จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 475
ขณะที่หานหัวแข็งกำลังยืนทรงตัว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาบนหน้าผากของเขา
มือขวาที่โดนหลี่โม่กระแทกด้วยหมัดห้อยลงจนดูผิดปกติ แขนของเขาสั่นไม่หยุด
สั่นเพราะว่ากระดูกโดนหลี่โม่ชกจนแตก อีกทั้งพละกำลังมหาศาลของหลี่โม่ ทำให้กล้ามเนื้อแขนของหานหัวแข็งได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนเกินระดับของมนุษย์
นี่คือความคิดของหานหัวแข็งต่อพละกำลังของหลี่โม่ ตอนนี้หานหัวแข็งเสียใจกับความโลภมากในผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย และเสียใจที่เชื่อคำลวงของผีรอง
ตอนนี้เขาล่วงเกินผู้แข็งแกร่งขนาดนี้ หานหัวแข็งเสียใจ เขาหวังเพียงว่าจะมีชีวิตใหม่อีกครั้ง!
ผู้มีฝีมือที่เหลือต่างหลบเป็นกระจุกอยู่ข้างหลังหานหัวแข็ง ในบรรดาคนพวกนี้ หานหัวแข็งคือคนที่มีความสามารถด้านการต่อสู้แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงยกให้หานหัวแข็งมีอำนาจสูงสุด
แต่ทว่าตอนนี้เห็นแขนของหานหัวแข็งที่ดูผิดปกติ เหล่าคนมีฝีมือรู้ทันทีว่าหานหัวแข็งได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมพี่หาน”
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก!” หานหัวแข็งกัดฟันพูด
เหล่าคนมีฝีมือเงียบไป และแอบสบถอยู่ในใจไม่หยุด
หลี่โม่หัวเราะแล้วเดินเข้าไปหาหานหัวแข็ง “ตอนนี้รู้หรือยังว่าใครใหญ่ ใครมันลูกกะจ๊อก”
“รู้แล้ว นายท่านมีพละกำลังมหาศาล ปล่อยลูกกะจ๊อกไปสักครั้งเถอะครับ ครั้งนี้ลูกกะจ๊อกของนายท่านซนไปหน่อย ต่อไปผมไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
หานหัวแข็งพูดแล้วคุกเข่าลง ราวกับว่าเขายอมแพ้อย่างไม่ลังเล
เขาเกิดมาท่ามกลางความยากลำบากตั้งแต่เด็ก ไม่ง่ายเลยกว่าที่หานหัวแข็งจะมาถึงจุดนี้ เขายอมก้มหัวให้คนไม่น้อย แต่ทุกครั้งที่เขายอมก้มหัว เขามักจะได้รับผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น และทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
เพราะหานหัวแข็งรู้ว่าการมีชีวิตรอดคือสิ่งสำคัญที่สุด ศักดิ์ศรีแค่ของนอกกาย ตายไปก็ไม่สามารถใช้ศักดิ์ศรีอะไรได้
เหล่าคนมีฝีมือเตรียมหนีเอาชีวิตรอด พวกเขามองหานหัวแข็งอย่างตกตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่าครั้งนี้หานหัวแข็งเป็นบ้าอะไร คิดไม่ถึงว่าคนมีฝีมือที่มีชื่อเสียงจะคุกเข่าลง นี่มันอับอายขายหน้าไปถึงหลุมศพของบรรพบุรุษเลยนะ
“พี่หาน พี่กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย! เป็นลูกกะจ๊อกก็มากพอแล้ว จะคุกเข่าทำไม พี่เป็นบ้าอะไร!”
“มีศักดิ์ศรีหน่อยพี่หาน นี่พี่กำลังทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองนะ!”
“เราอับอายจริงๆ ที่เป็นพวกเดียวกับพี่ คนที่ฝึกด้านการต่อสู้ ไม่มีใครทิ้งศักดิ์ศรีเหมือนพี่ ยอมตายดีกว่าก้มหัวให้คนอื่น!”
เหล่าคนมีฝีมือพากันดุด่าหานหัวแข็งด้วยวาจาที่เต็มไปด้วยสัจธรรม และคิดว่าก่อนหน้านี้มองหานหัวแข็งผิดไป
“เหอะๆ ศักดิ์ศรีกับเกียรติยศมันราคาเท่าไรเหรอ ถ้าพวกนายไม่อยากเป็นพวกเดียวกับฉัน เชิญตามสบาย ฉันคุกเข่าให้นายท่านของฉัน มันเกี่ยวอะไรกับพวกนาย!” หานหัวแข็งด่ากลับอย่างไม่เกรงใจ
“หานหัวแข็ง นายมันขี้ขลาดจริงๆ มิตรภาพของเราสิ้นสุดลงแค่นี้!” ผู้มีฝีมือคนหนึ่งตวาดด้วยความโมโห
“เหอะๆ” หานหัวแข็งหัวเราะอย่างดูหมิ่น จากนั้นจึงพูดกับหลี่โม่อย่างประจบประแจง “นายท่าน เมื่อกี้เป็นความผิดของลูกกะจ๊อกเอง ผมเชื่อคำลวงของไอผีรอง เลยทำเรื่องล่วงเกินท่าน นายท่านให้อภัยผมด้วยเถอะครับ”
หลี่โม่ยอมกับความหน้าไม่อายของหานหัวแข็งเหมือนกัน คนหน้าไม่อายนี้มักจะประสบความสำเร็จ เพราะคนแบบนี้ทำเรื่องใด มักจะเห็นแก่ผลประโยชน์เท่านั้น
แต่ทว่าตอนนี้หลี่โม่ต้องการให้หานหัวแข็งเป็นตัวอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่ทำอะไรหานหัวแข็ง
“คนหน้าไม่อายแบบแก ยังน่ารักกว่าพวกคนดีจอมปลอมเยอะ” หลี่โม่ยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ขอบพระคุณนายท่านที่ชม ลูกกะจ๊อกอย่างผมมีใจอันบริสุทธิ์ ต่อไปผมจะกตัญญูกับนายท่าน”
“ถุย!” ผู้มีฝีมือคนหนึ่งถ่มน้ำลายออกมา จากนั้นจึงหันหลังจะเดินออกไป
หลี่โม่เลิกคิ้วขึ้น เขาใช้เท้าขวาเตะก้อนหินบนพื้น หินพุ่งออกไปปักบนหัวเข่าของผู้มีฝีมือคนนั้น
ตุ้บ!
เข่าของผู้มีฝีมือคนนั้นหักเพราะก้อนหิน เขาคุกเข่าข้างเดียวลงบนพื้น เจ็บจนน้ำตาไหลออกมา
“ขาฉัน! ไอ้เวรหลี่โม่ แกมันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! ฉันจะไปแล้วแท้ๆ แกยังไม่……อ๊าก!”
ขณะที่ผู้มีฝีมือกำลังก่นด่า หานหัวแข็งลุกขึ้นจากพื้น และสะบัดมือตบผู้มีฝีมือคนนั้นไปสองฉาด
“แกกล้าด่านายท่านของฉันเหรอ ฉันจะเชือดนายให้ตาย! พวกแกเตรียมตัวให้ดี! นายท่านของฉันยังไม่ให้พวกนายไป พวกนายห้ามไปไหนทั้งนั้น ถ้าใครไม่ฟัง มาเจอหมัดของหานหัวแข็งได้!”
หานหัวแข็งไม่ลืมใช้โอกาสนี้ แสดงความจริงใจกับหลี่โม่ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ
เหล่าผู้มีฝีมือที่กำลังจะแยกย้ายหนีไป ต่างพากันชะงักฝีเท้าอย่างตกใจ แค่หลี่โม่คนเดียวก็สยองพอแล้ว นี่ยังมีคนทรยศอย่างหานหัวแข็ง พวกเขารู้สึกว่าไม่มีทางรอดแล้ว
“หานหัวแข็ง นายจะเกินไปแล้วนะ ทุกคนเคยรู้จักกัน ร้ายดียังไงก็ควรไว้ชีวิต”
“พวกเราไปขัดขวางอะไรนาย ทำไมนายต้องขวางพวกเราด้วย! นายอยากประจบสอพลอ ก็ไม่จำเป็นต้องมาทำร้ายพวกเรา!”
เหล่าผู้มีฝีมือพากันดุด่าหานหัวแข็งอย่างไม่พอใจ และคิดว่าหานหัวแข็งจะทำตัวเกลือเป็นหนอนมากเกินไปแล้ว ไม่เหลือทางรอดให้พวกเขาเลย
หานหัวแข็งกลับไม่สนใจคำพูดของพวกเขา เขาโค้งและยิ้มให้หลี่โม่ “นายท่าน บอกมาได้เลยครับว่าจะสั่งสอนพวกมันยังไง ผมจะจัดการพวกมันตามที่คุณบอก”
เหล่าผู้มีฝีมือเริ่มกลัวขึ้นมา เขารู้ว่าหานหัวแข็งจะใช้พวกเขามาสังเวย วิธีนี้ไร้เกียรติเป็นอย่างมาก
หลี่โม่เอามือไพล่หลัง เขากวาดตามองเหล่าผู้มีฝีมือ จากนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ใช่คนโหดเหี้ยม ขอแค่พวกนายเชื่อฟัง แน่นอนว่าฉันจะไว้ชีวิตพวกนาย”
แววตาของผู้มีฝีมือเลิ่กลั่ก และหันไปมองผู้มีฝีมือที่มีแผลอยู่บนเข่า และคิดในใจว่านี่หรือที่บอกว่าไม่โหดเหี้ยม แค่วิ่งหนีก็โดนทำลายเข่า ชีวิตที่เหลือคงทำได้แค่นั่งอยู่บนรถเข็น
“ได้ยินที่นายท่านพูดแล้วหรือยัง แค่เชื่อฟังก็มีทางรอด พวกนายยอมเชื่อฟังหรือยัง!” หานหัวแข็งชี้หน้าเหล่าผู้มีฝีมือและแผดเสียงออกมา
เหล่าผู้มีฝีมือมองหน้ากันไปมา และพากันก้มหน้าพูดเบาๆ “เชื่อแล้ว เราจะเชื่อฟัง”
เมื่อพูดคำว่าเชื่อฟังออกมา ความอับอายที่อยู่ในใจของพวกเขา แทบจะพลุ่งพล่านออกมา
“เชื่อฟังก็ดี คนบงการพวกแกอยู่ที่ไหน ไปจับมันมา แค่พวกแกจับมันได้ พวกแกจะเป็นอิสระ” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เหล่าผู้มีฝีมือเริ่มมีความหวัง รับมือกับหลี่โม่อาจจะไม่มีทางชนะ แต่ถ้าจัดการผีรองน่าจะมีโอกาสชนะมากกว่า
“พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้!”
เหล่าผู้มีฝีมือพูดจบก็วิ่งไปที่รถสั่งการ หลี่โม่ตามหลังพวกเขาไปช้าๆ
หานหัวแข็งเดินอยู่ข้างหลี่โม่และพูดขึ้นว่า “นายท่าน ให้ผมไปสั่งการพวกมันไหมครับ”
“อยากไปก็ไปสิ ยังไงพวกมันก็หนีไม่รอด ถ้าอยากหนีก็จะเป็นแบบนั้น”
หลี่โม่หยิบก้อนหินขึ้นมา และโยนไปหาผู้มีฝีมือคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหนี
เพียงชั่วพริบตา ผู้มีฝีมือที่กำลังหนีก็ล้มลงกับพื้น