได้ ลูกก็ให้เขาไปทำงานในบริษัท จะได้รับเงินเดือนอีกส่วน”
“เรื่องของบริษัทไม่ใช่ว่าแม่ไม่รู้ มีลุงใหญ่กับลุงรองอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้หลี่โม่เข้าไปทำงานที่บริษัท” กู้หยุนหลันอธิบายอย่างจำใจ
“งั้นก็ปล่อยให้เขากินฟรีอยู่ฟรีหรือ? ไอ้คนไร้ประโยชน์แกจะยืนอยู่ทำไม รีบหางานอะไรทำสิ จะกินฟรีอยู่ฟรีโดยไม่ทำงาน แกคิดว่าตนเองเป็นพี่ใหญ่หรือ?”
หวังฟางพูดไปด่าไป
หลี่โม่ยิ้มอย่างจำใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมทำอาหารให้กู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันถอนหายใจ และกำลังจะคุยดี ๆ กับหวังฟาง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
มองไปที่หน้าจอโทรศัพท์เห็นว่าชื่อเพื่อนร่วมชั้น เฉาเสว่เฟยเป็นคนโทรมา กู้หยุนหลันกดรับสายทันที “ฮาโหล เสว่เฟยคุณจะบอกให้ฉันไปร่วมงานหมั้นของคุณใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ กำหนดงานหมั้นของฉันกับเจียหมิงเป็นพรุ่งนี้ตอนเที่ยง ที่ชั้นสองของร้านอาหารทะเลอวี้กั่ง”
“ทำไมมันรีบร้อนนัก คราวที่แล้วบอกว่ายังอีกหลายวัน”
กู้หยุนหลันถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ เรื่องนี้ ครอบครัวเจียหมิงเร่งที่จะหมั้นหมาย พรุ่งนี้คุณต้องมาตรงเวลา ฉันไม่คุยกับคุณแล้วล่ะ จะรีบโทรแจ้งคนอื่นต่อไป”