จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 463
จางเต๋ออู่เบิกตาโพลง เขาจ้องคนที่ก้มหัวอย่างฉู่จงเทียนและตวาดออกมา “แกว่าอะไรนะ หลี่โม่ได้เลื่อนขั้นอัตโนมัติเหรอ หัวหน้าของพวกเราเดินทางไกลมาเพื่อดูการแข่งขันของหลี่โม่ แต่แกกลับบอกว่ามันได้เลื่อนขั้นอัตโนมัติอย่างนั้นหรอ! พวกแกไม่เป็นมืออาชีพแบบนี้ได้ยังไง!”
“ขอโทษจริงๆ ครับ มันเป็นเรื่องสุดวิสัย พวกเราไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเป็นแบบนี้”
ฉู่จงเทียนคำนับให้ไม่หยุด
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉู่จงเทียนไม่กล้าทำอะไรล่วงเกิน เขายอมทำตัวเป็นฝุ่นผงยังจะดีกว่า
เดิมทีจางเต๋ออู่อยากเห็นหลี่โม่โดนซัดจนเละ แต่เขากลับได้ยินเรื่องที่หลี่โม่ได้รับการเลื่อนขั้น นี่ทำให้เขาแค้นจนกัดฟันกรอด
“ไอ้พวกเวร คงไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับการแข่งขันใช่ไหม! ถ้าฉันรู้ว่าพวกแกทำเรื่องสกปรกเกี่ยวกับการแข่งขัน ฉันไม่ไว้ชีวิตพวกแกแน่!”
“ไม่กล้าหรอกครับ ถึงผมอยากจะเล่นสกปรก พวกประธานการแข่งขันก็ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอนครับ เมื่อวานเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นจริงๆ ครับ”
ราชินีของสำนักหลงเหมินปรายตามองฉู่จงเทียนอย่างเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่เซ้าซี้อะไรแล้ว แต่ฉันขอดูวิดีโอตอนที่หลี่โม่อยู่ในสนามซ้อมได้ไหม”
ราชินีของสำนักหลงเหมินไม่สนใจว่าจะมีพิรุธหรือไม่ เธออยากรู้แค่พละกำลังของหลี่โม่
ข้อมูลที่รวบรวมเอาไว้ก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่าพูดอวยนู่หลั่งจนลอย ราชินีของสำนักหลงเหมินแปลกใจว่าคนที่มีพละกำลังเหนือมนุษย์อย่างนู่หลั่ง พ่ายแพ้ให้กับหลี่โม่ได้อย่างไร
ฉู่จงเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดเบาๆ ว่า “เรื่องนี้ผมต้องไปขออนุญาตก่อนครับ ผมอยู่ด้านจัดงาน จึงไม่มีสิทธิ์ไปขอดูกล้องวงจรปิด หากพวกคุณต้องการดูกล้องวงจรปิดในช่วงซ้อม ผมต้องได้รับการยินยอมจากประธานจัดการแข่งขันก่อนครับ”
“งั้นนายรีบไปขออนุญาตสิ มาอธิบายให้ฉันฟังโดยเร็ว”
“ได้ครับ ผมจะรีบจัดการ”
ฉู่จงเทียนโค้งคำนับและออกจากห้อง เขายืนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากอยู่หน้าห้อง
จางเต๋ออู่ที่อยู่ในห้องพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้พวกต่างชาติหยาบช้าจริงๆ จัดการแข่งขันครั้งหนึ่งก็สร้างเรื่องวุ่นวายหลายเรื่อง”
“นายออกไปรอข้างนอก ถ้าพวกนั้นส่งวิดีโอมา นายค่อยเข้ามา”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จางเต๋ออู่เลิกคิ้วขึ้น เขารู้ว่าราชินีของสำนักหลงเหมินไม่พอใจที่เขาบ่น เขาจึงรีบออกจากห้อง
ท่านแปดนั่งหลังตรง เขารู้สึกว่าราชินีของสำนักหลงเหมินน่าจะคุยกับเขาสองต่อสอง
“เจ้าแปด นายแอบเกลียดฉันในใจใช่ไหม เกลียดที่ฉันแบ่งพื้นที่ในมือของนายมา”
ราชินีของสำนักหลงเหมินมองไปยังสนามมวยข้างนอก เธอพูดเหมือนกำลังคุยเล่น
“คุณพูดเกินไปแล้ว ผมจะเกลียดคุณได้ยังไง อย่างมากก็แค่ไม่พอใจนิดหน่อย ถ้าเป็นคนอื่นถูกแย่งพื้นที่ไปก็ต้องไม่พอใจอยู่แล้ว”
“หึหึ นายนี่รู้จักพูดนะ ฉันยังยืนยันคำเดิม ขอแค่นายหากุญแจลับจากหลี่โม่มาได้ ฉันจะตอบแทนให้นายอย่างงาม ให้นายนั่งในตำแหน่งราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมินก็ยังได้”
ท่านแปดอึ้งไป ซีกหน้าของเขากระตุก ไม่รู้ว่าในใจของเขารู้สึกซาบซึ้งหรือหวาดกลัวกันแน่
การที่สามารถนั่งในตำแหน่งราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมินคือสิ่งที่ท่านแปดปรารถนา แต่ท่านแปดรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถหวังถึงตำแหน่งนั้นได้
สิบกว่าปีที่สำนักหลงเหมินผ่านอะไรมามากมาย หลังจากราชาที่สี่ของสำนักหลงเหมินก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหลายต่อหลายครั้ง แต่ตำแหน่งราชาทั้งสามของสำนักหลงเหมินก่อนหน้านี้ล้วนมั่นคงมาก
ก่อนหน้านี้ราชาทั้งสามของสำนักหลงเหมินควบคุมอำนาจและทรัพย์สินส่วนใหญ่ เรียกได้ว่าสามารถตั้งตัวเป็นอิสระกับเจ้าของสำนักหลงเหมินได้
หลายปีมานี้ราชาทั้งสามคนของสำนักหลงเหมินภักดีต่อสำนักหลงเหมิน พวกเขาจะถือผลประโยชน์ของสำนักหลงเหมินเป็นอันดับแรก ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ในตำแหน่งได้อย่างมั่นคง
ทว่าตอนนี้ราชินีของสำนักหลงเหมินโยนส่วนได้ส่วนเสียมา ท่านแปดคิดว่ามันเหมือนระเบิด ถ้าขืนทำไม่ดีขึ้นมา ตัวเองจะโดนราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมินบดขยี้แน่นอน
แถมตอนนี้ยังมีข่าวว่าราชินีของสำนักหลงเหมินกับราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมินแวะเวียนไปมาหากัน ไม่มีเหตุผลที่ราชินีของสำนักหลงเหมินจะทำร้ายราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน
แค่ระยะเวลาเพียงชั่วพริบตา ความคิดมากมายเกิดขึ้นภายในใจของท่านแปด
“ผมไม่กล้าหวังถึงตำแหน่งราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมินหรอก การที่นั่งอยู่ในฐานะราชาที่แปดของสำนักหลงเหมินถือเป็นวาสนาของผมแล้ว ผมจะพยายามหากุญแจลับมาให้คุณอย่างสุดความสามารถ”
ท่านแปดโค้งตัวและพูดออกมา
ราชินีของสำนักหลงเหมินยิ้มบางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่เลวนี่ ฉันนึกว่านายจะจองหอง สิ่งสำคัญที่สุดของมนุษย์เราคือการรู้จักตัวเอง ถ้าอยู่ในจุดที่ถูกต้องจะทำให้อยู่ได้นาน ฉันว่านายยังมีชีวิตได้อีกยาวไกล”
ท่านแปดเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขารู้ว่าราชินีของสำนักหลงเหมินกำลังเตือนเขา เธอน่าจะยังไม่วางใจเขา
“คุณวางใจเถอะ ผมรู้จักหวาดกลัวและให้ความเคารพ คุณคือคนที่ผมหวาดกลัวและเคารพที่สุด ผมจะอยู่ในจุดที่ถูกต้องและเป็นลูกน้องที่ดีของคุณแน่นอน”
“ฮ่าๆๆๆ”
ราชินีของสำนักหลงเหมินหัวเราะชอบใจ
ท่านแปดถอนหายใจออกมาและคิดว่าครั้งนี้รอดแล้ว ทุกครั้งที่เจอราชินีของสำนักหลงเหมินจะต้องมีปัญญาและความกล้าหาญ ถ้าเกิดตอบไม่ถูกใจราชินีของสำนักหลงเหมิน เขาสามารถกลายเป็นศพได้ทุกนาที
ประตูห้องถูกผลักเข้ามา จางเต๋ออู่ถือแฟลชไดร์ฟเดินเข้ามา
“นี่คือวิดีโอตอนที่หลี่โม่ซ้อม นับว่าพวกเขาอยู่เป็น ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี”
“เปิดดูสิ ฉันอยากรู้ว่าหลี่โม่สู้กับนู่หลั่งยังไง”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดด้วยความสนใจ
จางเต๋ออู่เอาแฟลชไดร์ฟเสียบกับคอมพิวเตอร์ ไม่นานภาพในวิดีโอก็ปรากฏขึ้น
ในวิดีโอเป็นภาพของนู่หลังสู้แบบหนึ่งต่อสิบ เมื่อเห็นพละกำลังของนู่หลั่งทำลายนักมวยเหล่านั้น ราชินีของสำนักหลงเหมินถึงกับบิดตัวเล็กน้อย
“ก็ดูเหมือนกล้าหาญและบ้าบิ่นดีนิ โดยรวมแล้วเขาบดขยี้อีกฝ่ายได้เลยนะ แต่ทำไมเขาถึงโดนหลี่โม่ชกจนตายล่ะ อย่าบอกนะว่ามีคนวางยาเขา”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพึมพำขึ้นอย่างสงสัย
“น่าจะไม่มีใครวางยาเขาครับ เมื่อครู่ผมถามมาแล้ว เขาบอกว่านู่หลั่งโดนหลี่โม่ต่อยจนตายจริงๆ ครับ”
จางเต๋ออู่เอียงคอถามราชินีของสำนักหลงเหมิน “จะเลื่อนให้เร็วขึ้นไหมครับ”
“ไม่ต้องเลื่อน พวกการแข่งขันอื่นไม่น่าดูเท่าไร ในเมื่อมาแล้วก็ดูไปเรื่อยๆ แล้วกัน”
ราชินีของสำนักหลงเหมินดูวิดีโออย่างตั้งใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขึ้นเวทีและจัดการนู่หลั่งได้อย่างง่ายดาย สีหน้าของราชินีของสำนักหลงเหมินค่อยๆ เปลี่ยนไป
“หลี่โม่กำลังพูดอะไร ทำไมถึงไม่มีเสียง”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดครับ กล้องวงจรปิดของที่นี่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องบันทึกเสียงไว้ จึงทำให้ไม่มีเสียงครับ”
จางเต๋ออู่รีบอธิบาย
“หึ! หลี่โม่กำจัดนู่หลั่งได้ง่ายดายขนาดนี้ พวกนายว่าหลี่โม่อยู่ในระดับไหน ทำไมถึงมีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งขนาดนี้!”
การต่อสู้อันแข็งแกร่งของหลี่โม่ ทำให้ราชินีของสำนักหลงเหมินตกใจ
ถ้าเกิดได้เข้าใกล้หลี่โม่ แล้วเขาเกิดทำร้ายคนขึ้นมา จะมีอันตรายต่อชีวิตเธอไหม
ถึงแม้จะไม่มีอันตรายต่อชีวิต แต่ถ้าหากเกิดบาดแผลขึ้นบนตัวเธอก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน!
จางเต๋ออู่ขมวดคิ้ว เขาขบกรามแน่น ความแข็งแกร่งของหลี่โม่ทำให้จางเต๋ออู่นึกถึงเรื่องครั้งที่แล้ว เขาใช้แผนการมากมายกับหลี่โม่แต่ก็ไม่สำเร็จ นี่คือความอับอายใหญ่หลวงของจางเต๋ออู่