จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 392
มาเพื่อมุ่งเป้าไปที่หลี่โม่อย่างที่คิด!
ในใจของฉู่จงเทียนประหลาดใจ สีหน้าเปลี่ยนมืดมนขึ้นมา “แบบนี้หรอกหรือ เช่นนั้นฉันต้องขอพิจารณาดูก่อน พิจารณาดีแล้วค่อยให้คำตอบกับคุณแล้วกัน”
“เหอๆ แน่นอนว่าจะต้องให้เวลาคุณฉู่ในการพิจารณา แต่ว่าคุณฉู่เวลาที่คุณพิจารณานั้นมีไม่มาก ก่อนเวลาเที่ยงตรงฉันหวังว่าจะได้รับคำตอบจากคุณ”
“ได้สิ”
ฉู่จงเทียนตอบอย่างเย็นชา ในใจคิดว่าตอบแกกับผีน่ะสิ รอให้ฟ้าสว่างแล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่โม่ ไม่มีทางรับปากเรื่องของพวกแก
คนที่อยู่ปลายสายเหมือนจะรู้ถึงความคิดของฉู่จงเทียน หัวเราะเยาะเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ในอีเมลของคุณมีอีเมลฉบับหนึ่ง วิดีโอในอีเมลคุณสามารถค่อยๆดูได้ หลังจากดูจบแล้วค่อยตัดสินใจ”
อีกฝ่ายตัดสายโทรศัพท์ไป คิ้วของฉู่จงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อย
“วิดีโอ? พวกนายจะถ่ายวิดีโออะไรได้ ดีหน่อยก็เป็นวิดีโอที่ฉันนอนกับผู้หญิง อย่างมากก็ให้พวกนายเผยแพร่ไปตามสบายก็ได้แล้ว”
ฉู่จงเทียนพึมพำประโยคหนึ่ง แต่ก็ยังใช้โทรศัพท์ลงชื่อเข้าใช้อีเมล
ในกล่องจดหมายมีอีเมลฉบับใหม่ล่าสุดอยู่ฉบับหนึ่งอย่างที่คิด ฉู่จงเทียนกดเปิดอีเมลดู อีเมลไม่มีเนื้อหาอะไร ในไฟล์แนบของอีเมลมีไฟล์วิดีโออยู่หนึ่งไฟล์
หลังจากฉู่จงเทียนดาวน์โหลดวิดีโอแล้วเปิดดู ก่อนหน้าที่วิดีโอจะเริ่มเล่นไม่กี่วินาทีเป็นห้องว่างโอ่โถงห้องหนึ่ง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นกล้องก็สั่นเล็กน้อย เริ่มต้นเคลื่อนไหว
ตามการขยับของกล้อง ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นกลางสายตาของฉู่จงเทียน
ลูกชายของฉู่จงเทียนถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ บนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล สีหน้าซีดขาวอย่างมาก
“ฉู่ นี่เป็นวิดีโอที่ถ่ายให้พ่อของนายดู นายยังไม่ยิ้มสักนิดอีก ทักทายพ่อของนายหน่อย บอกเขาถึงข้อเสนอของพวกเรา”
ลูกชายของฉู่จงเทียนเบ้ปากร้องไห้ขึ้นมา ตะโกนราวกับร่ำไห้ออกมาว่า “พ่อ ช่วยผมด้วย พ่อจะต้องช่วยผม ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องฆ่าผมแน่ รีบไปเรียกคนของหลี่โม่เข้าร่วมแข่งขันมวยดำสิ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทำให้ผมแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีแล้ว!”
“เห้ย แกพูดได้โหดร้ายไปแล้ว พวกเราไม่ได้ทำให้แกแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี แต่ใช้เลื่อยไฟฟ้าแยกส่วนแก”
“ฉันไม่เอา ฉันไม่อยากตาย ไม่อยากโดนเลื่อยไฟฟ้าแยกส่วน พ่อจะต้องคิดวิธีช่วยผมนะ พ่อมีผมเป็นลูกชายแค่คนเดียว พ่ออย่าได้ไม่สนใจผมนะ!”
วิดีโอจบลงเท่านี้ อารมณ์ของฉู่จงเทียนพลุ่งพล่านอย่างที่สุด พลิกผ้าห่มลงมาจากเตียง ด้านหนึ่งเดินวนไปวนมา ด้านหนึ่งหอบหายใจ
เรื่องที่ลูกชายถูกลักพาตัวไปใช้คุกคาม ทำให้ฉู่จงเทียนรู้สึกโมโหอย่างมาก
แต่พอคิดว่านั่นคือลูกชายแท้ๆของตนเอง ใจของฉู่จงเทียนก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่ชั่วขณะ
“จะทำอย่างไรดี? นี่มันล้วนเป็นพวกกลุ่มคนสารเลว! ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ก็ไม่ให้ลูกชายออกนอกประเทศแล้ว! ออกไปทำบ้าอะไร!”
ฉู่จงเทียนนั่งลงอย่างหงุดหงิด สองมือสอดเข้าไปจับฉันอย่างแรง
ลังเลอยู่นาน เรื่องนี้ยังคงต้องดูท่าทีของหลี่โม่
ถ้าหลี่โม่ไม่ยินดีที่จะเข้าร่วมแข่งขันมวยดำนานาชาติ ฉู่จงเทียนก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่นแล้ว
แต่ว่าจะติดวิธีอะไรได้?
ติดต่อหงเหมินทางด้านนั้น?
คาดว่านี่เป็นเรื่องที่หงเหมินก็ยังจัดการไม่ได้
ฉู่จงเทียนนอนลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิดใจ ในสมองคิดวุ่นวายจนถึงฟ้าสาง
ฟ้าเพิ่งจะสว่าง ฉู่จงเทียนกะดูว่าหลี่โม่น่าจะตื่นแล้ว ถึงได้คลำโทรศัพท์ออกมาโทรออกไปหาเบอร์โทรศัพท์หลี่โม่
หลี่โม่กำลังกินอาหารเช้าอยู่ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหลือบมองเล็กน้อยไปยังหน้าจอที่โทรเข้า
หน้าจอที่มีเบอร์โทรเข้าเป็นชื่อของฉู่จงเทียน คิ้วของหลี่โม่ขมวดขึ้นเล็กน้อย แล้วรับสายโทรศัพท์
“ฉู่จงเทียน มีเรื่องอะไร?”
“คุณหลี่ ฉันเจอปัญหาใหญ่แล้ว ต้องการการให้คุณหลี่ช่วยตัดสินใจ”
ฉู่จงเทียนเอ่ยพูดเสียงแหบ
“นายอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ข้างล่างบ้านคุณ”
“อีกสักครู่ฉันลงไป”
หลี่โม่วางสายโทรศัพท์ ในใจสงสัยว่าฉู่จงเทียนจะพบเจอปัญหาใหญ่อะไร หรือว่าจะมีคนแย่งเขตพื้นที่ของเขา?
หวังฟางจ้องหลี่โม่แวบหนึ่ง “นายจะออกไปกับเพื่อนเสเพลอีกแล้ว? นายก็เป็นพวกหลักลอยไม่มีงานทำคนหนึ่ง อย่ามาแสร้งทำเป็นคนใหญ่คนโตที่มีงานยุ่ง ทำตัวดีๆอยู่ที่บ้านทำงานบ้าน!”
“คุณแม่ หลี่โม่จะออกไปแน่นอนว่าจะต้องมีธุระ คุณแม่ก็อย่าได้ทำให้วุ่นวายมากเลย”
กู้หยุนหลันเอ่ยอธิบาย
“เขาจะมีธุระอะไรได้ คนไร้ค่าคนหนึ่งทั้งวันยังไม่อยู่บ้านอีก แต่ก่อนยังรู้จักทำงานบ้าน ตอนนี้ถูกเธอทำให้เคยตัวจนไม่เป็นอะไรแล้ว แม้แต่งานบ้านก็ไม่ทำแล้ว”
น้ำเสียงของหวังฟางยิ่งไม่พอใจ
หลี่โม่รีบกินข้าวด้วยความรวดเร็วสองคำ เอ่ยกับกู้หยุนหลันว่า “ที่รัก ฉู่จงเทียนเจอเรื่องราวนิดหน่อย ฉันลงไปดูก่อนว่าเขาเป็นอย่างไร คุณค่อยๆกิน รอสักพักฉันไปส่งคุณทำงาน”
“อืม คุณไปเถอะ”
หลี่โม่ลุกขึ้นจากไป หวังฟางถลึงตาใส่เงาหลังของหลี่โม่อย่างดุดัน
“หยุนหลัน เธอไม่รู้สึกว่าหลี่โม่ยิ่งนานยิ่งเกินไปหรือ เธอต้องสั่งสอนเขาให้ดี ให้เขารู้ว่าอะไรคือกฎเกณฑ์ ไม่อาจปล่อยเขาทำตามอำเภอใจไปเรื่อยๆ!” หวังฟางด่าทอประโยคหนึ่ง
“คุณแม่ หนูเข้าใจทั้งหมด คุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลใจแล้ว” กู้หยุนหลันตอบกลับ
หวังฟางถอนหายใจอย่างจนปัญญา รู้ว่าคำพูดของตัวเองกู้หยุนหลันฟังไม่เข้าหัวเลย
หลี่โม่ออกจากประตูตึกไป มองเห็นฉู่จงเทียนก้มหัวต่ำยืนอยู่ที่ข้างรถเมอร์เซเดสเบนซ์ ก็ก้าวเดินเข้าไปหาทันที
ฉู่จงเทียนเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา ราวกับมองเห็นญาติสนิทเช่นนั้น รีบเดินขึ้นหน้าไปจับมือของเขา
“คุณหลี่ ขอโทษด้วยจริงๆ เช้าตรู่ก็มารบกวนคุณ แต่ว่าฉันไม่มีวิธีแล้วจริงๆนะ”
ฉู่จงเทียนใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรนกังวลใจ ชายชาตรีแข็งแกร่งในอดีต ตอนนี้รอบดวงตาแดงก่ำ เห็นว่าน้ำตาเก่ากำลังจะไหลออกมาแล้ว
“ไม่ต้องรีบร้อน มีเรื่องอะไรนายก็ค่อยๆพูด”
หลี่โม่พูดอย่างนุ่มนวล ผ่อนควายอารมณ์เคร่งเครียดของฉู่จงเทียน
ฉู่จงเทียนสูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง ดึงประตูรถเบนซ์เปิดออกเอ่ยว่า “ขึ้นไปคุยบนรถเถอะ”
หลี่โม่พยักหน้า เข้าไปนั่งในรถเบนซ์
ฉู่จงเทียนตามเข้าไปบนรถ ควักโทรศัพท์ออกมาเปิดวิดีโอให้หลี่โม่ดูรอบหนึ่ง
หลี่โม่สีหน้าราบเรียบเอ่ยว่า “พวกเขาลักพาตัวลูกชายของนาย เพื่อที่จะให้ฉันเข้าร่วมแข่งขันมวยดำนานาชาติ?”
“ใช่แล้ว ตีสองกว่าฉันได้รับโทรศัพท์ทางไกล อีกฝ่ายบอกให้ฉันดำเนินการรับผิดชอบจัดการแข่งขันมวยดำนานาชาติ เงื่อนไขคือจำเป็นต้องให้คุณไปเข้าร่วมแข่งขัน ฉันกำลังครุ่นคิดว่าจะไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ ก็พูดตอบรับเรื่อยเปื่อยไปสองสามประโยค แต่ว่าต่อจากนั้นเขาก้บอกว่าส่งอีเมลให้ฉันฉบับหนึ่ง ให้ฉันเข้าไปดูวิดีโอในอีเมล ก็คือวิดีโอนี้”
“ฉันก็มีลูกชายคนนี้คนเดียว ปกติก็ตามใจจนเสียคนแล้ว เขาบอกว่าอยากจะไปเรียนที่ต่างประเทศฉันก็ส่งเขาไปแล้ว ใครจะรู้ว่าจะพบเจอกับเรื่องแบบนี้ ฉันก็รู้ว่าต่อสู้แข่งขันมวยดำนานาชาตินั้นอันตรายมาก ดังนั้น ดังนั้นก็ไม่กล้าร้องขอให้คุณจะต้องไปเข้าร่วม เพียงแต่ เพียงแต่หวังว่าคุณจะชกหรือไม่ชกก็บอกฉันสักคำ”
ในใจของฉู่จงเทียนกระวนกระวายเอ่ยพูด รอคอยเล็กน้อย แล้วยังมีสายตาที่เคร่งเครียดเล็กน้อยมองไปที่หลี่โม่
ถ้าหลี่โม่ยอมตกลง เช่นนั้นเรื่องทั้งหมดก็จัดการได้ง่ายแล้ว
หลี่โม่ไม่ได้ครุ่นคิดสักนิด เอ่ยอย่างไม่ลังเลว่า “ชก”