จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 39
บทที่ 39 กู้หยุนหลันถูกตี
ทุกคนสูดลมหายใจมวลอากาศเย็น!
เหมือน เหมือนมากจริงๆ!
แต่ จะเป็นไปได้เหรอ
เศษสวะหลี่โม่นั่น จะขึ้นโรลส์รอยซ์ไปได้ยังไง แถมยังทำให้เฝิงเหวินเตี่ยนปฏิบัติด้วยความเคารพขนาดนั้น
ทุกคนไม่พูดอะไรอีก สีหน้าหมองคล้ำหนัก
“หยุดพูดไร้สาระ! เขามันแค่ขยะ จะเป็นคุณชายหลี่ไปได้ยังไง!”
ซู๋เทียนไห่ตะคอกอย่างโกรธจัด คิ้วขมวดยุ่ง ในใจก็สงสัยอย่างมาก
ไม่น่าจะใช่หลี่โม่จริงๆ หรอก…
ไม่น่าเป็นไปได้
“ช่างเถอะ เรากลับไปกัน” ซู๋เทียนไห่บอกแล้วนำผู้คนกลับไป แต่เมื่อเดินไปสองก้าวแล้วยังคงหันมองกลับมา
จนกระทั่งโรลส์รอยซ์ออกจากที่จอดรถ เขาถึงได้ถอนหายใจโล่งอก แต่ความสงสัยในใจยิ่งทวีความรุนแรง
กลับไปทางฝั่งกู้ซิงเว๋ย เขารีบกลับไปที่ห้องประชุมเภสัชกรรมวินเซิง
ตอนนี้ในห้องประชุม ญาติพี่น้องตระกูลกู้ทุกคนอยู่ที่นี่ เพราะมันเป็นการร่วมมือที่สำคัญมาก ถ้ามีอะไรผิดพลาด เท่ากับสูญกำไรของหนึ่งปีไป
เวลานี้คุณท่านใหญ่ตระกูลกู้นั่งอยู่ในตำแหน่งกรรมการบริหารด้วยอารมณ์กระวนกระวาย
หรี่ตามองกู้ซิงเว๋ยกลับมาด้วยใบหน้าอมทุกข์ คิ้วขาวเลิกขึ้นและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“คุณปู่” กู้ซิงเว๋ยพูดพลางก้มหน้าต่ำ
เมื่อเห็นภาพนี้และเห็นว่าในมือเขาว่างเปล่า ปู่กู้ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ตวาดถามอย่างจริงจังว่า “แล้วสัญญาล่ะ แกคงจะไม่ไปทำให้ประธานหรุงโกรธหรอกใช่ไหม”
ทันทีที่คำพูดออกมา สายตาของญาติพี่น้องต่างตกลงมาที่ตัวกู้ซิงเว๋ย อย่างเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
โดยเฉพาพกู้เจี้ยนกั๋ว เขาเพิ่งจะอวดความสามารถของลูกชายตัวเองในห้องทำงานไป มาตอนนี้ ถ้าการร่วมมือถูกทำลายด้วยมือของกู้ซิงเว๋ย เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
“ซิงเว๋ย เกิดเรื่องอะไรกันแน่ แกพูดมาเร็ว ประธานหรุงว่ายังไง แล้วสัญญาล่ะ แกเก็บไว้ในรถเหรอ ลงไปเอามันขึ้นมาสิ!” กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยความร้อนใจมาก
“คุณปู่…”
ฟุ่บ!
กู้ซิงเว๋ยคุกเข่าลงกับพื้น พูดสะอึกสะอื้นกับปู่กู้ “หรุงปินเอาสัญญาผมกลับไป เขาบอก เขาบอกว่า…”
กู้ซิงเว๋ยเป็นแบบนี้ ไม้เท้าในมือของปู่กู้ก็เคาะกระเบื้องอย่างแรง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า “รีบพูด เขาบอกว่าอะไร!”
กู้ซิงเว๋ยหวาดกลัวลนลานละล่ำละลักว่า “เขาบอกว่าเขาต้องพิจารณาการร่วมมือกับตระกูลกู้ใหม่อีกครั้ง แล้วก็บอกว่า ที่อยากร่วมมือกับบริษัทรุงคาง ไม่ได้มีแค่ตระกูลกู้ที่เดียว”
ตึง!
ปู่กู้ตบลงบนโต๊ะอย่างแรง เป่าเคราตัวเองและชี้ไปที่กู้ซิงเว๋ย ตะคอกออกมาด้วยเสียงร้ายกาจ “ไอ้อกตัญญู! ไอ้สารเลว! แกไปทำเรื่องโง่อะไรกันแน่ ไม่อยากเชื่อเลยว่าหรุงปินจะพูดแบบนั้น! นี่มันธุรกิจหลายสิบล้านนะ ฉัน..ฉันจะตีแกให้ตาย!”
ด่าอย่างนั้นแล้วปู่กู้ก็ถือไม้เท้ากำลังจะวิ่งไป แต่กลับถูกหลายคนมาห้ามไว้
“คุณปู่ใจเย็นๆ เรื่องมันเกิดไปแล้ว เราต้องคิดหาทางออก”
“ใช่คุณปู่ อย่าโมโหเลย เดี๋ยวร่างกายจะแย่ คุณมีความดันโลหิตสูงอยู่นะ ไหนจะโรคหัวใจอีก โกรธไม่ได้นะ”
ปู่กู้หอบด้วยความโกรธจัด กลับมานั่งที่ตำแหน่งหัวโต๊ะอีกครั้ง จ้องกู้ซิงเว๋ยด้วยสายตาที่เย็นชาและตะคอกว่า “ยังไม่รีบบอกมาอีกว่าที่ไปพบหรุงปินน่ะเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น”
กู้ซิงเว๋ยตัวสั่นงันงกอย่างหวาดกลัว ดวงตาหลุกหลิกก่อนจะรีบพูดว่า “คุณปู่ ไม่ใช่ความผิดของผมนะ เป็นเพราะไอ้เวรหลี่โม่เรื่องถึงได้วุ่นวายแบบนี้”
หลี่โม่เหรอ
เครื่องหมายคำถามขึ้นบนใบหน้าของทุกคน ปู่กู้ก็ไม่เข้าใจอย่างมาก เรื่องนี้มันไปเกี่ยวกับหลี่โม่ได้ยังไง
“ใช่แล้วล่ะ เป็นเพราะเขา!” จากนั้นก็เอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเติมแต่ง “…ตอนที่ผมไป ก็เห็นหลี่โม่อยู่ที่นั่นแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะเราเอาตำแหน่งผู้รับผิดชอบของกู้หยุนหลันมา เธอก็เลยแค้น จึงให้หลี่โม่ไปเป่าหูหรุงปิน ไม่อย่างนั้นทำไมจู่ๆ หรุงปินก็เปลี่ยนความคิดล่ะ!”
“ดีๆๆ ดีมาก! หลี่โม่ กู้หยุนหลัน!”
ในตอนนี้ปู่กู้จัดการกับความโกรธแล้ว ทั้งใบหน้าเย็นชา พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ต่อสายออกไป ให้กู้หยุนหลันไสหัวเข้ามา! ยังมีอีก บอกหลี่โม่ให้ไสหัวเข้ามาด้วย! กลับหัวกลับหางจริงๆ ตัวเองเป็นหลานสาวกับหลานเขยตระกูลกู้แท้ๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะหักหลังตระกูลกู้ ไร้เหตุผลสิ้นดี!”
ในใจปู่กู้โกรธหนักจริงๆ
ทุกคนต่างถอนหายใจโล่งอก ตราบใดที่ไม่ใช่กู้ซิงเว๋ยก็พอแล้ว
ส่วนกู้หยุนหลันกับหลี่โม่ ทั้งหมดนั่นสมควรแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของปู่ กู้ซิงเว๋ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าก็มีแต่รอยยิ้มเยาะ
ฮ่าฮ่า กู้หยุนหลัน เธอจบแน่
ครั้งนี้ คุณปู่ต้องไล่เธอออกจากบริษัทอย่างแน่นอน
ส่วนหลี่โม่ ใครใช้ให้เมื่อครู่มึงมาหยิ่งผยองใส่กู ครั้งนี้มึงต้องได้ออกจากตระกูลกู้แน่นอน!
ปู่กู้มองกู้ซิงเว๋ยที่คุกเข่าอยู่กับพื้นแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “ลุกขึ้นไปยืนข้างๆ”
เขาเกลียดที่ไม่สามารถตีเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ ธุรกิจครอบครัวใหญ่โต สุดท้ายแล้วแน่นอนว่าต้องส่งมอบให้กู้ซิงเว๋ย
เขาไร้ความสามารถ แต่จะทำอย่างไรได้
ฮึ่ม เหมือนว่าจะต้องฝึกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
กู้ซิงเว๋ยยืนขึ้น ไปยืนข้างๆ อย่างเชื่อฟัง เวลานี้ ยิ่งเขาทำตัวดีเท่าไร ก็ยิ่งครองใจคุณปู่ได้มากเท่านั้น
ไม่นาน ที่บ้านกู้หยุนหลันก็ได้รับสายจากคุณปู่ ที่ปลายสายส่งเสียงตวาดอย่างโกรธจัด “กู้หยุนหลัน ไสหัวมาที่บริษัทเดี๋ยวนี้!”
ตื๊ด!
เมื่อพูดจบสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
กู้หยุนหลันอึ้ง หวังฟางที่ยังคงดูละครเกาหลีในห้องนั่งเล่น เวลานี้ถามออกมาอย่างสงสัย “มีเรื่องอะไร คุณปู่ต้องการพบแกเหรอ โทรมาโมโหหนักขนาดนั้น”
กู้หยุนหลันส่ายหน้า เป็นการบอกว่าไม่รู้ ลุกขึ้นไปจัดการตัวเองและเปลี่ยนชุดใหม่ ถือกระเป๋าแล้วเดินออกไป
ไม่นาน เธอก็รีบไปถึงบริษัท ทันทีที่เข้าไปในห้องประชุม ก็รู้สึกประหลาดใจกับบรรยากาศที่หดหู่และหนาวเย็นภายใน!
ทุกคนทั้งหมดล้วนสายตาเย็นชารุนแรง เยาะเย้ย และมองตนด้วยความโกรธ
กู้หยุนหลันก้าวเดินไป คิ้วก็ขมวดไป เหงื่อเย็นเม็ดละเอียดปรากฏขึ้นที่หน้าผาก หัวใจก็เริ่มเต้นเร็ว
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก มือขาวเนียนสวยถือกระเป๋าแน่น จากนั้นก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไปก้มหัวให้ปู่กู้และพูดว่า “คุณปู่เรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“คุกเข่าลง!”
ปู่กู้ตวาดด้วยความโกรธ เรียวคิ้วเย็นเยียบ บรรยากาศพาให้คนกลัว
กู้หยุนหลันชะงัก ไม่เข้าใจอย่างมาก
ขณะนั้นกู้ซิงเว๋ยที่อยู่ข้างๆ กระโดดออกมา ชี้กู้หยุนหลันและโหวกเหวกโวยวาย “บังอาจนัก! คุณปู่ให้คุกเข่า ทำไมเธอยังไม่ทำอีก”
กู้หยุนหลันขมวดคิ้วจ้องกู้ซิงเว๋ย “กู้ซิงเว๋ย นายมาพูดไม่ดีอะไรให้คุณปู่ฟังอีก”
“ฮ่าฮ่า พูดไม่ดีเหรอ คนทำเรื่องเลวร้ายน่ะมันตัวเธอเอง ทุกคนรู้หมดแล้ว! ดีนี่กู้หยุนหลัน คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ขายตระกูลกู้ ขายบริษัท เพื่อตำแหน่งผู้รับผิดชอบที่น่าสมเพชของเธอนั่นน่ะเหรอ”
กู้ซิงเว๋ยคิดคำพูดไว้อย่างดีก่อนแล้ว ได้โพล่งออกไปแบบนี้มันสดชื่นมาก
แน่นอนว่าทันทีที่เขาพูดออกมา ญาติพี่น้องตระกูลกู้ทุกคนในห้องประชุม ล้วนชี้เป้ากล่าวหากู้หยุนหลันอย่างรุนแรง ด้วยคำด่าและคำตำหนิทุกชนิด!
กู้หยุนหลันร้อนใจ เผชิญกับข้อกล่าวหาและการสาดน้ำสกปรกของผู้คนจำนวนมาก น้ำตาแห่งความคับข้องใจของเธอเต็มดวงตา
“ฉันไม่ได้ทำนะ พวกคุณอย่าพูดไร้สาระ ฉันไม่ได้หักหลังตระกูลกู้ ยิ่งไม่มีทางทรยศบริษัท” กู้หยุนหลันอธิบายอย่างสิ้นหวัง แต่เสียงที่อ่อนแอของเธอ จมอยู่ในการตำหนิที่กระตือรือร้นของกลุ่มคน
กู้หยุนหลันในเวลานี้ดูหมดหนทางและกลายเป็นเป้าหมาย
“คุกเข่าลง!”
ตอนนี้ปู่กู้ตวาดเสียงร้ายกาจ ทั้งหน้าแดงจัด ไม้เท้าในมือของเขาถูกยกขึ้นสูง แล้วตีไปที่น่องเรียวเล็กของกู้หยุนหลันอย่างแรง