จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 470
ซ่างเปียวมีสีหน้าไม่สนใจกับคำขู่ของอากวาง เป็นคนในวงการเดียวกัน ใครไม่เคยโดนขู่ล่ะ ขนาดคำขู่ที่ว่าจะฆ่าทั้งครอบครัว ซ่างเปียวก็ได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
อากวางรู้สึกอับอายต่อหน้าหลี่โม่ เขาพุ่งเข้าไปหาซ่างเปียวและถีบที่หน้าอกของเขาจนกระเด็นลงบนพื้น
“อ๊าก!”
ซ่างเปียวร้องโอดครวญ และมองอากวางด้วยสายตาเคียดแค้น “เหอะๆ เอาสิ ถีบต่อสิ แกมีปัญญาก็ฆ่าฉันสิ ถ้าแกฆ่าฉันไม่ได้ แกมันก็แค่ไอ้กระจอก”
“แกยังกล้าอวดดีอีกนะ! วันนี้ฉันฆ่าแกแน่!”
อากวางกระทืบซ่างเปียวไปอีกหลายครั้ง จนซ่างเปียวกลิ้งไปบนพื้น
เฉินเสี่ยวถงทำเป็นกลัวและไปหลบข้างหลังหลี่โม่ เธอจับแขนของหลี่โม่เอาไว้แน่น
“พี่หลี่โม่ สายตาของเขาน่ากลัวมาก”
เฉินเสี่ยวถงพูดเสียงอ่อน
กู้ชิงหลินปรายตามองเฉินเสี่ยวถง เธอแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “เริ่มแสดงแล้วเหรอ เธอคิดว่าแกล้งอ่อนแอ แล้วหลี่โม่จะหวั่นไหวเหรอ ความคิดปัญญาอ่อนจริงๆ ฉันจะจับตาดูหลี่โม่แทนหยุนหลันเอง”
คำพูดของกู้ชิงหลินเต็มไปด้วยการข่มขู่ แถมยังมีอำนาจจากกู้หยุนหลันด้วย ดังนั้นกู้ชิงหลินจึงไม่เห็นเฉินเสี่ยวถงอยู่ในสายตา แถมเธอยังคิดว่าจะหาประโยชน์จากตรงนี้ได้ยังไง
ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ทำผิดกับหลี่โม่มาเยอะ ถึงขนาดที่จะประจบประแจงยังยาก เสียใจจริงๆ !
เฉินเสี่ยวถงย่นปากยู่ เธอเกลียดกู้ชิงหลินจนกัดฟันกรอด เธอแทบอยากจะถีบกู้ชิงหลินออกไปนอกโลก เพื่อไม่ให้มาขัดขวางการสร้างความสัมพันธ์ของเธอกับหลี่โม่
คางเหวินซิงก้มหน้าทำสมาธิเหมือนพระพุทธรูป เขาไม่กล้ามองไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น
อากวางหยุดกระทืบซ่างเปียวเพราะเหนื่อย เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดว่า “คุณหลี่ ผมไร้ความสามารถ ผมง้างปากไอ้หมอนี่ไม่ได้”
“เป็นเรื่องปกติ จัดการพวกหัวรั้นแบบนี้ ต้องให้พวกมันเห็นโลงศพเสียก่อน”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และเดินเข้าไปหาซ่างเปียว
เฉินเสี่ยวถงโดนหลี่โม่พาเข้าไปด้วย เมื่อเธอเห็นคนน่ากลัวอย่างซ่างเปียวใกล้ๆ เธอตกใจจนอุทานและกอดเอวของหลี่โม่เอาไว้แน่น
“กรี๊ด น่ากลัวมาก ตกใจจนหัวใจจะวาย”
เฉินเสี่ยวถงกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
หลี่โม่หมดคำจะพูด เขาแงะมือทั้งสองข้างของเฉินเสี่ยวถงออก “ถ้าเธอกลัวก็ออกไปรอข้างนอก อีกเดี๋ยวจะมีเรื่องน่ากลัวยิ่งกว่านี้อีก”
“ฉัน ฉันไม่อยากออกไป ถ้าออกไปแล้วน่ากลัวยิ่งกว่านี้จะทำไง อยู่กับนายฉันไม่กลัว”
เฉินเสี่ยวถงพูดออดอ้อน
คางเหวินซิงเอามือขึ้นมาปิดหน้า เขาคิดถึงตอนที่นู่หลั่งโดนจัดการบนเวทีมวย เขาตกใจจนฉี่เกือบราด แต่เฉินเสี่ยวถงยังมองอย่างเพลิดเพลิน ทำไมเธอถึงไม่เป็นอะไรเลย เธอแกล้งทำเป็นกลัวแน่ๆ จิตใจของผู้หญิงช่างเดายากจริงๆ
กู้ชิงหลินเดินฟึดฟัดเข้ามา เธอจับแขนเฉินเสี่ยวถงและลากออกมา
“เธออย่ามาตอแหล คิดว่าพวกเราดูไม่ออกหรือไงว่าเธอกำลังแสดงละคร ยืนดูนิ่งๆ ตรงนี้แหละ”
กู้ชิงหลินลากเฉินเสี่ยวถงมาหน้าประตู เธอยืนเท้าเอวจ้องเฉินเสี่ยวถง
เฉินเสี่ยวถงเบะปาก น้ำตาคลออยู่ตรงเบ้าตา “พี่หลี่โม่ เธอแกล้งฉัน พี่มาจัดการเธอเลย”
“เหอะๆ ยังมีหน้าให้คนมาจัดการฉันอีก เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”
กู้ชิงหลินพูดอย่างไม่ยอม
หลี่โม่ได้ยินก็ปวดขมับ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าพวกเธอทะเลาะกันอีก ฉันจะส่งพวกเธอกลับ ยืนพิงกำแพงไปเงียบๆ!”
“เขาด่าเธอ เธอคิดได้ไหม”
กู้ชิงหลินผลักเฉินเสี่ยวถงมายืนข้างกำแพง
เฉินเสี่ยวถงคิดว่าตัวเองเริ่มลำบาก เดิมทีคิดว่าการเข้าหาหลี่โม่เป็นเรื่องยากที่สุด แต่ตอนนี้โดนกู้ชิงหลินกดขี่ เธอเข้าใจเลยว่าอะไรคือความยากลำบาก
กู้ชิงหลินจงใจชัดๆ เธอกำลังพุ่งเป้ามาที่ตัวเอง! ต้องหาวิธีทำให้หลี่โม่อยู่ห่างจากไอ้คนต่ำตมนี่!
เฉินเสี่ยวถงใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว เธอกำลังคิดว่าจะหลุดพ้นจากกู้ชิงหลินได้อย่างไร
หลี่โม่เห็นว่าสงบแล้ว หลังจากที่ถอนหายใจออกมา เขายกเท้าเหยียบบนมือของซ่างเปียว
ซ่างเปียวเจ็บนิ้ว สัญชาตญาณบอกให้เขาเอามือออกมา
แต่หลังจากที่ใช้แรง ไม่เพียงแต่จะเอามือของตัวเองออกมาไม่ได้ อีกทั้งยังเกือบทำให้ข้อมือของตัวเองหลุด
หลี่โม่แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “สารภาพออกมา ฉันจะไว้ชีวิตแก ไม่งั้น ฉันไม่ฆ่าแกหรอกนะ แต่จะเหยียบกระดูกของแกให้หักทีละท่อน ต่อไปแกก็ทำได้แค่นอนเป็นผักอยู่บนเตียง หวังว่าจะมีคนคอยดูแลแกจนตาย”
ซ่างเปียวสั่นไปทั้งตัว ภาพตัวเองนอนเป็นผักลอยเข้ามาในหัวของเขา
ตอนนั้นอย่าว่าแต่จะมีคนมาดูแลเขาเลย ศัตรูของเขาไม่เข้ามาหั่นศพเป็นชิ้นๆ ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว
แต่ทว่าภาพอันน่าเวทนาอยู่ในหัวของซ่างเปียวเพียงครู่เดียว เขากัดฟันพูดว่า
“เหอะๆ อย่ามาขู่ฉันเลย ฉันไม่กลัวหรอก ฉันเจอคนโหดเหี้ยม เจอเหตุการณ์มามากมาย ฉันไม่กลัวสักนิด”
“เหอะๆ งั้นเหรอ หวังว่าอีกเดี๋ยวแกจะไม่กลัวจริงๆ”
พูดจบหลี่โม่ก็ใช้แรงที่เท้าเหยียบฝ่ามือของซ่างเปียว
กึก กึก
เสียงกระดูกหักดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญของซ่างเปียว
เขาเจ็บปวดนิ้วมือที่สุด โดยทั่วไปความรู้สึกเจ็บที่นิ้วมือจะปวดร้าวมาก กระดูกนิ้วมือและกระดูกฝ่ามือขวาของซ่างเปียวหักตามแรงเหยียบของหลี่โม่ มันเจ็บจนซ่างเปียวต้องเอามือซ้ายทุบลงกับพื้น
“ถ้ามีปัญญาก็ฆ่าฉันเลย อย่าทรมานฉันแบบนี้”
“แค่แกสารภาพออกมา ไม่เพียงแต่จะไม่เจ็บ แกยังจะได้อยู่ดีกินดี อีกอย่างฉันอาจจะส่งแกกลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย”
หลี่โม่ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหลี่โม่ ซ่างเปียวรู้สึกเหมือนตัวเองได้เห็นรอยยิ้มของปีศาจในชีวิตจริง
รอยยิ้มนี้น่ากลัวมาก บวกกับความเจ็บปวดที่มือ ซ่างเปียวแทบจะกรีดร้องออกมา เขารับไม่ไหวแล้ว
“ถ้าฉันบอก แกจะปล่อยฉันเหรอ พวกลูกน้องของฉันด้วยหรือเปล่า”
ซ่างเปียวถามอย่างสับสน
“แน่นอน ฉันหลี่โม่พูดคำไหนคำนั้น เชื่อถือได้เสมอ”
“ได้ งั้นฉันจะบอก แกอยากรู้อะไร”
ซ่างเปียวยอมแพ้แล้ว
อากวางเกาหัวแกรกๆ เขาคิดในใจว่าคุณหลี่เก่ง แถมยังโหดเหี้ยมอีกด้วย เข้ามาก็จัดการกับมือของซ่างเปียว เขาคือแบบฉบับของตัวร้ายที่แท้จริง
กู้ชิงหลินมองเฉินเสี่ยวถง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่มีความกลัว กู้ชิงหลินจึงพูดเบาๆ ว่า “ทำไมไม่แกล้งทำเป็นกลัวแล้วล่ะ หึ!”
“จะต้องกลัวอะไรอีก เขาแค่ร้องออกมาสองครั้ง แถมสีหน้ายังไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อกี้ด้วย เธอนี่ประสาทจริงๆ”