จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 461
“เรื่องนี้ยังไงก็ไม่มีทางแก้ หรือบางทีเขาอาจจะรู้วิธีต่อสู้จริงๆ ดูเหมือนบรูซ ลีที่ส่งเสียงฮู้ฮ้าออกมา”
แคลตี้ไม่สามารถอธิบายการตายของนู่หลั่งได้ จึงพูดปัดไปว่าหลี่โม่มีความสามารถด้านการต่อสู้
“ดังนั้นต้องตรวจสอบสิ่งที่ฉู่จงเทียนพูด ถ้ามีอยู่จริง นายคิดดูสิ ถ้ามีคนเก่งกว่าหลี่โม่แปดพันคนมารวมตัวกัน พละกำลังของพวกเขาจะมหาศาลแค่ไหน แม้แต่บอสของเราก็ไม่กล้าแตะต้อง!”
ทอมป์สันพูดด้วยความหงุดหงิดจนจบ เหงื่อไหลออกจากหน้าผากของแคลตี้เป็นจำนวนมาก เขารู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองประมาทไป
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะจัดคนไปตรวจสอบ น่าจะได้อะไรที่ทำให้ชัดเจนขึ้น”
แคลตี้พูดจบก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรสั่งให้คนไปตรวจสอบตามที่ฉู่จงเทียนพูด
ทอมป์สันหลุบตาลงแล้วถามว่า “เฉินฟู่ล่ะ น่าจะส่งตัวไปถึงห้องปฏิบัติการแล้วใช่ไหม”
“ถึงแล้วครับ แต่ฉันยังไม่รู้สถานการณ์โดยรวม”
“แค่นั้นก็พอแล้ว ภารกิจของเราคือเอาตัวอย่างเลือดของหลี่โม่ ฉันว่าเราไม่น่าจะหวังอะไรได้จากการแข่งมวยดำ นายลองคิดดูสิว่ามีวิธีอื่นไหม”
ทอมป์สันไม่รู้ว่าจะจัดการกับหลี่โม่อย่างไรดี หลี่โม่ฝีมือเก่งกาจ คนมหาศาลแหลกคามือหลี่โม่ ทอมป์สันไม่อยากเสี่ยงอันตรายต่อไป ถ้าขืนรู้ว่าเขาเป็นคนบงการ เขากลัวว่าหลี่โม่จะบุกเข้ามาฆ่าเขา
“วิธีอื่นมันก็มี กลยุทธ์สาวงามเป็นไง พวกเราสามารถหาสายลับสาวสวยที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อทำสิ่งนี้”
แคลตี้คิดว่าการใช้สาวงามมาล่อหลี่โม่ เป็นเรื่องที่เข้าท่า โดยเฉพาะสาวผิวขาว ผมบลอนด์ที่เป็นชาวต่างชาติ จะต้องยั่วยวนความต้องการของหลี่โม่ได้แน่ เมื่อเลือดมันร้อนขึ้นหัว เขาต้องโดนสายลับสาวสวยจัดการได้อย่างแน่นอน
“อืม เป็นวิธีที่ดี ฉันว่าสาวงามที่กอดหลี่โม่เมื่อกี้ไม่ใช่ภรรยาของมัน มันน่าจะเป็นคุณชายเพลย์บอย” ทอมป์สันพยักหน้าพูดวิเคราะห์ออกมา
ยิ่งวิเคราะห์ทอมป์สันก็ยิ่งว่ามันเหมาะสม ใช้สาวงามจัดการผู้ชาย คงจะมีผู้ชายแค่ไม่กี่คนที่สามารถหลบเลี่ยงได้
“ทางที่ดีหาสาวงามที่ตรงกับรสนิยมของหลี่โม่ อย่าเลือกเอาแต่คนที่นายชอบ รสนิยมของแต่ละคนแตกต่างกันมาก”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะใช้รสนิยมแบบตะวันออกมาเลือกและจะถูกตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ”
“รีบไปจัดการซะ”
ทอมป์สันโบกมือไปมา เขารู้สึกเหนื่อยใจมาก เดิมทีคิดว่าจะทำภารกิจสำเร็จอย่างง่ายดาย แต่ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่รับมือยาก
คางเหวินซิงขับรถเบนซ์ไปบนถนนอย่างมั่นคง เขาไม่กล้าหันไปมองด้านข้าง เพราะสายตาของหลี่โม่เย็นชาเป็นอย่างมาก
เฉินเสี่ยวถงที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง มองหลี่โม่ด้วยแววตาน้อยใจและน่าสงสาร “นายอย่าโกรธสิ ที่ฉันให้คางเหวินซิงเรียกว่าอาจารย์หญิงแค่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ต่อไปฉันจะไม่ให้เขาเรียกแบบนั้นอีก”
“เธอบอกมาสิว่าเธอคิดยังไง ฉันรู้สึกว่าเธอคิดไม่ดีกับฉันมาตลอด บอกมาสิว่าเธอชอบฉันตรงไหน ฉันจะเปลี่ยนมันตอนนี้เลย”
หลี่โม่พูดออกมาอย่างเย็นชา
“ฉัน ฉันรู้สึกว่าตอนอยู่กับนายมันอบอุ่นมาก รู้สึกเหมือนอยู่กับพ่ออะไรทำนองนั้น ความรู้สึกตอนที่พ่อกอดฉันตอนเด็กๆ เหมือนตอนอยู่กับนาย”
คางเหวินซิงหน้าแดงก่ำ เขาเกือบจะหลุดขำออกมา “ผมขอพูดแบบกล้าๆ กลัวๆ เลยนะ อาจารย์ของผมไม่ใช่คุณลุงวัยกลางคน เป้าหมายรักคนรุ่นพ่อของคุณ คงจะมาหาผิดคนแล้ว”
“นายมายุ่งอะไร ตอนฉันเด็กๆ พ่ออายุเท่าพี่หลี่โม่เลย ฉันไม่ได้รู้สึกไปเอง ฉันยังไม่ทันได้เข้าเรียนชั้นประถม พ่อของฉันก็…… ฮือๆๆๆ”
เฉินเสี่ยวถงเอามือปิดหน้าและร้องไห้ออกมา นิ้วโป้งที่แอบอยู่หลังฝ่ามือขยี้ไปที่ดวงตาอย่างแรงจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
คางเหวินซิงได้ฟังก็อดเห็นใจไม่ได้ เขาช่วยพูดขอร้อง “อาจารย์ให้โอกาสเธอได้กลับตัวเถอะครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อาจารย์หญิงใหญ่ เอ่อ อาจารย์หญิงไม่ได้ยินซะหน่อย ไม่น่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรนะครับ”
“ในเมื่อคางเหวินซิงพูดแทนเธอ งั้นฉันจะไม่เซ้าซี้อะไรอีก ต่อไปอย่าพูดเล่นแบบนี้อีก ได้ยินหรือยัง”
หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง
เฉินเสี่ยวถงซับน้ำตาแล้วพูดอย่างน่าสงสารว่า “เข้าใจแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีก ฉันจะเชื่อฟัง นายอย่าไล่ฉันไปนะ”
“อย่ามาแสร้งทำ ถ้าแสร้งทำอีกฉันจะโยนเธอลงจากรถเดี๋ยวนี้”
เฉินเสี่ยวถงย่นปากยู่ เธอก้มหน้ากัดฟัน หลี่โม่จะทำเกินไปแล้ว ไม่เห็นสาวงามเป็นสิ่งบอบบางเลยแม้แต่น้อย เขานี่รังแกคนอื่นจริงๆ
“กลับบริษัทใช่ไหมครับอาจารย์”
คางเหวินซิงถามขึ้น
“ไม่กลับ ไปโรงพยาบาล”
หลี่โม่มาร์คจุด GPS และให้คางเหวินซิงขับตาม GPS ไป
ไม่นานหลี่โม่พาคางเหวินซิงกับเฉินเสี่ยวถงมาถึงห้องผู้ป่วยของซีซี เมื่อเธอเห็นหลี่โม่ก็โผเข้าหาเขาทันที เธอหอมแก้มเขาอย่างมีความสุข
“ในที่สุดพ่อก็มาหาหนูแล้ว คุณลุงกับคุณป้าคนนี้เป็นใครเหรอ”
ซีซีเอียงคอมองคางเหวินซิงกับเฉินเสี่ยวถง
คางเหวินซิงหน้ากระตุก คิดจากลำดับอาวุโส เขากับซีซีน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้องของซีซี
“ซีซี นี่คางเหวินซิงลูกศิษย์ของพ่อ เรียกเขาว่าพี่ก็ได้”
“หา?”
ซีซีมองคางเหวินซิงอย่างละเอียด เขาพยายามยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วนแต่ก็ไม่เสียมารยาท
“นี่คือพี่เหรอ แต่ทำไมเขาดูแก่กว่าพ่อล่ะ”
คำพูดของเด็กน้อยไม่มีอ้อมค้อม ซีซีรู้สึกยังไงก็พูดอย่างนั้น
รอยยิ้มของคางเหวินซิงชะงักไป เขารู้สึกกระอักกระอ่วนไปหมด
“ซีซี นี่พี่เฉินเสี่ยวถง”
จากนั้นหลี่โม่จึงแนะนำเฉินเสี่ยวถง
เฉินเสี่ยวถงทำแก้มป่อง เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พี่หลี่โม่แนะนำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ ซีซีต้องเรียกฉันว่าคุณป้าถึงจะถูก ไม่งั้นลำดับอายุจะสับสนนะ”
“พี่สาวสวยจัง พี่ไม่ใช่คุณป้าสักหน่อย พี่ต้องเรียกพ่อของหนูว่าคุณลุงถึงจะถูก ถ้าหนูเรียกพี่ว่าคุณป้า ขืนพี่แย่งพ่อไปจากแม่ของหนูจะทำยังไง”
หลี่โม่กับคนอื่นตัวแข็งทื่อ พวกเขาตกใจกับคำพูดของซีซี
“ซีซีไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน”
หลี่โม่หยิกแก้มของซีซีเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“คุณป้าที่อยู่ข้างๆ ดูทีวีมีแต่เรื่องพวกนี้ มักจะมีพี่สาวคนสวยตามจีบพ่อของเด็กน้อย อีกทั้งยังมีคนพูดเรื่องทำนองนี้เยอะด้วย หนูเคยเห็นเมียหลวงตบกิ๊กในโรงพยาบาลด้วยนะ”
ซีซีพูดอย่างจริงจัง จนหลี่โม่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ซีซีวางใจได้เลย พ่อไม่ไปมีกิ๊กหรอก นอกจากแม่ของลูก พ่อก็รักลูกนี่แหละ ไม่มีทางรักใครได้อีก”
“อืมๆ ซีซีเชื่อใจพ่อ”
ซีซีพูดจบก็กอดคอของหลี่โม่และหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
เฉินเสี่ยวถงมองท่าทางสนิทสนมของหลี่โม่กับซีซี เธอเจ็บแปลบในใจ อดคิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขในวัยเด็กไม่ได้
คางเหวินซิงยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความกระอักกระอ่วน เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน