จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 478
หัวหน้าจางพาคนมาที่นี่ เมื่อเห็นสภาพที่เกิดเหตุ หัวหน้าจางและพวกถึงกับขนหัวลุก
ดูแค่จำนวนศพก็พิสูจน์ได้ถึงการปะทะที่ดุเดือด
“กระจายตัวออกไปเตรียมสู้ ระวังด้วย!”
หัวหน้าจางแผดเสียงออกมา
เหล่าสายตรวจควักปืนพกออกมา และเดินค้นหาไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พวกเขาไม่เคยผ่านสถานที่กว้างแบบนี้มาก่อน
“หัวหน้าจาง”
หลี่โม่ตะโกนออกมาจากห้อง เขาไม่ได้เดินออกจากห้อง เพื่อกันไม่ให้พวกสายตรวจตกใจจนยิงปืน
“คุณหลี่!”
หัวหน้าจางดีใจ แค่หลี่โม่ไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับหลี่โม่ เขาตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่สามารถทดแทนได้
“คุณหลี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
หัวหน้าจางถามขึ้น
“ฉันไม่เป็นไร พวกนายไม่ต้องกังวล ฉันกำจัดพวกมันจนราบคาบ พวกนายเก็บงานในที่เกิดเหตุแล้วกัน”
หัวหน้าจางได้ยินคำพูดของหลี่โม่ เขาถึงกับโล่งอก เขาโบกมือไปมาให้ลูกน้อง เหล่าสายตรวจเก็บปืนลง
“ตรวจค้นสถานที่เกิดเหตุ ทำให้มันเหมือนเดิม”
หัวหน้าจางออกคำสั่ง จากนั้นจึงเดินไปยังห้องที่หลี่โม่อยู่
เมื่อเขามาในห้อง เขามองทุกคน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หัวหน้าจางถึงกับโล่งใจและยิ้มออกมา
“ผมเป็นกังวลแทบแย่ ระหว่างทางผมเอาแต่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรหรือเปล่า คุณหลี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมมันถึงเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้”
“เรื่องนี้ต้องพูดกันยาว ไม่เพียงแค่เรื่องของซินแสจาง ยังเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินด้วย ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทันระวังเลยฆ่าคุณชายสามหลินไป” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หัวหน้าจางสบถในใจ เขามองหลี่โม่อย่างเหม่อลอย โดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
คุณชายสามหลินไปไหนมาไหน มักจะมีลูกน้องติดตามพร้อมอาวุธครบมือ เขาตายได้ยังไง แถมยังทำให้ตายโดยไม่ทันระวังด้วย
“คุณหลี่น่าเกรงขามยิ่งนัก ผมว่าคุณเสริมการป้องกันความปลอดภัยอีกหน่อยจะดีกว่า ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก เกรงว่าจะ……”
หัวหน้าจางไม่ได้พูดต่อ เพราะกลัวว่าคำพูดที่จะพูดต่อ ดูเป็นสิ่งที่ไม่น่าฟังเท่าไร
หลี่โม่พูดด้วยสีหน้าปกติ “ไม่เป็นไร ตระกูลหลินทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
สำหรับหลี่โม่ ตระกูลหลินไม่สามารถเอาอะไรมาข่มขู่เขาได้ คนที่ข่มขู่เขาได้มีเพียงราชินีของสำนักหลงเหมินเท่านั้น
หัวหน้าจางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน หลี่โม่ไม่ฟังคำแนะนำของตัวเอง หัวหน้าจางไม่มีอะไรจะต้องพูดอีก ขืนพูดเกลี้ยกล่อมต่อไป เกรงว่าจะทำให้เขารำคาญ
“งั้นผมให้ลูกน้องไปส่งพวกคุณนะครับ ผมจะจัดการเรื่องที่นี่เอง คุณหลี่จะไม่เข้ามาพัวพันในเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ”
“ไม่ต้องไปส่งหรอก คนของนายมาไม่เยอะ พวกนายจัดการเรื่องที่นี่เถอะ เราขับรถกลับเองได้”
หลี่โม่ปฏิเสธความหวังดีของหัวหน้าจาง จากนั้นจึงพาเฉินเสี่ยวถงและคนอื่นออกมา
หัวหน้าจางมองแผ่นหลังของหลี่โม่ เขาคิดว่าคนเราไม่สามารถเอามาเทียบกันได้เลย
หลี่โม่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่คิดว่าเขาจะถ่อมตนขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังมีพละกำลังที่แข็งแกร่งด้วย ถ้าเอามาเทียบกันก็หงุดหงิดเปล่าๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเกลียด คงมีเพียงความอิจฉาและชื่นชมเท่านั้น
หลี่โม่และคนอื่นขึ้นรถ คางเหวินซิงขับรถเบนซ์ไปยังชานเมืองอย่างรวดเร็ว
หลินเจิ้งหนานโดนลูกน้องลากออกมา หลังจากที่หนีมานาน พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะกลับเข้าไปในเมืองฮ่าน พวกเขาจึงหยุดพักที่หมู่บ้านบริเวณชานเมือง
“ผู้นำตระกูล ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ถ้าคุณคิดว่าพวกเราทำผิด ลงโทษพวกเราได้เลย พวกเราจะไม่บ่นสักคำ”
พวกลูกน้องรอรับการลงโทษจากหลินเจิ้งหนาน เพราะการกระทำเมื่อครู่ เรียกได้ว่าลูกน้องทำผิดต่อเจ้านาย
ตอนนี้หลินเจิ้งหนานใจเย็นลงแล้ว หวนคิดถึงภาพหลี่โม่ที่เหมือนเทพมรณะ หลินเจิ้งหนานยังรู้สึกกลัวไม่หาย
“ช่างเถอะ ครั้งนี้พวกแก……ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวฉันติดต่อผีรอง หวังว่าผีรองจะไม่ถือโทษโกรธเคือง”
มันเป็นเหตุการณ์ฉุกละหุกและต้องหนีเอาชีวิตรอด จะพูดยังไงก็น่าอาย ถ้าผีรองโยนความล้มเหลวมาให้หลินเจิ้งหนาน หลินเจิ้งหนานคงทำได้เพียงยอมรับ
หลินเจิ้งหนานหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาผีรอง
หัวหน้าจางและพวกยังค้นหาไม่ถึงบริเวณที่ศพของผีรองอยู่
แต่เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ร่างของใครบางคนที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำทั้งตัวปรากฏออกมา
คนที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมหรี่ตาลงมองศพของผีรอง จากนั้นจึงก้มลงหยิบมือถือในกระเป๋าเสื้อของผีรอง
คนในผ้าคลุมกดรับสายและพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “นายคือเพื่อนของผีรองใช่ไหม”
“ใช่ นายเป็นใคร”
หลินเจิ้งหนานถามอย่างตกใจ เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
“บอกมาว่านายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหานาย”
“นายเป็นใคร ผีรองล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง” หลินเจิ้งหนานถามอย่างหวาดกลัว
“ฉันคืออาจารย์อาของผีรอง ผีรองตายแล้ว เขาโดนผู้มีฝีมือรุมทำร้ายจนตาย ฉันจะไปหานาย เพื่อถามเหตุการณ์”
หัวของหลินเจิ้งหนานแทบจะระเบิดออก ผู้มีฝีมือของผีรองตายหมดแล้ว หลินเจิ้งหนานแทบจะพาลูกน้องหนี แก้แค้นอะไรไม่สำคัญอีกแล้ว
“บอกมาว่านายอยู่ไหน อย่าคิดเล็กคิดน้อย ไม่งั้นฉันจะตามฆ่านายไปสุดหล้าฟ้าเขียว ให้ครอบครัวของนายดับสิ้น”
คนในผ้าคลุมพูดขู่
คนที่ผ่านความน่ากลัวมาอย่างหลินเจิ้งหนานตกใจจนขาอ่อน เขาพิงหลังกับรถ
“เราอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตอนเข้ามาฉันไม่ได้สังเกตชื่อหมู่บ้าน ฉันส่งโลเคชั่นให้นายได้ไหม ฉันส่งไปในมือถือของผีรอง”
“ได้”
คนในผ้าคลุมพูดจบก็วางสาย ร่างของเขาหายวับไปในป่าทึบ
หลินเจิ้งหนานกดส่งโลเคชั่นด้วยมืออันสั่นเทา จากนั้นจึงพูดกับลูกน้องว่า “พวกแกไปหาที่ซุ่มรอบๆ เดี๋ยวอาจารย์อาของผีรองจะมาที่นี่ แต่ฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวตนของอีกฝ่าย”
พวกลูกน้องพยักหน้า จากนั้นจึงแยกย้ายไปหาที่ซ่อนตัว
หลินเจิ้งหนานหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบบนรถ เขาสูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า เสียใจที่ตัวเองมาทำเรื่องไม่ดีในครั้งนี้
ถ้าไม่มาทำเรื่องไม่ดีในครั้งนี้จะดีแค่ไหนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายที่เพิ่งตาย เขาคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้
ในใจของหลินเจิ้งหนานมีทั้งความเคียดแค้นและความเสียใจปะปนกัน เขาอยากย้อนเวลากลับไปเลือกสิ่งที่ถูกต้องอีกครั้ง
ไม่นาน คนในผ้าคลุมก็ปรากฏกายบนถนนในหมู่บ้าน หลินเจิ้งหนานเห็นเขาเดินมาหาตัวเอง จึงเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
ความอาฆาตแผ่ซ่านออกมาจากตัวคนในผ้าคลุม หลินเจิ้งหนานหวาดกลัวมาก ถึงคนที่เคยฆ่าคนมามากมาย แต่หลินเจิ้งหนานไม่เคยสัมผัสถึงความอาฆาตที่หนักแน่นแบบนี้มาก่อน
“หลินเจิ้งหนาน?”
คนในผ้าคลุมพูดอย่างเฉยชา แววตาไม่สบอารมณ์มองไปรอบๆ เห็นได้ชัดว่าลูกน้องของหลินเจิ้งหนานถูกเขาจับได้แล้ว
หลินเจิ้งหนานตื่นตระหนก เขากลัวจนพูดอะไรไม่ออก และทำได้เพียงพยายามพยักหน้าว่าเขาคือหลินเจิ้งหนาน