จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 411
“หลง เฮียหลงล่ะ!”
บริกรสุดหล่อเอามือปิดแก้มแล้วทรุดตัวลงทันที คนทั้งคนก็รู้สึกแย่ทันที นี่คือจังหวะที่ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ภาคภูมิใจของเขาถูกกระทำให้พังยับเยิน!
“หน้าผม คุณกลับทำให้หน้าผมพัง!”
หลี่โม่หัวเราะอย่างเย็นชาและยกมือชกต่อไป ชกอย่างแรงบนใบหน้าอีกฟากหนึ่งของบริกรรูปหล่อ
แก๊กๆ!
เสียงกระดูกแตกดังขึ้น โหนกแก้มกระดูกอีกข้างของหนึ่งของบริกรสุดหล่อก็ถูกทุบให้แตก แก้มทั้งสองข้างก็ทรุดลง มันดูไม่หล่ออีกต่อไป แต่ดูแล้วค่อนข้างแปลกประหลาด
ตามมาติดๆ หลี่โม่ชกไปที่กรามล่างของบริกรหล่อเหลาทันทีด้วยหมัดสอยดาว บริกรหล่อเหลาถูกต่อยจนลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง
โหนกแก้มและกระดูกกรามล่างของบริกรหล่อเหลาแตกหักจนหมด นอนราบกับพื้นดูน่าสังเวช น้ำตาไหลไม่หยุด และเอามือทั้งสองข้างแตะใบหน้าที่เสียโฉมเบาๆ ร้องไห้อย่างเศร้าสร้อยมากขึ้นเรื่อยๆ
หัวหน้าจางดูแล้วขนลุกซู่ เขาก็ตกใจกับความดุร้ายของหลี่โม่ แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่พนักงานเสิร์ฟหล่อเหลาได้ทำลงไป หัวหน้าจางก็รู้สึกว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ
หากมีใครกล้าทำเช่นนี้กับตัวเอง หัวหน้าจางก็จะจับเขาและชกให้ตายอย่างแน่นอน
ผู้จัดการร้านกาแฟเดินออกมาด้วยขาที่สั่นเทา มองดูใบหน้าบริกรหล่อเหลาในท่าทางที่สาหัส ผู้จัดการรู้สึกเคร่งเครียดทันที
“พวกคุณสองคน ทำไมพวกคุณถึงชกต่อยเฉินฟู่ล่ะ เรื่องนี้อย่างน้อยก็ต้องมีคำอธิบายหน่อยไหม”
ผู้จัดการร้านรวบรวมความกล้าแล้วพูด
หัวหน้าจางแสดงข้อมูลประจำตัวของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “เขาเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากร และเรากำลังดำเนินการกับคดีนี้”
ผู้จัดการร้านอึ้งไปครู่หนึ่ง พยักหน้าและถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
คำด่าแม่มึงสินับไม่ถ้วนลอยอยู่ในใจของผู้จัดการร้าน เหลือบมองเฉินฟู่อย่างโมโหและตะโกนอย่างดุเดือด “เฉินฟู่ คุณยังไปข้องเกี่ยวกับไอ้พวกอันธพาล ผมตาบอดไปแล้วที่จ้างบริกรอย่างคุณ ต่อจากนี้คุณถูกไล่ออกจากร้านแล้ว..”
“ทั้งสองจัดการกับคดีนี้ตามสบายเลย ต้องการให้ผมจัดสถานที่สำหรับทั้งสองหรือไม่ พวกคุณสามารถกินและดื่มอะไรก็ได้ตามต้องการ และร้านก็จัดให้ฟรี แต่ร้านเราก็ไม่ได้สนิทกับเฉินฟู่มากนัก ไม่รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับพวกอันธพาล”
หัวหน้าจางเหลือบมองหลี่โม่ จะจัดการยังไงก็ขึ้นอยู่กับหลี่โม่
ใบหน้าหลี่โม่เย็นชา เดินไปที่ด้านข้างของเฉินฟู่”ถ้าคุณไม่พอใจอะไร คุณก็มากระทำใส่ผม จ้างคนไปจัดการกับภรรยาของผม นี่เป็นทางเลือกที่แย่ที่สุดที่คุณเลือกทำ
“ผม ผมผิดไปแล้ว ไม่กล้าทำอีกแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ คุณถือซะว่าผมเป็นแค่ตดที่ได้ตดออกไปแล้วเถอะ”
เฉินฟู่อ้อนวอนขอความเมตตาด้วยความกลัว แต่ในใจเกลียดหลี่โม่มาก
“ฮ่าๆ เซอร์ไพรส์ที่จะให้คุณยังไม่จบ”
หลังจากที่หลี่โม่พูดจบ เขาก็เหยียบต้นขาของเฉินฟู่
แก๊กๆ
เสียงแตกหักของกระดูกต้นขาของเฉินฟู่ดังขึ้น และหลี่โม่ก็เหยียบต้นขาอีกข้างและสองแขนของเฉินฟู่ในทันที ในเวลาเพียงชั่วพริบตา แขนขาทั้งสี่ของเฉินฟู่ก็โดนหลี่โม่หักจนหมด
ผู้จัดการร้านดูจนตากระตุกไม่หยุด ก้มหน้าลงแรงๆ ราวกับว่าเขาพยายามยัดหัวเข้าไปในอก
มันน่ากลัวเกินไปแล้ว เฉินฟู่คนนี้ก็นะ เที่ยวสาวหน่อยก็พอแล้ว โดนคนอื่นเปิดโปงก็ช่างมันแล้ว ยังจะไปทำอะไรที่ไม่ควรอีก
คราวนี้ เจอคนจริงแล้วล่ะสิ ถูกคนอื่นชกจนจะกลายเป็นอัมพาตละ
เฉินฟู่ร้องอย่างเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลิ้งไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่ทุกครั้งที่เขากลิ้ง มันจะทำให้กระดูกที่หักนั้นเจ็บปวดมากขึ้น หลังจากกลิ้งไปสองสามรอบ เฉินฟู่ก็หมดสติไปด้วยความเจ็บปวด
“ฝากคุณจัดการนะ”
หลี่โม่ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ แล้วหันหลังออกจากร้านกาแฟ
หัวหน้าจางเกาหัวและยิ้มอย่างขมขื่น เฉินฟู่สาหัสถึงขั้นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะกักขังเขาแล้วมาสอบสวน ตามหลักมนุษยธรรมแล้ว ต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
หยิบวอล์คกี้ ทอล์คกี้ออกมาและเรียกหน่วยลาดตระเวนสองคนกลับมา หัวหน้าจางสั่งให้คนของเขาส่งเฉินฟู่ไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา เมื่ออาการบาดเจ็บดีขึ้น จึงจะพาเขากลับไปสอบปากคำ
หลี่โม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขโทรหากู้หยุนหลัน ในไม่ช้ากู้หยุนหลันก็ลงลิฟต์และเห็นว่าหลี่โม่กลับมาอย่างปลอดภัย กู้หยุนหลันกอดหลี่โม่แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง
หลี่โม่ลูบหลังกู้หยุนหลันเบาๆ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเป็นห่วงผมอยู่ตลอดใช่ไหม จัดการเสร็จหมดแล้ว ผมให้หัวหน้าจางช่วยจัดการเรื่องนี้ และผมไม่ได้ทำอะไรมากเลย”
กู้หยุนหลันรู้ว่าหลี่โม่พูดเช่นนี้เพื่อให้เธอสบายใจ จึงไม่ได้แฉคำโกหกของหลี่โม่ แต่มีคลื่นแห่งความอบอุ่นอยู่ในหัวใจของเธอ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะเขย่งปลายเท้าของเธอและจูบริมฝีปากของหลี่โม่เบาๆ
เมื่อหลี่โม่กำลังจะตอบกลับอย่างดุเดือด กู้หยุนหลันก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างเขินอาย “ไม่มีอะไรแล้วเราก็กลับกันเถอะ”
“ได้”
จับมือกู้หยุนหลัน หลี่โม่และกู้หยุนหลันเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกัน
…
ฉู่จงเทียนยืนอยู่ในอาคารผู้โดยสารสนามบินอย่างประหม่าเล็กน้อย และลูกน้องของเขาถือป้ายที่เป็นภาษาอังกฤษเพื่อต้อนรับคุณแคลตี้อยู่ข้างหลัง
“ท่านเทียน เที่ยวบินระหว่างประเทศได้ลงจอดแล้ว คุณแคลตี้จะออกในไม่ช้า คราวนี้เราสามารถเป็นเจ้าภาพการแข่งมวยดำระดับนานาชาติได้จริงหรือ? ถ้าได้จริง งั้นพวกเราก็รวยแน่”
ลูกน้องพูดอย่างค่อนข้างตื่นเต้น สามารถเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งมวยดำระดับนานาชาติได้ เป็นเรื่องที่มีแค่อันเดียวในประเทศเท่านั้น หากทำได้ดี ชื่อเสียงและสถานะจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฉู่จงเทียนยิ้มอย่างขมขื่น ความเจ็บปวดในใจของเขาไม่สามารถพูดให้กับลูกน้องของเขาได้เลย และเขาทำได้เพียงแบกรับไว้อย่างเงียบๆ
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระอีก! เดี๋ยวยืนฟังก็พอ ถ้าใครกล้าพูดมากอีก อย่าโทษผมฉู่จงเทียนที่ไร้ความปราณี”
เมื่อเหล่าลูกน้องมองไปที่ใบหน้าจริงจังเคร่งขรึมของฉู่จงเทียน ต่างก็ก้มหน้าลงและหุบปาก
ไม่นานก็มีกลุ่มคนออกมา ในหมู่พวกเขามีสามคนที่มีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า ในนั้นมีเชื้อสายจีนที่ติดตามทั้งสามคน ซึ่งดูเหมือนจะทำหน้าที่เป็นล่าม
เมื่อเห็นป้ายที่ลูกน้องของฉู่จงเทียนถืออยู่ ชาวจีนวิ่งเหยาะๆก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว และพูดด้วยความดูถูกในสายตาของเขาว่า “ใครในพวกคุณคือฉู่จงเทียน? คุณแคลตี้มาแล้ว พวกคุณต้อนรับแบบนี้เหรอ?”
“ผมคือฉู่จงเทียน ผมมาต้อนรับเขาคือการให้หน้าเขา”
ฉู่จงเทียนกล่าวอย่างเย็นชา
คนจีนจ้องมองฉู่จงเทียนและกำลังจะตะคอกใส่เขา แคลตี้ยิ้มแล้วเดินเข้ามาแล้ว “โอ้ คุณคือฉู่? เหมือนในรูปเลย”
“สวัสดีคุณแคลตี้ ผมได้จัดอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ไปทานอาหารกันก่อนเถอะ”
หลังจากที่ฉู่จงเทียนพูดคำพูดที่เป็นพิธีรีตองเสร็จ ล่ามที่จ้างมาด้วยค่าตอบแทนสูงข้างๆแคลตี้ก็เริ่มถ่ายทอดความหมายของฉู่จงเทียนให้กับเขา
” NONONO ”
แคลตี้ส่ายหัวและพูดประโยคยาว ฉู่จงเทียนฟังแล้วรู้สึกสับสนเล็กน้อย หันไปมองที่ล่าม
“คุณแคลตี้บอกว่า งานเลี้ยงอาหารกลางวันใช้เวลานานเกินไป ดังนั้นไม่ต้องไปทำกิจกรรมที่น่าเบื่อเหล่านั้นเลย แค่กินแฮมเบอร์เกอร์แล้วเริ่มธุระได้เลย” ฉู่จงเทียนผงะไปครู่หนึ่ง แฮมเบอร์เกอร์เหรอ เมื่อเทียบกับอาหารรสเลิศ เทียบไม่ติดแม้แต่น้อย
แต่เนื่องจากแคลตี้ต้องการกินแฮมเบอร์เกอร์ ฉู่จงเทียนก็วางแผนที่จะทำตามความปรารถนาของเขา รีบทำธุระให้เสร็จแล้วส่งแคลตี้กลับ “ได้ รถพร้อมแล้ว ไปกินแฮมเบอร์เกอร์กันก่อนค่อยคุยเรื่องธุระกัน”