จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 402
หลังจากราชินีของสำนักหลงเหมินฟังจางเต๋ออู่เล่าถึงสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหม่นมืดลงไปเล็กน้อย
“แต่ก็เป็นเจ้าแปดเพียงคนเดียวเท่านั้น” พวกของราชาใหญ่ทั้งหมดสนับสนุนฉันอยู่ ด้วยการสนับสนุนของเจ้าแปด หลี่โม่ไม่สามารถพลิกเอาชนะคลื่นลมใดๆได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นมีคนกำลังจะลงมือกับหลี่โม่แล้ว สิ่งที่พวกเราต้องทำคือค้นหากุญแจลับนี้ให้เจอโดยเร็วที่สุด”
หลังจากพูดจบแล้วราชินีก็ดื่มไวน์แดงลงไปเล็กน้อยและฟื้นกลับมามีท่าทางงามสง่าดังเดิม
“มีคนจัดการกับเขาแล้ว?”
ในดวงตาของจางเต๋ออู่มีประกายตื่นเต้นฉายวาบ ขอเพียงมีคนฆ่าหลี่โม่ได้ มันเพียงพอแล้วสำหรับจางเต๋ออู่
“ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่นานหลี่โม่ได้โละทิ้งผลิตภัณฑ์ตัวอย่างที่คนเหล่านั้นได้ข้ามน้ำข้ามมหาสมุทรทำอออกมา มันคือพันธุกรรมดัดแปลงที่ประสบความสำเร็จในขั้นที่ 1 ถึงแม้ว่าจะเป็นการดัดแปลงยีนส่วนเล็กๆเท่านั้น แต่สำหรับพวกเขาเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มาก”
“ถูกหลี่โม่โละทิ้งไปแล้วงั้นเหรอ? ได้ยินว่ามาหลังจากที่หมอนั่นดัดแปลงพันธุกรรมแล้ว ร่างกายมีความแข็งแกร่งอย่างมาก”
จางเต๋ออู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยทั้งยังรู้สึกยินดีอยู่บ้าง
ยินดีที่เวลาช่วงสุดท้ายนั้นเขาไม่ได้ไปปะทะกับหลี่โม่ ไม่อย่างนั้น น่ากลัวว่าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“วิทยาสาสตร์เส็งเคร็ง การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมเป็นเพียงแค่เสือกระดาษเท่านั้น ทางที่พวกเขาเลือกมันไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน”
ราชินีของสำนักหลงเหมินส่ายหัวขณะที่พูด
จางเต๋ออู่เงียบไปสักพักแล้วมองราชินีอย่างประหลาดใจ “ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็ฆ่าหลี่โม่ไม่ได้แล้วน่ะสิแล้วน่ะสิ?”
“จะฆ่าไม่ได้ได้อย่างไร มดจำนวนมากยังฆ่าช้างได้เลย ถึงแม้ว่าหลี่โม่จะแข็งแกร่งแต่ก็ยังต้องอาศัยอำนาจการช่วยเหลือของผู้อื่นอยู่ คนฝรั่งพวกนั้นต่างก็รำคาญหลี่โม่ จึงได้ใช้การแข่งมวยดำมาทดสอบหลี่โม่”
“การแข่งขันชกมวยดำ? นั่นมันคือการแข่งขันที่โหดร้ายมากเลยนะ การแข่งขันทุกจะต้องมีคนตายจำนวนหลายสิบคนไปจนถึงร้อยคน”
จางเต๋ออู่มีความปรารถนาอยู่ลางๆว่าต้องการจองที่นั่งห้องส่วนตัวของการแข่งมวยดำ ถ้าหากสามารถมองเห็นหลี่โม่ถูกเหยียดหยามบนเวทีมวยได้ มันจะต้องเป็นความรู้สึกที่ดีมาก
“เหอๆ ต่อจากนี้จะทำอะไรก็ใช้สมองด้วยล่ะ ถึงยังไงเขาก็เป็นนายน้อยแห่งสำนักหลงเหมิน ถ้าหากพวกเราลงมือฆ่าเขามันจะเป็นรอยด่างพร้อยแล้วจะต้องมีคนตั้งใจมาเอาเปรียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่พวกเราจะต้องทำคือยืมมือบุคคลที่สาม ขอเพียงช่วยเขาสร้างศัตรูไม่หยุดก็พอ”
น้ำเสียงของราชินีสงบนิ่งอย่างมาก แต่คำที่พูดออกมาทำให้คนเย็นวาบไปทั้งตัว
จางเต๋ออู่อารมณ์ดีขึ้นมาก เขาใช้สองมือยกเท้าของราชินีขึ้นมาวางบนหัวเข่าของตนเอง จากนั้นจึงนวดให้กับราชินีเบาๆ
ราชินีของสำนักหลงเหมินหรี่ตาอย่างพึงพอใจแล้วดื่มไวน์แดงด้วยความรู้สึกสบายตัว
……
ท่านแปดรับสายแล้วจึงได้รู้ว่าราชินีของสำนักหลงเหมินได้ออกจากสำนักมาแล้ว และมุ่งหน้ามาที่เมืองฮ่าน ท่านแปดรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย
“ท่านแปด จางเต๋ออู่กลับมาอยู่ข้างกายพร้อมราชินีแล้ว ครั้งนี้พวกเขามาด้วยกันครับ”
ผู้ช่วยโค้งคำนับแล้วรายงาน
“ให้ตายเถอะ ไอ้สารเลวคนนี้จะต้องคอยสุมไฟให้กับราชินีอย่างแน่นอน! ฉันไม่ควรจะมาเกลือกกลั้วกับคนชั่วเลย ตอนนี้ตัวเองถึงได้ตกอยู่ในโคลนตม โชคร้ายจริงๆ”
ท่านแปดจับผมด้วยมือทั้งสองข้าง หลังจากหงุดหงิดอยู่นาน ก็คิดว่าเขาต้องไปพบหลี่โม่
ท้ายที่สุดแล้วชีวิตน้อยๆก็อยู่ในมือของหลี่โม่ ถ้าหากสื่อสารกับหลี่โม่ได้ดีจะได้ร่วมกันรับมือกับการมาถึงของราชินีของสำนักหลงเหมิน
“เตรียมรถ ไปพบหลี่โม่”
ท่านแปดพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ครับ”
ผู้ช่วยจัดการเตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว แล้วขบวนรถของท่านแปดก็ขับออกจากวิลล่าเข้าไปในเขตของตัวเมือง
ขณะที่ท่านแปดนั่งอยู่ในรถเบนซ์กันกระสุน เขาได้หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วต่อสายไปหาหลี่โม่ “นายน้อย ผมเจ้าแปดนะครับ”
“อืม มีเรื่องอะไรเหรอ?”
หลี่โม่ถามเสียงเรียบ
“ผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับท่านครับ ตามที่ผมได้รับรายงานทางด้านนี้ ราชินีของสำนักหลงเหมินได้ออกเดินทางแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาถึงเมืองฮ่าน แต่ผมคิดว่าเธอจะไม่มาพบท่านทันที”
ท่านแปดกล่าวด้วยความเคารพ
หลี่โม่คิ้วขมวด คิดไม่ถึงว่าราชินีจะมาถึงล่วงหน้า
“คุณคิดว่าเธอจะไปพบคุณก่อนงั้นเหรอ?”
“น่าจะเป็นแบบนั้น ไอ้คนสารเลวจางเต๋ออู่หนีกลับไปแล้วและครั้งนี้ราชินีกลับมาพร้อมกับมันด้วย ผมเดาได้เลยว่าเขาจะต้องพูดไม่ดีเกี่ยวกับผมอย่างมาก ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ไม่ว่าราชินีจะเรียกผมเข้าพบหรือไม่ก็ตาม ผมจะต้องไปเจอเธอก่อน”
ท่านแปดบอกถึงสถานการณ์และบอกตามความจริงกับหลี่โม่ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลี่โม่เข้าใจผิดว่าเขากับราชินีสมรู้ร่วมคิดกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วหลี่โม่ไม่ให้ยาแก้พิษแก่เขา มันจะต้องจบเห่แล้วจริงๆ
หลี่โม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาลูบคางแล้วพูดว่า “ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย คุณว่าเพราะอะไรราชินีสำนักหลงเหมินจะต้องเดินทางมาไกลขนาดนั้นเพื่อมาพบผม เธอแทบจะรอให้ผมตายทันทีแทบไม่ไม่ไหวอยู่แล้วถึงจะถูก”
“เรื่องนี้ ”
ท่านแปดพึมพำอย่างลังเลชั่วขณะ แล้วพูดอย่างลึกลับว่า “ผมได้ยินเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับตำนานเล่าขาน ก่อนเล่าไม่รับประกันว่าจริงนะครับ ตำนานนี้บอกว่าในมือของท่านมีกุญแจลับของกรุมหาสมบัติของสมบัติหลงเหมินผมเดาว่าเพราะเหตุผลนี้ ราชินีถึงยังไม่ลงมือจัดการกับคุณโดยตรง “
“กุญแจลับ?!”
หลี่โม่รู้สึกประหลาดใจทั้งยังรู้สึกสงสัยด้วยว่า ในตอนที่เขาถูกขับไล่ออกมาจากสำนัก นอกจากเสื้อผ้าบนตัวแล้วก็ไม่มีอะไรเลย
แล้วจะมีกุญแจลับของสำนักได้ยังไงกัน
ตำนานนี้มันผิดเพี้ยนไปมากจริงๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าใครมันเป็นคนแต่ง หลี่โม่แอบว่าร้ายอยู่ในใจ
ดวงตาขอท่านแปดกลอกไปมา จากน้ำเสียงของหลี่โม่ฟังออกได้ว่าหลี่โม่เองก็ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของกุญแจลับ
“นายน้อยครับ ผมเดาว่าราชินีจะต้องพยายามพูดเปรียบเปรยไปจนถึงเรื่องกุญแจลับอย่างแน่นอน คุณจะต้องแสร้งไม่รู้เรื่องหรือไม่เข้าใจนะครับ”
ท่านแปดเสนอความคิดต่อหลี่โม่
หลี่โม่ยิ้มแล้วพูดเรียบๆว่า ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ คุณไม่ต้องมาแล้ว พรุ่งนี้คุณตรงไปพบราชินีเลย”
“อ้ะ?”
ท่านแปดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่ต้องไปพบคุณจริงๆเหรอครับ ผมคิดว่ามีบางอย่างที่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน”
“พูดชัดเจนมากพอแล้วล่ะ คุณไม่ต้องคิดมาก”
“ครับ ครับ”
ท่านแปดไม่กล้าพูดอะไรอีก ตอนนี้หลี่โม่จะพูดอะไรก็ว่าตามนั้น ด้วยเหตุนี้ท่านแปดจึงให้ทั้งทีมหันกลับไป
หลี่โม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วต่อสายหาเฉียนฝู
“เมื่อสักครู่นี้เจ้าแปดบอกกับผมว่าราชินีของสำนักหลงเหมินออกเดินทางมาแล้วครับ”
เฉียนฝูประหลาดใจเล็กน้อย “งั้นเหรอ? ฉันอยู่ทางด้านนี้ไม่ได้รับข่าวอะไรเลย ให้ตายสิ คนที่แทรกตัวเข้าไปอยู่ข้างกายราชินีจะไม่ถูกพบหรอกนะ!”
“ตอนนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญแล้วล่ะครับ เจ้าแปดเล่าตำนานเรื่องหนึ่งว่า กุญแจลับของสำนักอยู่กับผม ทำไมผมถึงไม่รู้เลยว่าสำนักหลงเหมินมีกุญแจลับอยู่?”
หลี่โม่ถามพลางลูบคางของเขา
เฉียนฝูเงียบงันไปชั่วขณะ จากนั้นจึงพูดว่า “กุญแจเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจแห่งสำนักหลงเหมิน มีเพียงหลงจวูนในอดีตเท่านั้นถึงจะครอบครองมันได้ ภายในสำนักหลงเหมินมีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า กุญแจลับจะอยู่ในมือของนายน้อยของสำนักซึ่งก็คือคุณ”
“ยังมีตำนานแบบนี้อยู่อีกเหรอ? แล้วผมจะมีกุญแจลับของสำนักได้ยังไงกันล่ะ ตอนผมถูกไล่ออกจากสำนัก ก็มีเสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้นเอง”
“ผมเองก็ไม่แน่ใจนัก ตำนานนี้เพิ่งแพร่กระจายออกมาไม่นานนี้เอง โดยเฉพาะแหล่งที่มาว่ามาได้อย่างไรผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัด ไม่รู้ว่าเป็นแผนร้ายที่ราชินีสร้างขึ้นหรือเปล่า?”
เฉียนฝูพูดอย่างปวดหัว
“ดูเหมือนว่าคุณเองก็ไม่รู้สินะ ถ้าอย่างนั้นมีแค่ไปพบราชินีแล้วค่อยว่ากัน ช่วงนี้คุณระวังตัวหน่อยนะ”