จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 501
เช้าตรู่ สายการบินต่างชาติได้เทียบท่าอากาศยานเมืองฮ่าน
โอวหยางจื้อเดินออกจากสนามบินด้วยการโบกสะพัดธงของลูกศิษย์ลูกหา คางหย่งเฉียนที่มารับเครื่องถือป้ายยืนแกว่งไปแกว่งมา แล้วเดินนำลิ่วไปหาโอวหยางจื้อ
“ปรมาจารย์โอหยาง ในที่สุดท่านก็มา สองสามวันนี้ศิษย์พี่เกิ่งบ่นหาท่านตลอด”
คางหย่งเฉียนพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
โอวหยางจื้อสีหน้าไม่ดีเลย การเปลี่ยนไฟลท์ทำให้เขารู้สึกอ่อนล้า
“ไปโรงพยาบาลดูเขากันก่อนเถอะ อาการป่วยเป็นอย่างไรบ้าง”
“ศิษย์พี่เกิ่งผ่าตัดเรียบร้อยแล้วครับ พอฟื้นตัวก็สามารถนั่งเก้าอี้รถเข็นได้แล้วครับ คุณหมอที่โรงพยาบาลทางนี้แนะนำว่าให้ผ่าตัดเปลี่ยนข้อต่อหลังจากนี้ครับ พอเปลี่ยนข้อต่อแล้ว ศิษย์พี่เกิ่งก็จะเคลื่อนไหวได้ไม่มีปัญหาแล้วครับ แต่จะทำกิจกรรมผาดโผนไม่ได้”
คางหย่งเฉียนอธิบายอาการป่วยของศิษย์พี่เกิ่ง พอโอวหยางจื้อได้ฟังก็มีสีหน้าลำบากใจ
“ตกลงเกิดเรื่องอะไรกันแน่”
โอวหยางจื้อถามด้วยสีหน้านิ่งขรึม
“เป็นเพราะผมแท้ๆ ผมหาคฤหาสน์ฮวงจุ้ยชั้นเลิศไว้ให้อาจารย์ แต่จู่ๆหลานชายผมก็พาคนไป จะเอาคฤหาสน์หลังนั้นให้ได้ พวกเราก็เลยเกิดเรื่องขัดแย้งกัน ศิษย์พี่เกิ่งระเบิดอารมณ์ ก็เลยลงไม้ลงมือ ปรากฏว่าโดนฝ่ายตรงข้ามซัดมาหมัดเดียว จอดสนิท”
“แค่หมัดเดียวเหรอ”
โอวหยางจื้อพูดอย่างประหลาดใจ
ศิษย์พี่เกิ่งเป็นลูกศิษย์ที่ติดตามโอวหยางจื้อมาเป็นสิบปี ศิษย์พี่เกิ่งมีความสามารถเท่าไหร่ โอวหยางจื้อรู้ชัด
โอวหยางจื้อดูท่า ความสามารถศิษย์พี่เกิ่ง แม้ว่าจะไม่ใช่อันดับหนึ่งของโลก ก็ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆนั่นแหละ เป็นไปไม่ได้ที่จะโดนไปแค่หมัดเดียวแล้วขาหัก
“ไอ้นั่นมันชื่อหลี่โม่ มันใช้แค่หมัดเดียวจริงๆครับ ทุกคนเห็นเหตุการณ์หมด”
โอวหยางจื้อขมวดคิ้ว รู้สึกคันไม้คันมือ
คางหย่งเฉียนเห็นโอวหยางจื้อจมดิ่งลงในความคิด จึงแอบนำทางอยู่ด้านหน้าเงียบๆ ไม่กล้าถามอะไรมาก
คนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล โอวหยางจื้อเพิ่งจะเข้าห้องผู้ป่วย ก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญของศิษย์พี่เกิ่ง“อาจารย์ครับ!อาจารย์ต้องแก้แค้นให้ผมนะครับ!”
“ต้องแก้แค้นให้แกแน่นอนอยู่แล้ว แกว่ามาว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายตรงข้ามมันหักขาแกยังไง”
โอวหยางจื้อสงสัยเต็มประดา คิดยังไงก็คิดไม่ตกว่าลูกศิษย์ตัวเองจะล้มลงด้วยหมัดๆเดียว
ศิษย์พี่เกิ่งหลับตา พยายามนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น
“ผมว่ามันดูชิวมากเลย แค่ปล่อยหมัดออกมาเฉยๆ ขาผมก็หักละ จริงสิ ท่าทีมันดูเอื่อยมาก แต่ความเป็นจริงแล้วเร็วมาก เร็วจนผมรู้สึกเหมือนฝันไป”
“อ่อ”โอวหยางจื้อขานรับเสียงเบา จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
บรรยากาศห้องผู้ป่วยแปลกขึ้นเรื่อยๆ ลูกศิษย์ลูกหามองโอวหยางจื้อโดยไม่เอื้อนเอ่ยอะไร ไม่รู้ว่าโอวหยางจื้อเป็นอะไรกันแน่ เป็นนานกว่าจะเอ่ยขึ้น“ใครติดต่อฝ่ายตรงข้ามได้”
“หลาน หลานผมอยู่กับไอ้บ้าหลี่โม่”
คางหย่งเฉียนพูดด้วยใจที่เต้นตุ้มๆต่อมๆ
“งั้นวานแกติดต่อที ให้พวกเขามาที่โรงพยาบาลหน่อย ทุกคนมาคุยกันต่อหน้า”
โอวหยางจื้อพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ได้ ได้ครับ”
คางหย่งเฉียนเดินสองก้าวออกจากห้องผู้ป่วย ควักมือถือออกมาต่อสายคางเหวินซิง
“เหวินซิง อยู่ที่ไหน อยู่กับหลี่โม่หรือเปล่า”
“มีสิ ผมเพิ่งส่งอาจารย์ไปที่บริษัท มีไร จะมาคิดบัญชีกับอาจารย์ผมเหรอ”
คางเหวินซิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อเห็นหลี่โม่ลงมือสองสามที ในใจคางเหวินซิง หลี่โม่นี่เป็นสุดยอดของโลกแล้ว
แหม พ่อบรูสลีแสนเก่งกาจ ก็โดนหลี่โม่ถีบกระจุยแหละวะ เมื่อดูการประลองในค่ำคืนนี้จบลง หลี่โม่ก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการเทควันโด
“ฉันจะคิดบัญชีอะไรกับแกได้ แต่เป็นอาจารย์ของศิษย์พี่เกิ่งต่างหาก ปรมาจารย์โอหยางจื้ออยากจะเจรจากับหลี่โม่หน่อย พวกแกมานี่ อย่าให้อาจารย์โอวหยางจื้อต้องคอยนาน”
คางเหวินซิงลังเล“เรื่องนี้ผมตัดสินใจไม่ได้ ได้แต่ถ่ายทอดข้อความให้ ส่วนอาจารย์ผมจะไปหรือไม่นั้น ก็ต้องแล้วแต่อาจารย์แล้ว!”
คางเหวินซิงวางสายไปอย่างหงุดหงิด
พอคางเหวินซิงวางหูโทรศัพท์ ก็ผลักประตูไปหาหลี่โม่
ไม่นานก็เดินไปถีงห้องทำงานกู้หยุนหลัน คางเหวินซิงพูดเสียงค่อย“อาจารย์ครับ คุณอาผมโทรมา บอกว่าอาจารย์ของคนที่อาจารย์ไปตีขาเขาหักอยากคุยด้วย อยากจะนัดไปคุยที่โรงพยาบาล ผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยากคุยอะไร”
“อ๋อ อาจารย์ไม่ว่างไปโรงพยาบาลหรอกนะ ถ้าพวกเขาจะคุย ก็ให้มาหาเองเถอะ ไปที่ร้านอาหารตรงข้ามบริษัทนะ”หลี่โม่พูดพลาง ดูมือถือ
“ตกลง งั้นผมจะโทรกลับคุณอา”
คางเหวินซิงโทรศัพท์หาคางหย่งเฉียน
กู้หยุนหลันขมุ้นคิ้วเล็กน้อย “หลี่โม่ ไม่มีอะไรใช่มั้ย ฝ่ายตรงข้ามใหญ่มากหรือเปล่า”
“จะไปใหญ่มาจากไหนเล่า ก็แค่นักต้มตุ๋น ลองเสริซดูก็ได้ ก็เหมือนไอ้คนรำไทเก็กที่ถูกชกตาปูดไปเมื่อเร็วๆนี้น่ะ ต้มตุ๋นหากินทั้งนั้น”
หลี่โม่พูดไปงั้น เพื่อปลอบใจกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันชะงัก แต่ก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อหลี่โม่
“ไม่ว่าจะใช่นักต้มตุ๋นหรือไม่ ก็ต้องระวังอยู่ดี เกิดมีอะไรขึ้นมา ตอนนี้คนไม่ดียิ่งมีมาก กลัวว่าจะทำอะไรที่คิดไม่ถึง”
“สบายใจเถอะ พวกเขาก็แค่ทำอะไรสุดโต่งไปงั้น แต่ทำอะไรผมไม่ได้หรอกน่า”หลี่โม่พูดพลางยิ้ม
กู้หยุนหลันกลอกตาขาวใส่หลี่โม่ แล้วถาม“ยัยหนูเฉินเสี่ยวถงไปไหนเสียล่ะ”
“ให้ไปช่วยเอาอะไรหน่อยน่ะ เดี๋ยวคงกลับมั้ง”
หลี่โม่เพิ่งพูดจบ เฉินเสี่ยวถงก็ผลักประตูสำนักงานเข้ามา เธอถือกล่องไม้สักที่มีกลิ่นอายโบราณติดมือมาด้วยใบหนึ่ง
“พี่หลี่โม่ เอาของกลับมาให้แล้ว คนส่งของที่ชื่อท่านเทียนให้คนส่งมา”
เฉินเสี่ยวถงพูดจบก็ยื่นกล่องไม้ให้หลี่โม่
หลี่โม่หยิบกล่องไม้มาเปิดออกดู แล้วหยิบหยกมังกรขึ้นมาพิจารณาดูละเอียด
รูปร่างหยกมังกรพิลึกพิลั่น แต่เนื้อหยกนั้นคุณภาพไม่เลวเลยทีเดียว บรรจุภัณฑ์ก็ดูวิจิตร ดูก็รู้แล้วว่าเป็นของในตำนาน
กู้หยุนหลันจ้องมองดูหยกมังกร ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ“เอามาทำอะไรนี่ ให้เป็นของกำนัลคนอื่นเหรอ”
“ไม่ได้ให้ แต่ก็ถือว่าให้นั่นแหละ”
“พูดภาษาคนดีๆ”
กู้หยุนหลันกลอกลูกตาไปมา
“หึหึ มีคนอยากจะขโมยของไปจากผม ผมก็เลยให้มันไปก่อนไง”
พูดจบหลี่โม่เก็บหยกมังกรเข้ากล่อง“เสี่ยวถง เอาไปถ่ายรูป”
“ได้ค่ะ”
เฉินเสี่ยวถงหยิบกล่องไม้ไป วางไว้บนโต๊ะถ่ายรูปหยกมังกร