จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 495
กู้เจี้ยนกั๋วกลับไปห้องทำงานด้วยความกลัดกลุ้ม นั่งลงไปบนโต๊ะทำงานสูบบุหรี่เงียบๆ หมดหนทางจะคิดหาวิธีมาจัดการหลี่โม่
ต่อให้กู้เจี้ยนกั๋วคิดจนหัวแตก ก็ไม่สามารถคิดวิธีที่ได้ผลออกมาได้
เล่ห์เหลี่ยมแต่ละอย่างที่ใช้ได้ กู้เจี้ยนกั๋วลองใช้ไปอย่างละรอบแล้ว ไม่เพียงไม่ทำให้หลี่โม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับทำให้หลี่โม่ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
หวนนึกถึงแต่ละวิธีที่เคยใช้มาอย่างละรอบแล้ว กู้เจี้ยนกั๋วถึงกับสงสัยว่าการตัดสินใจของตนเองก่อนหน้านี้ผิดหรือเปล่า
“ไม่ผิดหรอก ทำไมฉันถึงทำผิดล่ะ? หลี่โม่สัตว์น้อยตัวนั้น ยังไงก็ต้องมีวันที่กรรมตามสนอง!”
“คุณพูดถูกมากๆ”
เสียงที่ไม่คาดคิด ดังขึ้นมาจากด้านหลังของกู้เจี้ยนกั๋ว
กู้เจี้ยนกั๋วตื่นตระหนกจนขนลุกขนชัน นิ้วมือสั่นระริก บุหรี่ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลาง สั่นไหวลอยละลิ่วไปแล้ว
หมุนตัวกลับด้วยความกระวนกระวาย กู้เจี้ยนกั๋วมองไปที่ด้านหลัง
แต่ด้านหลังกลับว่างเปล่าเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเลย
หน้าผากของกู้เจี้ยนกั๋วมีเหงื่อเย็นๆผุดออกมาทันที รู้สึกว่าตนเองโดนผีหลอกตอนกลางวันแสกๆแล้ว
“ใคร! เมื่อกี้ใครพูด?”
“ผมเอง”
เสือผีที่โดนห่อหุ้มอย่างมิดชิดด้วยชุดคลุมไม่มีแขนสีดำ ยืนอยู่ด้านหน้าของกู้เจี้ยนกั๋ว
กู้เจี้ยนกั๋วพิจารณาเสือผีอย่างละเอียดหนึ่งรอบ หลังจากแน่ใจว่าเสือผีเป็นคนแล้ว กู้เจี้ยวกั๋วที่นั่งนิ่งงันอยู่บนเก้าอี้ ก็อ้าปากพะงาบๆ
“ตกใจหมด คุณเข้ามาได้ยังไง?”
“เมื่อกี้ที่คุณออกไป ผมก็เข้ามา กำลังรอคุณอยู่”
เสือผีพูดนิ่งๆ
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร? มาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ?”
กู้เจี้ยนกั๋วที่สงบจิตสงบใจลงได้แล้วพูดขึ้น
“คุณเรียกผมว่าเสือผีก็ได้ หลี่โม่ฆ่าลูกของรุ่นพี่ผมไปสองคน ผมจะมาแก้แค้นเขา”
กู้เจี้ยนกั๋วดวงตาเป็นประกาย ไม่นึกว่าตอนที่กำลังง่วงนอน พระเจ้าจะส่งหมอนมาให้
กู้เจี้ยนกั๋วที่ไม่รู้ว่าควรจะจัดการหลี่โม่ยังไง คิดไม่ถึงว่าเสือผีจะปรากฏตัวออกมาพอดี
“คุณเสือผีเชิญนั่งครับ หลี่โม่ไอ้เด็กเวรนั่นสมควรตายตั้งนานแล้ว ถ้าคุณคิดจะฆ่าเขา ผมสามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ในทุกๆด้าน”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างจริงจัง
“ความช่วยเหลือ แน่นอนว่าต้องการนิดหน่อย ผมอยากฟังคุณเล่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลี่โม่ วินาทีนั้นที่คุณได้เจอกับหลี่โม่”
เสือผีดูข้อมูลเกี่ยวกับหลี่โม่มาไม่น้อยเลย แต่ในหัวยังคงบอกไม่ถูกว่าหลี่โม่เป็นคนยังไง สำหรับเสือผีแล้ว ข้อมูลพวกนั้นบอกไว้อย่างแน่ชัดว่าเป็นคนไข้จิตเภท
กู้เจี้ยนกั๋วขมวดคิ้วนึกถึง แล้วจึงเริ่มเล่า: “หลายปีก่อน เป็นครั้งแรกที่ได้เจอหลี่โม่ ตอนนั้นหลานสาวผมกู้หยุนหลันจู่ๆก็ประกาศแต่งงาน ผมถึงได้รู้การมีตัวตนของหลี่โม่……”
กู้เจี้ยนกั๋วเล่าความทรงจำที่มีต่อหลี่โม่ในหลายปีมานี้อย่างละเอียด เสือผีก็ตั้งใจฟัง ค่อยๆขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านคำบอกเล่าของกู้เจี้ยนกั๋ว เรื่องมากมายที่เสือผีไม่เข้าใจก่อนหน้านี้ ก็พอจะเข้าใจถึงเหตุและผลแล้ว
หลังจากรอให้กู้เจี้ยนกั๋วเล่าจบ เสือผีพึมพำยิ้มเยาะ: “อย่างนี้นี่เอง เป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้เขามีเรื่องอะไรที่ยากจะเปิดเผยออกมา และเพื่อเป็นการปกปิดตัวตน จึงมีพฤติกรรมเงียบๆเก็บตัวก็เท่านั้น”
“ช่วงนี้จู่ๆเขาก็กำเริบเสิบสานขึ้นมา คงเป็นเพราะเรื่องที่ปกปิดไว้นั้นกำจัดไปได้แล้ว จึงไม่เก็บตัวเงียบอีกต่อไป เพียงแค่ไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเขา คุณรู้เรื่องราวมากกว่านี้ไหม?”
กู้เจี้ยนกั๋วส่ายหัว: “หลี่โม่ยังมีอีกตัวตนหนึ่งเหรอ? ไม่น่านะ เศษสวะอย่างเขา เป็นไปได้ยังไงที่จะมีอีกตัวตนหนึ่ง?”
“คุณสนใจแต่เรื่องเล็กๆจนมองข้ามเรื่องสำคัญไป หลี่โม่ตอนนี้ ไม่ใช่ขยะไร้ค่า ลูกของรุ่นพี่ของเสือผีอย่างผมต่อให้ฝีมือไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ควรโดนขยะไร้ค่าฆ่าตาย”
เสือผีพูดจบก็กดมือขวาลงไปบนโต๊ะทำงานด้านหน้าของกู้เจี้ยนกั๋ว
บนโต๊ะทำงานไม้ เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด กู้เจี้ยนกั๋วเบิกตาโพลง ราวกับเห็นผีอย่างนั้น จ้องเขม็งไปที่มือขวาของเสือผี
แค่เห็นมือขวาของเสือผีซึมลงไปกลางแผ่นไม้อย่างสบายๆ กดพื้นผิวบนโต๊ะทำงานไม้จนเว้าลงไป
“นี่ นี่ นี่ทำได้ยังไง”
“แค่แสดงความสามารถนิดๆหน่อยๆ ถ้าผมออกแรงทั้งหมด แผ่นเหล็กก็สามารถทุบให้เป็นรูได้ ฝีมือลูกๆของรุ่นพี่ผมสองคนนั้น ก็แทบไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ คุณลองคิดดูว่าหลี่โม่ร้ายกาจขนาดไหนกันแน่”
กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกประหม่า ยังไงก็นึกไม่ออกถึงฉากนั้นที่เสือผีเล่าให้ฟัง
“ใช่ ร้ายกาจ ร้ายกาจเกินไปแล้ว คุณ ยังมีธุระไหม?”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยริมฝีปากสั่นๆ
“มีอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังคิดไม่ออก คุณรอผมบอกแล้วกัน ดำเนินการตามที่ผมสั่ง ผมจะช่วยคุณกำจัดหลี่โม่เอง”
“ได้ ได้ครับ ผมจะทำตามที่คุณบอก”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยความหวาดหวั่น
เสือผียิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ลุกขึ้นออกไปจากห้องทำงานของกู้เจี้ยนกั๋ว
ยืนอยู่หน้าห้องทำงานของกู้เจี้ยนกั๋ว เสือผีมองประตูห้องทำงานของกู้หยุนหลัน ในสายตาปรากฏความโหดเหี้ยมออกมา แล้วจากไป
หลี่โม่ที่อยู่ในห้องทำงานของกู้หยุนหลันรู้สึกอยู่ลางๆว่ามีคนแอบมอง จึงเดินไปที่หน้าต่างข้างประตูห้อง มองไปที่ด้านนอกเงียบๆ
รอบด้านที่เงียบสงัด ไม่ต้องพูดถึงเงาคน แม้แต่เงาของนกยังไม่มีเลย
หลี่โม่ค่อยๆส่ายหัว คิดว่าตนเองคงรู้สึกไปเองแน่ๆ
ตื้ดตื้ดตื้ด
มือถือสั่นไม่กี่ที หลี่โม่ก็หยิบมือถือออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นสายของฉู่จงเทียน จึงกดรับ
“ฮัลโหล คุณฉู่”
“คุณหลี่ คืนนี้มีการแข่งขันของคุณ ผมดูตารางการแข่งขันแล้ว คู่ต่อสู้ของคุณคือบรูซ ผมรวบรวมข้อมูลจำนวนหนึ่งของเขา ส่งอีเมลไปให้คุณแล้วนะครับ ถ้าคุณมีเวลาว่างก็ลองดูหน่อยนะ”
หลี่โม่ยิ้มพูดขึ้น: “ลำบากคุณแล้ว เดี๋ยวผมดูครับ”
“คุณห้ามประมาทเลยนะครับ บรูซคนนี้ที่รู้จักกันว่าเป็นนักมวยชาวผิวขาวคนแรก ที่เข้าไปอยู่ในสามอันดับแรกของงานแข่งมวยดำสากลติดต่อกันห้าปีซ้อน เป็นอันดับที่สองในบรรดานักมวยของงานแข่งมวยดำสากลทั้งหมด”
“ครับ เดี๋ยวผมดูข้อมูลของเขา แล้วคืนนี้จะทำอย่างสุดความสามารถแน่นอนครับ”
หลี่โม่วางสายแล้ว จึงเปิดอีเมล หาข้อมูลที่ฉู่จงเทียนส่งมาให้ดูอย่างละเอียด
บรูซในงานแข่งมวยดำสากลสามารถบอกได้ว่าพละกำลังเหนือบุคคลทั่วไป นอกจากที่ไม่เคยได้แชมป์ แต่รางวัลเกียรติยศที่เหลืออยู่ล้วนแต่เคยได้รับมาหมดแล้ว
ถึงกับมีเรื่องเล่าลือว่า บรูซเก็บซ่อนพละกำลังของตนเองเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่ได้แย่งชิงตำแหน่งแชมป์
หลี่โม่ดูข้อมูลอย่างละเอียด โดยเฉพาะวิดีโอที่ดูอย่างจริงจัง หลังจากดูจบก็วิเคราะห์พละกำลังของบรูซได้พอประมาณแล้ว
พละกำลังของบรูซ คงมีมาตรฐานเดียวกับผีใหญ่ ผีรอง หลี่โม่จึงรู้สึกว่าการรับมือกับบรูซน่าจะไม่มีความกดดัน
เก็บมือถือใส่กระเป๋า แล้วหลี่โม่ก็ส่งสายตาไปให้คางเหวินซิง
คางเหวินซิงเกาๆหัว พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง: “อาจารย์ครับ เอ่อ พอจะมีเวลาว่างไหม? สอนผมฝึกขับรถหน่อยได้ไหมครับ?”
สายตาของหลี่โม่มองไปที่กู้หยุนหลัน กู้หยุนหลันจึงหัวเราะพูดขึ้น: “คุณจะมองฉันทำไม? เหวินซิงช่วยเราตั้งมากมาย คุณยังไม่สอนเขาให้เต็มที่อีก”