จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 535
“ใช่ๆ คนที่เป็นเทวดาแห่งรถได้ มีเพียงอาจารย์คนเดียวเท่านั้น คนอื่นก็แค่แอบอ้างเป็นเทวดาแห่งรถเท่านั้น”
คางเหวินซิงฉีกยิ้มและเอ่ยขึ้น
“ฉันก็ไม่ใช่เทวดาแห่งรถสักหน่อย การได้เป็นเทวดาหรือพระเจ้าที่พิสูจน์ได้อย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องดี ใครที่สามารถแข่งและตระหนักรู้เรื่องวิทยายุทธ ฉันก็จะยอมรับว่าคนนั้นเป็นเทวดาแห่งรถ”
คางเหวินซิงจ้องหลี่โม่ คิดไม่ถึงว่าหลี่โม่จะพูดสิ่งที่เปลี่ยนความคิดของเขาในหลายด้าน
“เทวดาแห่งรถ จะต้องตระหนักรู้ได้อย่างรวดเร็วด้วยเหรอ นี่มันยุคแห่งเทคโนโลยี ใครมันมารู้เรื่องวิทยายุทธล่ะครับ ถึงจะเป็นสมัยโบราณ เป็นร้อยเป็นพันปีที่แล้วก็คงไม่มีใครมีวิทยายุทธแล้วมั้งครับ บุคคลในประวัติศาสตร์อย่างจางซันเฟิงก็คงไม่สามารถทำได้”
“ก็ใช่ไง ตอนนี้ไม่มีเทวดาแห่งรถแล้ว อย่างมากก็แค่ราชาแห่งรถ”
หลี่โม่พูดจบก็หาวออกมา เขาเอนหัวพิงกับเบาะและหลับไป
คางเหวินซิงเห็นว่าหลี่โม่นอน เขาจึงไม่พูดอะไรต่อ และขับรถพลางครุ่นคิดคำพูดของหลี่โม่
วิทยายุทธอะไรนั่น คางเหวินซิงคิดว่าหลี่โม่จงใจพูดแบบนั้น หรือว่าหลี่โม่ไม่ได้ต้องการจะสื่อแบบนั้น
ถ้างั้นอาจารย์ต้องการจะสื่ออะไรกับเขา คางเหวินซิงย้อนกลับไปคิดถึงคำพูดของหลี่โม่ทีละคำ
“การตระหนักรู้อย่างนั้นเหรอ คงมีเพียงการตระหนักรู้ ที่จะสามารถทำให้สกิลการขับรถสูงขึ้น มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นราชาแห่งรถ วิทยายุทธอะไรนั่น ฉันคงไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว”
คางเหวินซิงคิดนั่นคิดนี่ เขาขับรถตาม GPS จนมาถึงตีนเขาของวัดหลิงซาน
เขาหลิงซานเดิมทีชื่อว่าภูเขาหลิงจิ้วซาน ว่ากันว่าตั๊กม้อนำคฤธรหลิงจิ้วจากชมพูทวีปมาเผยแผ่คำสอน เมื่อผ่านหลิงจิ้วซาน คฤธรหลิงจิ้วก็ตาย
ตั๊กม้อฝังคฤธรหลิงจิ้วไว้ที่หลิงจิ้วซานด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เดิมภูเขาที่ไม่มีชื่อ จึงถูกเรียกว่าภูเขาหลิงจิ้วซาน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ภูเขาหลิงจิ้วซานถูกเรียกย่อเป็นเขาหลิงซาน และมีลูกศิษย์วัดตามมาเพราะตำนาน และสร้างวัดขึ้นบนภูเขา
วัดหลิงซานอยู่บนเขาหลิงซานประมาณสามสี่ร้อยปี และเป็นวัดที่เฟื่องฟูที่สุดในเมืองฮ่าน
ถึงขนาดที่ช่วงเทศกาล คนในเมืองเอกยังมากราบไหว้พระที่วัดหลิงซาน
รถเบนซ์จอดลงข้างทาง ไม่นานก็มีรถยนต์มาเซราติมาจอดข้างหลัง
คางหย่งเฉียนลงจากรถ ในมือหิ้วถุงขนาดใหญ่
คางหย่งเฉียนเดินมาที่เบาะหลังรถเบนซ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาเปิดประตูและเข้ามานั่ง จากนั้นจึงนำถุงขนาดใหญ่วางไว้ตรงเบาะหลัง
“นี่คือของเล็กๆ น้อยๆ จากผม ถือว่าเป็นการไถ่โทษนะครับคุณหลี่”
คางหย่งเฉียนพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
หลี่โม่มองคางหย่งเฉียน เขายิ้มและพูดว่า “เกรงใจเกินไปแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”
“ครับๆ เข้าเรื่องกันเลย ถึงตัวผมจะอยู่อีกฝ่าย แต่ใจผมอยู่ฝั่งคุณนะครับ ถึงจะอยู่กับโจรเฒ่าโอหยาง แต่จิตใจของผมยังอยู่ทางสว่าง ผมอยากญาติดีกับคุณหลี่นะครับ”
หลี่โม่ได้ยินแล้วขนหัวลุก เขารู้สึกว่าคางหย่งเฉียนใช้คำแปลกๆ
“อย่าพูดไร้สาระเลย ก่อนหน้านี้เราไม่รู้จักกัน จะญาติดีอะไรกัน นายว่ามาเถอะ จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ยังไง”
เมื่อเห็นว่าหลี่โม่ไม่เล่นด้วย คางหย่งเฉียนจึงยิ้มแห้ง
“ผม ผมแค่อยากหลุดพ้นจากความทุกข์ ไอ้โอหยางจื้อโยนความรับผิดชอบมาให้ผม วันๆ มีแต่คนมาด่าทอผม สั่งสอนผมเหมือนลูกกะจ๊อก ตอนแรกผมก็แค่หวังดี”
“เฮ้อ! ผมโดนพวกเขาสั่งสอนจนทนไม่ไหว เลยอยากออกมาให้จบไป แต่พวกเขาไม่ปล่อยผม ให้ผมแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการชดใช้เงินร้อยล้าน พวกเขาจะปล้นกันชัดๆ!”
คางหย่งเฉียนยิ่งพูดยิ่งโมโห เขาพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ผมทนพวกเขาไม่ไหวแล้ว วันนี้ผมไม่ได้แค่มาพบคุณหลี่ แต่ผมอยากให้คุณหลี่ช่วยผม ให้หลุดพ้นจากความทุกข์นี้ด้วย”
หลี่โม่เข้าใจสถานการณ์ของคางหย่งเฉียนในตอนนี้
เดิมทีเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา บวกกับการที่เขาเป็นคุณชายของตระกูลร่ำรวย ลูกน้องของโอหยางจื้อมีทั้งคนดีและไม่ดี ในตอนนี้ต้องมีคนที่อยากใช้อำนาจมารีดไถเงิน พวกเขาเลยพุ่งความสนใจมาที่คางหย่งเฉียน
ในบรรดาลูกน้องของโอหยางจื้อ ส่วนใหญ่ก็หาเงินจากการใช้ชื่อเสียงของโอหยางจื้อ เปิดสำนักการต่อสู้
สำนักการต่อสู้สามารถทำเงินได้ แต่น้อยมากที่จะทำเงินก้อนใหญ่ สำนักการต่อสู้ส่วนใหญ่ก็แค่พออยู่พอกินเท่านั้น
ตอนนี้มีโอกาสที่จะรีดไถเงินจากคุณชายเศรษฐี แน่นอนว่าพวกลูกน้องของโอหยางจื้อไม่พลาดอยู่แล้ว
อีกอย่าง หลี่โม่คิดว่าโอหยางจื้อคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน ตอนนี้คนมีอำนาจล้ม พวกลูกน้องก็ได้รับผลกระทบไปด้วย แน่นอนว่ามีคนจำนวนมากที่เริ่มสองจิตสองใจ
เรื่องราวพัวพันกันมากมาย จนทำให้คางหย่งเฉียนเจอแต่อุปสรรค
“เรื่องของนาย ไว้ค่อยว่ากัน เมื่อกี้ได้ยินคางเหวินซิงพูดว่า พวกลูกน้องของโอหยางจื้อรวมตัวกัน เพื่อแก้แค้นให้เขา เรื่องราวมันเป็นยังไง”
“ตอนนี้จางอวี่ฝาน ลูกน้องคนสำคัญของโอหยางจื้อ เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ จางอวี่ฝานต้องการแก้แค้นให้โอหยางจื้อ สองวันนี้เขาติดต่อคนรู้จักในยุทธจักร เห็นว่าจะเชิญยอดฝีมือที่รักสันโดษมาจัดการคุณ”
“ผมแค่ได้ยินมาเหมือนกัน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ผมไม่ทราบ ตอนนี้พวกเขาระแวงผมมาก ไม่ให้ผมรู้เรื่องเร่งด่วนอะไรเลย ถ้าผมกลับไป ผมจะพยายามสอบถามให้”
“ถ้าผมได้เรื่องอะไร ผมจะบอกคุณทุกอย่าง ขอแค่คุณหลี่สั่งสอนคนพวกนั้น ไล่พวกนั้นกลับไป ให้ผมได้มีอิสระ ผมจะซาบซึ้งบุญคุณของคุณอย่างหาที่สุดมิได้”
คางหย่งเฉียนยิ่งพูดยิ่งสะเทือนใจ เขาอดเช็ดน้ำตาที่หางตาไม่ได้ มันช่างเศร้าเหลือเกิน
หลี่โม่ลูบคางครุ่นคิด เขาไม่ได้ให้คำตอบคางหย่งเฉียนอย่างชัดเจน
จู่ๆ คางหย่งเฉียนก็กลัวขึ้นมา เขามองคางเหวินซิงแล้วพูดว่า “เหวินซิง ช่วยพูดหน่อยสิ ช่วยพูดแทนอาเล็กหน่อย! ช่วยพูดให้เขาช่วยฉันหน่อย!”
คางเหวินซิงเห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ จึงพูดว่า “อาจารย์ ถ้าคุณมีวิธี คุณช่วยอาเล็กหน่อยเถอะ เขาลำบากมาก”
“ช่วยน่ะช่วยได้ แต่หลังจากช่วยเสร็จ นายจะทำยังไง ทำเรื่องผิดๆ แบบนี้ต่อไปหรือไง”
หลี่โม่ถามคางหย่งเฉียน เหมือนรุ่นพี่อย่างไรอย่างนั้น
“ผม ผมตั้งใจจะกลับตัวกลับใจ ได้รู้จักอาจารย์โอหยางจื้อ ทำให้ผมรู้ธาตุแท้ของคน และต้องมาอยู่ในสภาพนี้ คุณหลี่มีทางออกไหน แนะนำผมไหมครับ”
คางหย่งเฉียนก้มหน้า ท่าทางของเขาดูสิ้นหวัง คางเหวินซิงเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจ
เมื่อก่อนคางหย่งเฉียนเป็นคนที่ไม่สนใจใคร เขาไม่เคยอยู่ในสภาพแบบนี้มาก่อน แน่นอนว่าครั้งนี้เขาได้รับผลกระทบไม่น้อยเลย