จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 76
บทที่ 76 ตบได้ดี
ท….ท่านเฉียว!?
ในเวลานั้นทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง!
คิดไม่ถึงว่าท่านเฉียวจะมาด้วย!
พวกเขาทุกคนหลีกทางกันโดยอัตโนมัติ เฉียวเจิ้งหลงพาคนเดินตรงเข้าไปทันที
ในเวลานั้นหวางห้านเชาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เมื่อหันกลับไปเห็นว่าคนที่มาเป็นท่านเฉียวจริงๆ เขาก็รีบเข้าไปทักทายพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม “ท่านเฉียว ท่านมาได้ยังกันครับ?”
ป้าบ!
ผลปรากฏว่าเฉียวเจิ้งหลงตบไปที่หน้าของหวางห้านเชาและถลึงตามองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายกำลังทำอะไรอยู่ฮะ?!”
การตบครั้งนี้ ทำเอาหวางห้านเชาถูกตบจนมึน
ฟืด ฟืด!
ทุกคนสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง
ท่านเฉียวก็ยังเป็นท่านเฉียวจริงๆ ท่าทางเผด็จการกับความแรงในการตบ ทำให้พวกเขาทุกคนถึงกับหวาดหวั่นในใจ
เขาคนนี้คือท่านเฉียว หนึ่งในราชาใต้ดินทั้งสี่แห่งเมืองฮ่าน เฉียวเจิ้งหลง
พลังอำนาจนี่ ไม่ได้เหนือคำบรรยายจริงๆ
แต่หวางห้านเชาเองกลับไม่ได้เคืองเขาเลยแม้แต่น้อย แล้วยังตอบกลับด้วยความเคารพว่า “ท่านเฉียว ไอ้เด็กนี่มันรังแกน้องสาวของผมครับ ผมก็เลยพาคนมาสั่งสอนมันสักที”
หวางห้านเชาไม่เข้าใจว่าท่านเฉียวมาที่นี่ได้ยังไง ยิ่งกว่านั้น…พอมาถึงก็ยังตบเขาไปทีหนึ่งด้วย
หรือว่า ตัวเขาจะล่วงเกินอะไรท่านเฉียวไป?
ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นสิ
ช่วงนี้ตัวเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ
“สั่งสอน? หวางห้านเชาตอนนี้อำนาจบาตรใหญ่มากเลยสินะ ถึงได้กล้าพาคนมาอวดอำนาจถึงบริษัทของคนอื่นเขาน่ะ?” เฉียวเจิ้งหลงสีหน้าลึกล้ำ คิ้วหนาทั้งสองข้างให้ความรู้สึกหนาวยะเยือก สายตาของเขามองทอดลงไปยังหลี่โม่
เขาเองก็เพิ่งจะได้รับข้อความจากหลี่โม่ ถามเขาว่ารู้จักหวางห้านเชาหรือไม่
ไอ้เจ้าหวางห้านเชานี่ก็ช่างไร้สมองเสียจริง กล้าลงมือแม้แต่กับคุณหลี่ รนหาที่ตายชัดๆ!
แต่ว่า…ตอนที่คุณหลี่ให้เขามาที่นี่ ห้ามไม่ให้เขาเปิดเผย เพราะงั้นเฉียวเจิ้งหลงจึงทำแค่เพียงสบตากับหลี่โม่ไปแวบหนึ่งและพยักหน้าให้กันเล็กน้อย โดยไม่ได้ให้คนอื่นเห็น
จากนั้น เฉียวเจิ้งหลงก็พูดเสียงเข้มว่า “ขัดแย้งกันนักใช่ไหม ได้ ทั้งหมดมากับผม!”
พูดจบ เฉียวเจิ้งหลงก็เดินตรงเข้าไปในห้องทำงานด้านข้างทันที
ส่วนบอดี้การ์ดในชุดสุดสูทสีดำที่เฉียวเจิ้งหลงพามาด้วยอีกสิบกว่าคนนั้น ก็เดินไปตั้งแถวเรียงอยู่หน้าประตูห้องทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนเข้าใกล้ห้องทำงานได้
ผ้าม่านถูกรูดปิด ฝูงชนถูกกันให้อยู่ห่างออกไปในระยะหนึ่งเมตร
“พวกนายทั้งคู่เข้ามาซะ” เสียงของเฉียวเจิ้งหลงดังออกมาจากในห้องทำงาน
หลี่โม่กำลังจะก้าวเดินเข้าไป กู้หยุนหลันก็ดึงแขนของเขาไว้อย่างกังวลใจ เธอส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “อย่าเข้าไปนะ….”
หลี่โม่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตบเบาๆลงบนมือของกู้หยุนหลัน “ไม่เป็นไรหรอกครับ”
แต่ด้านหวางห้านเชานั้นกลับยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า “หลี่โม่ แกจบเห่แน่ ท่านเฉียวจะลงมือสั่งสอนแกด้วยตัวเอง!”
พูดจบ หวางห้านเชาก็ดึงคอปกของเขาเองเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยท่าทางสุดเย่อหยิ่ง
หวางเมิ่งเหยายืนกอดอกอย่างเย็นชาอยู่ด้านข้าง เธอพูดขึ้นว่า “กู้หยุนหลัน อีกพักหลังจากที่สามีเธอเข้าไปแล้ว ไม่ตายก็ถูกถลกหนังแน่! ฝีมือของท่านเฉียวน่ะ ไม่ใช่ระดับที่คนธรรมดาจะรับได้หรอกนะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ในใจของกู้หยุนหลันก็ยิ่งทวีความกังวลมากขึ้น น้ำตาไหลคลอเต็มเบ้า
แต่ทว่า หลี่โม่กลับมองปราดไปยังหวางเมิ่งเหยาด้วยแววตาที่เย็นชา มุมปากยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน
แววตานี้ตกอยู่ในสายตาของหวางเมิ่งเหยา มันทำเธอรู้สึกหวาดหวั่นใจอย่างฉับพลัน
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เมื่อกี้…แววตาของไอ้เศษสวะนั่นราวกับกำลังหัวเราะเยาะตัวเธออยู่เลย
บ้าเอ๊ย!
คนไร้ประโยชน์อย่างแกที่ไม่มีดีอะไรสักอย่าง มีสิทธิอะไรใช้สายตาแบบนั้นมองฉันกัน!
หวางเมิ่งเหยาโกรธจนกระทืบเท้า แล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “อีกเดี๋ยวฉันจะให้ท่านเฉียวหักมือแก!”
กลับไปมองทางด้านของหลี่โม่ หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องทำงาน เขาก็เดินผ่านหวางห้านเชากับเฉียวเจิ้งหลงไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
ฉากนี้ทำเอาหวางห้านเชาในขณะนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!
“ไอ้เด็กนี่ แกยังกล้านั่งลงอีกเหรอ? ท่านเฉียวยังยืนอยู่นี่ แกยืนขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” หวางห้านเชาคิดไม่ถึงเลยว่าไอ้ยาจกหลี่โม่นั่น ต่อหน้าท่านเฉียวก็ยังกล้าบ้าบิ่นมากขนาดนี้!
แต่แล้ว หลี่โม่กลับมองเขาไปแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ตบปาก”
เสียงพูดจบลง หวางห้านเชาบิดคิ้วพร้อมกับพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “นายกำลังพูดอยู่กับใครฮะ? ตบปากเหรอ? นายเห็นตัวเองเป็นใครกัน? ทำไม นายคงไม่ได้จะให้ท่านเฉียวฟังคำสั่งนาย แล้วมาตบหน้าผมหรอกใช่ไหม? ท่านเฉียวน่ะเป็นถึง….”
ป้าบ!
เสียงตบที่ดังราวกับฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องทำงาน!
เฉียวเจิ้งหลงปัดแขนตบไปที่หน้าของหวางห้านเชาอย่างโหดเหี้ยม ตัดตอนอีกครึ่งประโยคที่เหลือของอีกฝ่าย
ตึง!
การตบครั้งนี้ ทำเอาหวางห้านเชาถึงกับเซไปชนกับประตูเข้าอย่างจังจนฟันกรามหลังสองซี่ในปากของเขาถูกหวดจนกระเด็นออกมา แล้วในปากก็เต็มไปด้วยเลือด!
แน่นอน ว่าการตบครั้งนี้ก็ทำเอาคนที่มุงดูอยู่นอกประตูถึงกับหัวใจกระตุก
ในตอนนี้กู้หยุนหลันร้อนรนใจจนน้ำตาไหลรินออกจากดวงตา เธอตะโกนร้องขอเข้าไปแต่กลับถูกขัดขวางเอาไว้
“ฮ่าฮ่า ตบได้ดี! ตบมันให้ตายเลยค่ะ!”
หวางเมิ่งเหยายืนหัวเราะเยาะอยู่ที่ด้านนอกตื่นเต้นจนแทบแย่ เธอเหลือบตามองอย่างเหลิงใจพร้อมกับพูดว่า “หยุนหลัน ได้ยินหรือยังล่ะ สามีสวะของเธอกำลังถูกสั่งสอนอยู่เลยนะ!”
คนหลายคนต่างก็พากันส่ายหน้า ในเวลานี้ ไอ้หลี่โม่นั่นถือว่าจบเห่แน่แล้ว
ทำให้หวางห้านเชาไม่พอใจก็มากพอแล้ว ยังทำให้ท่านเฉียวไม่พอใจอีก นั่นน่ะเป็นการขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองชัดๆ
ภายในห้องทำงาน สมองของหวางห้านเชาเต็มไปด้วยความมึนงง ในหูของเขามีเสียงดังวิ๊งๆ
เขาใช้มือกุมใบหน้าและมองไปที่เฉียวเจิ้งหลงที่กำลังโกรธจัดด้วยสายตาที่ไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ท…ท่านเฉียว ท่านตบผิดคนหรือเปล่าครับ ผมคือหวางห้านเชานะครับ ไอเด็กนั่น…ไอ้เด็กนั่นมันไม่เคารพท่านนะครับ”
“หุบปาก!”
เฉียวเจิ้งหลงพูดเสียงเข้ม แล้วหวางห้านเชาก็ปรากฏสายตาแบบชีวิตนี้ไม่มีทางเชื่อแน่ เฉียวเจิ้งหลงหันกลับมายืนตรง เขาโค้งตัวลงพร้อมกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “คุณหลี่ ขออภัยด้วยครับ เป็นผมเองที่ดูแลได้ไม่รอบด้าน ทำให้คนใต้บังคับบัญชาของผมไปรุกรานท่าน ขอให้ท่านลงโทษด้วยครับ!”
ตึง!
ฉากนี้ ระเบิดอยู่ในห้วงความคิดของหวางห้านเชา!
ท…ท่านเฉียว ผู้ที่เป็นราชาใต้ดินทั้งสี่แห่งเมืองฮ่านก้มหัวขอโทษไอ้เศษสวะนี่! น..นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
“ท่านเฉียว ท่านกำลังทำอะไรอยู่ครับ? ไอ้หลี่โม่นี่มันก็แค่เศษสวะนะครับ ท่านจำคนผิดหรือเปล่า?”
หวางห้านเชาสีหน้าเหลือเชื่อ แววตาของเขายังปรากฏความดุร้าย เขาตะคอกใส่หลี่โม่ว่า “ไอ้เด็กนี่ แกยังไม่รีบยืนขึ้นขอโทษท่านเฉียวอีก!”
แต่ทว่า…หลี่โม่กลับเพียงพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ผมให้คุณห้านาที จัดการหน่อยสิครับ”
เมื่อเฉียวเจิ้งหลงได้ยินคำพูดนั้นหัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน หน้าผากของเขามีเหงื่อซึมออกมา แต่แล้วเขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที
เฉียวเจิ้งหลงหันกลับไปใช้แววตาเย็นชาจ้องมองหวางห้านเชา ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “หวางห้านเชา นายรู้หรือเปล่าล่วงเกินใครไป?”
“ผ….ผม ท่านเฉียวครับ ท่านเป็นอะไรไป? หรือว่าไอ้หลี่โม่นี่จะเป็น….” หวางห้านเชาเกิดกลัวขึ้นมา ยิ่งเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของเฉียวเจิ้งหลงแล้ว ใจของเขาก็ยิ่งทวีความกระวนกระวายมากขึ้นไปอีก
ป้าบ!
เสียงหวดดังก้องขึ้นที่บ้องหูของเขาอีกครั้ง
ตึง!
เฉียวเจิ้งหลงถีบเขาไปอีกหนึ่งที ก่อนจะเหยียบซ้ำไปที่หน้าท้องของหวางห้านเชาอย่างแรง!
จากนั้น ก็เป็นการกระหน่ำชกอยู่นานราวห้านาที!
เสียงร้องโอดครวญอย่างอนาถของหวางห้านเชาดังก้องไปทั่วทั้งห้องทำงาน!
แต่ว่า…การเคลื่อนไหวภายในห้อง รวมกับเสียงร้องโอดครวญอย่างอนาถและเสียงร้องขอความเมตตาพวกนั้น เมื่อดังผ่านประตูและหน้าต่างออกไปด้านนอก ก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หวางเมิ่งเหยาตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดโลดเต้น “ฮ่าฮ่า กู้หยุนหลัน เธอรีบฟังสิ ลองฟังเสียงที่สามีเธอถูกท้ายจนอนาถน่ะ ฮึ! นี่ก็คือผลที่แกได้รับจากการทำให้ฉันไม่พอใจ! ตบเลย ตบมันให้แรงๆ ตบมันให้ตาย!”
ทุกคนเองต่างก็เริ่มทยอยกันแสดงความคิดเห็นต่างๆนานา
“เสร็จแน่ ฟังจากเสียงนี้แล้ว หลี่โม่ถูกทำร้ายจนอนาถเลยล่ะ”
“เฮ้อ ล่วงเกินใครไม่ล่วงเกิน ดันมาล่วงเกินท่านเฉียว ไม่ตายก็ต้องโดนถลกน่ะนะ”
“สงสารรองประธานกู้เสียจริง จากนี้ไปเธอคงอยู่ที่บริษัทนี้ได้ไม่ค่อยดีแน่”
ตอนนั้นเองกู้หยุนหลันร้อนใจจนร้องไห้ แล้วจะโกนไปว่า “หยุดได้แล้ว หยุดตบเขาได้แล้ว หลี่โม่ หลี่โม่!”
เฉียนเสี่ยวเหวินที่ยืนอยู่ข้างกู้หยุนหลันตลอดก็กระวนกระวายเหมือนมดบนหม้อไฟ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพูดว่า “พี่หยุนหลัน พวกเราแจ้งตำรวจ!”
“แจ้งตำรวจ?”
หวางเมิ่งเหยาคว้าโทรศัพท์ในมือของเฉียนเสี่ยวเหวิน แล้วปาลงบนพื้นอย่างแรง “เธอลองแจ้งดูสิ!”
เฉียนเสี่ยวเหวินตกใจจนถอยหลัง
ส่วนในห้องทำงานนั้น หวางห้านเชาลงไปนอนกองอยู่บนพื้น จมูกฟกช้ำใบหน้าบวมเป่ง งอตัวร้องคร่ำครวญ
เฉียวเจิ้งหลงยืนอยู่ด้านข้างหลี่โม่ด้วยท่าทีนอบน้อม หลี่โม่ยืนขึ้น มือสองข้างสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง เขาใช้สายตาเย้ยหยันมองหวางห้านเชาที่อยู่บนพื้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตอนนี้รู้หรือยังครับว่าเพราะอะไร?”
หลี่โม่เองไม่ใช่คนโง่ เขารีบพยุงร่างของเขาให้ยืนขึ้น แล้วคุกเข่าลงหน้าหลี่โม่พร้อมก้มหัวขอร้องว่า “ค…คุณหลี่ ผมผิดไปแล้วครับ ผมทราบแล้วว่าตัวผมมีตาหามีแววไม่ ถึงได้ไปรุกรานท่าน ผมสมควรตาย ผมสมควรตาย!”
น่าหวาดกลัว!
หวางห้านเชาใช้หัวแม่เท้าคิดก็ยังคิดออก หลี่โม่ที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ หาใช่เศษสวะอย่างที่เขาร่ำลือกัน คนที่แม้แต่เฉียวเจิ้งหลงก็ยังต้องเคารพนบน้อม งั้นในเมืองฮ่านนี้ ก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกับฉู่จงเทียนแน่!
ให้ความกล้ากับหวางห้านเชาอีกร้อยเท่า ก็ไม่มีทางกล้ายั่วโมโหเขาแน่!
ฮึ!
หลี่โม่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินไปยังประตู แล้วผลักประตูออกไป
“ประตูเปิดออกแล้วๆ!”
ที่ด้านนอก ฝูงชนจ้องมองประตูที่เปิดออก สายตาก็เห็นเข้ากับหลี่โม่ที่ไร้ซึ่งร่องรอยบาดเจ็บใดๆเดินออกมา
ฟืด ฟืด!
ทุกคนตกตะลึง!
“น…นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าถูกกระหน่ำทำร้ายเหรอ ทำไมถึงไม่มีรอยบาดเจ็บอะไรเลยล่ะ?”
ทุกคนเบลอกันไปหมด
กลุ่มคนแหวกออกโดยอัตโนมัติ หลี่โม่เดินตรงไปยังหน้ากู้หยุนหลันที่กำลังร้องไห้ แล้วจับมือที่ทั้งสั่นทั้งเย็นเฉียบของเธอไว้ ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้กับเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ผมไปส่งคุณกลับบ้านนะครับ