จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 491
หานซื่อเจี๋ยอายุห้าสิบกว่า หลายปีนี้ที่เปิดสถาบันบู๊มาก็หาเงินได้มากพอสมควรแล้ว พูดอย่างโอ้อวดเล็กน้อย ลูกศิษย์ลูกหาก็ถือว่ามีมากมาย
หลังจากประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงก็เริ่มคิดหาความสุขให้ตัวเองขึ้นมา ดังนั้นหลายปีมานี้หานซื่อเจี๋ยจึงไม่ได้สนใจสถาบันบู๊สักเท่าไหร่ มอบให้เหล่าลูกชายของตนเองไปหมดแล้ว
ถึงขนาดที่ต่อให้พวกลูกชายบริหารกิจการได้ไม่ดี หานซื่อเจี๋ยก็จะไม่ควบคุมจัดการอะไร ตามที่พูดกันว่าลูกหลานก็มีโชคชะตาของตนเองเราไม่สามารถไปกำหนดได้ มีฝีมือก็อยู่ดีกินดี ไม่มีฝีมือหานซื่อเจี๋ยก็ช่วยส่งเสียให้ส่วนหนึ่งแล้ว
หานซื่อเจี๋ยกำลังเอนตัวโบกพัดไปมาอยู่บนเก้าอี้นอน หลับตาฮัมเพลง รู้สึกว่าวันเวลาอย่างนี้ไม่ควรใช้สิ่งของอำนวยความสะดวกมากจนเกินไป
จู่ๆเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นอย่างไม่รู้เวลา ทำให้หานซื่อเจี๋ยค่อนข้างหงุดหงิดใจ
“ไอ้ตัวไหนมันโทรมาอีกเนี่ย? ทั้งวันไม่ยอมให้ฉันอยู่อย่างสงบได้เลย เรื่องเล็กๆน้อยๆก็จัดการให้ดีไม่ได้ เสียแรงที่สอนอะไรให้ตั้งมากมายจริงๆ”
หานซื่อเจี๋ยหยิบมือถือขึ้นมาด้วยความเดือดดาล เมื่อเห็นว่าเป็นสายของเถียนจินหมิง หานซื่อเจี๋ยจึงค่อนข้างลังเลนิดหน่อย
เถียนจินหมิงถือว่าเป็นลูกศิษย์ของหานซื่อเจี๋ย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของหานซื่อเจี๋ย
หลายปีก่อนหน้านี้ หานซื่อเจี๋ยสภาพการเงินติดขัด แต่เนื่องจากเถียนจินหมิงส่งของที่มีมูลค่ามาเป็นของไหว้ครู สุดท้ายแล้วจึงต้องฝืนใจยอมรับเถียนจินหมิงเอาไว้
หลังจากนั้นยังต้องช่วยเหลือเถียนจินหมิงจัดการเรื่องราวไม่น้อยเลย กี่ปีมานี้ตามที่ไม่ขัดสนเงินทองอีกแล้ว หานซื่อเจี๋ยจึงค่อยๆห่างเหินเถียนจินหมิงไป
อันที่จริงเรื่องที่เถียนจินหมิงทำล้วนแต่เป็นเรื่องหลอกลวงคดโกงทั้งนั้น ช่วยจัดการให้เขาช่างทำให้หานซื่อเจี๋ยเสียเกียรติจริงๆ
โดยเฉพาะหลายปีมานี้ที่เถียนจินหมิงมีกินมีใช้จึงรู้สึกมีเกียรติและไม่ละอายใจ บวกกับให้ความสำคัญของชื่อเสียงขึ้นมา หลังจากที่อายุมากขึ้นก็คลุกคลีอยู่กับคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักดาบอะไรพวกนั้น นั่นก็มีหน้ามีตาในวงการบู๊ลิ้มที่ได้เป็นพวกเดียวกันแล้ว
หานซื่อเจี๋ยขยับนิ้ว กดตัดสายอย่างรุนแรง
แต่หลังจากเพิ่งตัดสายไปสามวินาที เถียนจินหมิงก็โทรมาอีก หานซื่อเจี๋ยขมวดคิ้ว แล้วจึงกดรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล จินหมิงเอ้ย ช่วงนี้อาจารย์สุขภาพไม่ค่อยดี แค่กๆๆ”
หานซื่อเจี๋ยแสร้งทำเป็นป่วยทันที อยากจะให้เถียนจินหมิงยอมถอยไปเอง
“เหอะๆ อาจารย์ ความคิดของอาจารย์ผมเข้าใจ ลูกศิษย์อย่างผมถ้าไม่ประสบกับเรื่องที่ยากลำบากจริงๆ ก็คงไม่รบกวนอาจารย์หรอก ดังนั้นอาจารย์อย่ามาใช้ไม้นี้กับผมเลย”
หานซื่อเจี๋ยหน้าเขียวปั๊ด ในใจก่นด่าเถียนจินหมิงอย่างรุนแรง
แม่งก็เอาแต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ลำบากจริงๆตลอด เหมือนกับไม่ลำบากต่อฉันงั้นแหละ อย่ามาหาเรื่องให้หน่อยเลย!
“ไอ้เด็กเวร! คิดจะทำอะไรอีกกันแน่? งั้นเราตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ให้จบๆไปเลยแล้วกัน!”
หานซื่อเจี๋ยรู้สึกว่ายอมตัดขาดไปเลยดีกว่าฝืนเอาไว้ ถ้ายังเกี่ยวข้องกับเถียนจินหมิงเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ต่อไปอย่างนี้ วันหน้าต้องมีช่วงเวลาที่พลอยเดือดร้อนไปด้วยแน่ๆ
เถียนจินหมิงยิ้มเยาะพูดขึ้น: “อาจารย์ ใจไม่ป้ำเลยนะครับ ปีนั้นตอนที่อาจารย์รับเงินของผม ไม่ได้พูดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ อาจารย์บอกว่ามีเรื่องอะไรก็มาหาอาจารย์ได้ ในเมืองฮ่านไม่มีเรื่องไหนที่อาจารย์จะจัดการไม่ได้นี่ครับ”
หานซื่อเจี๋ยรู้สึกอึดอัดใจ ลูบๆหน้าอกพยายามสูดหายใจเข้าออก ถ้าเถียนจินหมิงอยู่ตรงหน้าของหานซื่อเจี๋ยล่ะก็ หานซื่อเจี๋ยคงอยากจะแทงเถียนจินหมิงให้ตายไปเลย
“อาจารย์ ในมือของผมยังมีของดีๆอีกไม่น้อยเลย ปีนั้นอาจารย์อยู่ที่ไนต์คลับกับใครบางคนที่ชอบที่สุด? วิดีโอที่อาจารย์เปิดห้องด้วยกันผมก็มี ท่าทางที่องอาจห้าวหาญบนเตียงของอาจารย์ ทำให้ผมอิจฉามากเลยนะครับ”
“แกมันหน้าไม่อาย! ลูกศิษย์หน้าด้านอย่างแก! ปีนั้นทำไมฉันถึงตาบอด รับคนสารเลวอย่างแกมาเป็นลูกศิษย์ได้นะ!”
หานซื่อเจี๋ยโมโหจนแทบจะกระอักเลือด ความรู้สึกที่โดนคุกคามยากที่จะทนไหวจริงๆ
แววตาของเถียนจินหมิงประกายความโหดเหี้ยมออกมา: “เฮ้ๆ อาจารย์ อาจารย์ก็หน้าไม่อายมาโดยตลอดอยู่แล้ว เราสองคนก็ศีลเสมอกันนั่นแหละครับ มาช่วยจัดการให้ผมก่อน แล้วเรื่องราวในอดีตของเราก็จบๆกันไป จุดอ่อนทั้งหมดผมก็จะคืนให้อาจารย์ด้วย”
“ได้! งั้นก็ตามนี้ แกอยู่ไหน? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
“อยู่ที่ร้านผมนี่แหละ รออาจารย์มานะครับ!”
หานซื่อเจี๋ยตัดสายด้วยความดุดัน สูดหายใจอย่างแรงหลายครั้ง ถึงทำให้อารมณ์สงบลงได้
“ไอ้คนระยำสมควรตายนัก! ถ้ารู้แต่แรกปีนั้นคงฟาดเด็กเวรนี่ให้ตายไปแล้ว!”
หลังจากก่นด่าเสร็จ หานซื่อเจี๋ยก็ลุกขึ้น แล้วตามลูกศิษย์มาไม่กี่คน รีบออกจากบ้านไปที่ร้านของเถียนจินหมิง
ตอนนี้ ภายในร้านขายของเก่าของเถียนจินหมิง
เถียนจินหมิงที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเอามือไพล่หลัง เดินไปที่ข้างโต๊ะ ยิ้มเยาะพูดขึ้น: “อาจารย์ของฉันใกล้จะมาถึงแล้ว แนะนำว่าพวกนายรู้จักเอาตัวรอดหน่อยดีกว่า หยิบของแล้วรีบๆไสหัวไปซะ ไม่งั้นอีกเดี๋ยวพวกนายจะได้รับการลงโทษ”
“ฉันกลับอยากเห็นว่าใครจะทำให้ฉันโดนลงโทษน่ะสิ”
หลี่โม่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
เถียนจินหมิงหน้าตาหม่นหมอง ถือกาน้ำชาขึ้นมารินน้ำชาให้ตนเอง แล้วดื่มด้วยความทุกข์ใจ
คุยก็คุยไม่รู้เรื่อง คำขู่ก็ขู่หลี่โม่ไม่ได้ งั้นคงทำได้เพียงรอให้หานซื่อเจี๋ยมาจัดการแล้ว ถ้าหากหานซื่อเจี๋ยจัดการไม่ได้……ผลลัพธ์ภายหลังเถียนจินหมิงก็ยังไม่ได้คิดเอาไว้เลย
สิบเท่าของสิบล้านคือหนึ่งร้อยล้าน เงินมากมายขนาดนั้นเถียนจินหมิงชดใช้ให้ไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้หักกระดูกแล้วคั้นไขกระดูกออกมา ก็ชดใช้ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านหรอก
เฉินเสี่ยวถงกับคางเหวินซิงกำลังจ้องเขม็งไปที่เถียนจินหมิง ทั้งสองคนอมยิ้มมุมปากเล็กน้อย ราวกับมองเห็นจุดจบของเถียนจินหมิงแล้ว
“นายล่วงเกินพี่หลี่โม่ก็เหมือนหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ ฉันแนะนำให้นายรีบๆชดใช้เงินให้มันจบๆไปเถอะ ไม่งั้นนายจะได้เสียใจจริงๆแน่” เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างร่าเริง
นี่ถือได้ว่าพี่หลี่โม่ออกหน้าให้ตนเองสินะ?
อื้ม ใช่แน่ๆ ดีใจจัง เพียงแค่พี่หลี่โม่สนิทกับตนเองมากขึ้นอีกหน่อยก็พอแล้ว
เฉินเสี่ยวถงเริ่มเพ้อฝัน
สายตาตำหนิของเถียนจินหมิงมองไปที่เฉินเสี่ยวถง ถ้าไม่ใช่เพราะยัยผู้หญิงคนนี้ ก็คงไม่ชักนำให้ หลี่โม่มาด้วย ยิ่งไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเหมือนตอนนี้
คนมีเงินพวกนี้ไม่รู้ถึงความทุกข์ทรมานของคนอื่นจริงๆหรอก สำหรับพวกเขาเงินห้าล้านก็เป็นแค่เพียงตัวเลข จะคิดเป็นจริงเป็นจังทำไมกัน แต่สำหรับฉันเถียนจินหมิงหาเงินไม่ง่ายเลยนะ!
ตอนที่ในใจของเถียนจินหมิงกำลังค่อนแคะอย่างบ้าคลั่ง หานซื่อเจี๋ยพร้อมกับลูกศิษย์ก็เดินเข้ามาในร้าน
เห็นหานซื่อเจี๋ยมาถึง เถียนจินหมิงก็รีบกระโดดจากเก้าอี้ แต่ด้วยความรีบร้อนหัวเข่าจึงกระแทกกับโต๊ะ ทำให้เถียนจินหมิงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“โอ้ย ซี๊ด……อาจารย์มาแล้ว พวกนี้มาขู่ผม อาจารย์ต้องจัดการให้ผมนะ!”
เถียนจินหมิงพูดเสียงสูง
หานซื่อเจี๋ยกวาดสายตาไปที่พวกหลี่โม่ กำลังมองใบหน้าของหนุ่มสาวสามคนนั้น ในใจจึงค่อนข้างลังเล
เถียนจินหมิงถือว่าเป็นคนมีประสบการณ์ของเมืองโบราณ คนที่เคยโดนหลอกลวงไปมากมาย สามารถเรียกทหารมาช่วยบีบบังคับเถียนจินหมิงในเวลาคับขันได้ นั่นเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนของเมืองฮ่านรู้กันเป็นอย่างดี แต่คนหนุ่มสาวพวกนี้ทำได้ยังไงน่ะ?
“ผมหานซื่อเจี๋ย ไม่ทราบว่าลูกศิษย์ของผมไปล่วงเกินอะไรพวกคุณครับ”
หานซื่อเจี๋ยประสานมือแสดงความนอบน้อม ตามประเพณี
“คุณท่านหาน ลูกศิษย์ของคุณขายของปลอมหลอกลวงคนอื่น เคยบอกไว้ว่าถ้าปลอมจะชดใช้ให้สิบเท่า แต่ตอนนี้กลับคำไม่ยอมรับผิด คนที่ไม่ซื่อสัตย์ไม่จริงใจอย่างนี้ เป็นลูกศิษย์ของคุณจริงๆเหรอ?”