จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 387
หัวหน้าหน่วยลับมองสมาชิกสองคนในทีมที่อยู่ไม่ไกลล้มลง เขาตกใจเล็กน้อย
“แอบซุ่มให้ดี อีกฝ่ายมีมือปืน ทีมหนึ่ง ทีมสองเตรียมตัวโจมตี”
“ทีมหนึ่งเตรียมพร้อมครับ”
“ทีมสองเตรียมพร้อมครับ”
หน่วยลับหนึ่งทีมมีสิบสองคน และมีทีมย่อยด้านการต่อสู้อีกสี่ทีม ทีมละสามคน
ทีมหนึ่งและทีมสองอยู่ตรงข้ามกับตำแหน่งของหลี่โม่พอดี ทั้งสองทีมอยู่ในมุมเก้าสิบองศา เป็นมุมที่สามารถเล็งกระสุนปิดตายได้เป็นอย่างดี
“โจมตี!”
ตึกๆๆๆ
เสียงเท้าดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทั้งสองทีมบุกเข้าไปตามทิศที่หลี่โม่ยิงกระสุนออกมาเมื่อครู่
หลี่โม่หลับตาฟังเสียงเท้า เขายกมือขวาขึ้นมายิงออกไป
ปังๆๆๆ
“อ๊าก”
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้น
สามคนในทีมย่อยทีมที่หนึ่ง มีสองคนถูกหลี่โม่ยิงเข้าที่หัว ส่วนอีกคนที่เหลือหลบได้ กระสุนเฉี่ยวหูของเขาไป จนทำให้หูฉีกออกมาครึ่งหนึ่ง
“ให้ตายเถอะ!”
สมาชิกหน่วยลับที่หูฉีกออกมาครึ่งหนึ่ง ยกปืนไรเฟิลขึ้นมากราดยิงมายังตำแหน่งของหลี่โม่ กระสุนสาดออกมาถูกกระจกรถขนสินค้าจนแตกละเอียด
หัวหน้าทีมต่อสู้ทีมสอง ส่งสัญญาณให้พุ่งเข้ามาและเข้าไปประจัญบานกับหลี่โม่
เมื่อได้ยินเสียงปืน พวกนักเลงเอามือจับหัวและนั่งยองลงข้างหลังรถขนสินค้าด้วยความตกใจ พวกเขาพูดในใจว่าไม่เอาอีกแล้ว ฉากในภาพยนตร์เกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้พวกขวัญอกสั่นขวัญแขวน
หลี่โม่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาขยับเข้าไปหาทีมต่อสู้ทีมสอง เขากลิ้งตัวผ่านช่องแคบระหว่างรถขนสินค้าสองคัน เขานอนราบกันพื้นและยิงใส่ทีมต่อสู้ทีมสอง
ปังๆๆๆ
หลี่โม่ยิงต่อเนื่องจนกระสุนหมดแม็ก
พวกทีมต่อสู้ทีมสองที่กำลังก้มตัวพุ่งเข้ามา คิดไม่ถึงว่าหลี่โม่จะยิงสกัดเอาไว้ พวกเขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ลูกกระสุนก็พุ่งเข้ามาแล้ว
สวบๆๆๆ
เสียงกระสุนทะลุเข้าไปในร่างกาย กระสุนทะลุเข้าไปที่หัวใจและหน้าผากของสมาชิกทั้งสามคน สามคนนั้นเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ตุ้บ
ทั้งสามคนล้มลงกับพื้น และนอนตายตาไม่หลับ เหมือนกำลังจะบอกว่าพวกเขายังอาฆาตแค้น
คนภายในทีมย่อยทั้งสองทีมเหลือเพียงคนที่หูขาดออกมาครึ่งหนึ่งเพียงคนเดียว เมื่อเขาเห็นทีมสองถูกฆ่าจนหมด จู่ๆ เขาก็กลัวขึ้นมา
“ซวยแล้วๆ”
คนที่หูขาดครึ่งหนึ่งสบถออกมา เขากำลังจะวิ่งหนีไปหาที่กำบัง
เมื่อหลี่โม่เปลี่ยนแม็กกาซีนปืนเสร็จ เขาเล็งไปที่ชายหูขาดครึ่งหนึ่งที่กำลังวิ่งหนี กระสุนที่ยิงออกมา
ปัง!
เมื่อเสียงปืนดังขึ้นข้างหลังหัวของชายหูขาดครึ่งหนึ่งเป็นรอยกระสุน เลือดสาดกระจายออกมา
เขายืนเซและหน้าคว่ำลงกับพื้น หลังจากที่ตัวของเขากระตุกสองที เขาก็สิ้นใจ
คนของหน่วยลับตายไปกว่าครึ่ง เหลืออยู่เพียงแค่สี่คนที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน
“หัวหน้า พวกเราจะทำยังไง ผมซุ่มอยู่นานก็ยังไม่เห็นเงาของอีกฝ่าย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”
“ระวังไว้ รอให้ผู้คุ้มกันมา เราสู้คนของพวกมันไม่ได้”
หัวหน้าทีมลับพูดออกมาอย่างจนปัญญา
ตอนนี้สถานการณ์รุนแรง หัวหน้าทีมตัดสินสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างดี อีกฝั่งสามารถฆ่าคนในหน่วยลับได้ทั้งหมด
“คนในหน่วยลับตายไปแล้วแปดคน ผู้คุ้มกันช่วยสั่งการด้วยครับ”
หัวหน้าหน่วยลับติดต่อผู้คุ้มกันผ่านเครื่องมือสื่อสาร
ผู้คุ้มกันที่กำลังรีบขับรถมา ได้ยินรายงานของหัวหน้าหน่วยลับ เขาโกรธจนแทบจะฆ่าคน
“พวกนายอย่าทำตัวไร้ประโยชน์ได้ไหม!”
“พวกเราพยายามเต็มที่แล้วครับ แต่อีกฝ่ายฝีมือดีมาก”
“โจมตีไปอีก ใช้อาวุธใหญ่ฆ่าให้ตาย!”
ผู้คุ้มกันพูดออกมาด้วยความเคียดแค้น
หัวหน้าหน่วยลับอึ้งไป จากนั้นจึงกัดฟันพูดออกมา “ครับ!”
“เตรียมระเบิดเกรเนด โจมตีให้หมด”
หัวหน้าหน่วยลับสั่งออกมาอย่างเฉยชา
สมาชิกในหน่วยลับหยิบเครื่องยิงระเบิดออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วติดตั้งไว้บนปืน เตรียมที่จะโจมตีด้วยระเบิด
หลี่โม่วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อหน่วยลับเดินออกจากที่ซ่อนและกำลังจะยิงระเบิด กระบอกปืนของหลี่โม่ก็เล็งไปที่พวกเขา
“ศัตรูจะโจมตี รีบยิงเร็วๆ”
หัวหน้าหน่วยลับหางตากระตุก เขาตวาดออกมาอย่างบ้าคลั่ง
สมาชิกในหน่วยลับปล่อยนิ้วออกจากเครื่องยิงระเบิด พวกเขากำลังจะสับไก แต่หลี่โม่ลั่นไกปืนออกมาอย่างต่อเนื่อง
ปังๆๆๆ
เสียงกระสุนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สมาชิกหน่วยลับที่เหลืออยู่สี่คนล้มลงกับพื้น
หลี่โม่ไม่ได้สนใจพวกหน่วยลับที่ตาย เขาหันหน้าขึ้นมองฟ้า
โดรนที่ลอยอยู่เหนืออากาศกว่าสามสิบเมตร หลี่โม่แสยะยิ้มออกมา เขาเล็งปืนยิงโดรนลำนั้น
ตู้ม
ประกายไฟเกิดขึ้นบนท้องฟ้า โดรนควันขึ้นและตกลงมา
เมื่อโดรนระเบิด ภาพบนหน้าจอในห้องทำงานชั้นสองที่อาหารทะเลอวี้กั่ง บิดเบี้ยวและก็มืดลง
“ให้ตายเถอะ!”
จางเต๋ออู่ผลักหน้าจอไปข้างหลังด้วยความโมโห หน้าจอหล่นลงบนพื้นจนแตกละเอียด
“ไอ้พวกกระจอก คนเยอะขนาดนั้นยังทำอะไรไอ้สวะนั่นไม่ได้ ไร้ค่าจริงๆ”
จางเต๋ออู่เดินวนไปวนมา จากนั้นจึงหันไปมองผู้คุ้มกันอีกสามคนที่อยู่มุมห้อง
“พวกแกไปจัดการหลี่โม่กับฉัน วันนี้มันต้องตาย!”
ผู้คุ้มกันทั้งสามคนเดินตาม จางเต๋ออู่ออกไปจากห้องทำงานอย่างเงียบๆ และขับรถมุ่งหน้าไปหาหลี่โม่
ผีใหญ่ที่อยู่ระหว่างทางได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสาร เขาขมวดคิ้ว เขารออยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ผีใหญ่รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
“ฉันคือผีใหญ่ ทราบแล้วเปลี่ยน!”
“ฮัลโหลๆ ได้ยินไหม พวกแกตายหมดแล้วหรือไง!”
ขณะที่ ผีใหญ่ กำลังคลั่ง เสียงของหลี่โม่ดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสาร “พวกมันตายหมดแล้ว พวกแกเป็นใคร ตอนนี้แกอยู่ไหน ฉันจะไปฆ่าพวกแก”
“ให้ตายเถอะ!”
ผีใหญ่สบถออกมา เขาเอามือทุบพวงมาลัยรถ “ฉันจะถึงที่นั่นในห้านาที แกมีปัญญาก็รอฉันที่นั่น!”
“ฉันกลัวว่าแกคนเดียวจะไม่ไหวน่ะสิ ฉันแนะนำให้แกพาคนมาด้วยก็ดี”
หลี่โม่พูดจบก็โยนเครื่องมือสื่อสารลงบนพื้น
ลูกน้องของฉู่จงเทียนไม่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก แต่ละคนต่างโผล่หัวออกมาดูข้างนอกอย่างกล้าๆ กลัวๆ
หลี่โม่ยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ เหมือนแสงเปล่งออกมา เขาเหมือนเทพลงมาจากสวรรค์
“โอ้พระเจ้า คุณหลี่เป็นเทพสังหารที่กลับมาเกิด แค่ปืนกระบอกเดียวทำให้คนสิบกว่าคนตายหมด”
“เทพสังหารไม่สามารถบรรยายความน่าเกรงขามของคุณหลี่ได้หรอก ฉันว่าคุณหลี่คือเทพสังหารที่ลงมาบนโลกมนุษย์ คนพวกนี้กล้ามาหาเรื่องคุณหลี่ รนหาที่ตายชัดๆ”
“โอ๊ยใจฉัน เมื่อกี้ฉันคิดว่าตัวเองจะต้องตายแล้ว ยังดีที่มีคุณหลี่อยู่ เป็นความโชคดีของพวกเราจริงๆ”