จักรพรรดิมังกร - บทที่ 592 ทำไมต้องชดใช้ให้เขา
“คว่ำกรวยรู้จักใช่มั้ย? พูดง่ายๆก็คือขโมยสุสาน ของพวกนี้ล้วนขุดมาจากหลุมฝังศพทั้งนั้น จะปลอมได้ยังไงกัน”
เจ้าเจ็ดจางพูดเสียงต่ำ
สองตาของกู้หยุนหลันเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “ของพวกนี้ล้วนขโมยมาจากสุสาน? ของพวกนี้ของพวกนายขุดมากี่หลุมกันเนี่ย?”
“หึๆ เธอนี่ก็คนนอกแล้วไง สามารถมีเครื่องทองสัมฤทธิ์ได้ต้องเป็นหลุมฝังศพขุนนางเท่านั้น เครื่องทองสัมฤทธิ์ที่ออกมาจากหลุมนั้นมีไม่น้อยเลย พวกนี้ที่วางอยู่ยังไม่พอที่จะใส่ให้กับขุนนางน้อยด้วยซ้ำ…..”
เจ้าเจ็ดจางยิ่งพูดยิ่งสนุกปาก เหมือนว่าปากไม่มีหูรูด พูดโม้ออกมาไม่หยุด
กู้หยุนหลันฟังจนงุนงงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี
หลี่โม่ยื่นมือไปเคาะโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ โถเครื่องทองสัมฤทธิ์ส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา เสียงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าแปลกประหลาด
เจ้าเจ็ดจางคิ้วกระตุก กัดฟันพูดว่า “ไอ้น้อง! ของพวกนี้เคาะไม่ได้นะ ถ้าใส่ไว้ในพิพิธภัณฑ์ ของพวกนี้ล้วนเป็นของสำคัญประจำชาติ ถ้านายเคาะสนิมหลุดแม้แต่น้อยก็ถือเป็นการทำลายรูปลักษณ์นะ! กระทบการขายราคาสูงของฉันนะ!”
หลังจากที่พูดประโยคพวกนี้ เจ้าเจ็ดจางก็ไปตรงหน้าโถเครื่องทองสัมฤทธิ์แล้วดูอย่างละเอียด จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่เศษส่วนที่ตกลงมาจากโถเครื่องทองสัมฤทธิ์และพูดว่า “นายดูสิ! สนิมตกลงมาแล้ว นี่มันกระทบกับรูปลักษณ์นะ นายควรจะชดใช้ให้ฉันสักหน่อยใช่มั้ย?”
เรื่องโกงผู้คนแบบนี้เจ้าเจ็ดจางไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ที่ทำการโกงผู้คนแบบนี้ เจ้าเจ็ดจางไม่เคยพลาดมาก่อน
ครั้งนี้เจ้าเจ็ดจางคิดว่าเนื้อเรื่องจะเป็นไปตามที่ตัวเองวางไว้ โกงได้นิดหน่อยก็คือเงิน แย่ที่สุดก็ยังสามารถโกงเงินค่าข้าวของหลายวันมาได้
กู้หยุนหลันรู้สึกร้อนรน รีบพูดว่า “นายพูดงี้ก็เกินไปหน่อยแล้วมั้ง ฉันไม่เชื่อว่าตอนนายขนย้ายจะไม่มีสนิมหลุดสักนิด”
“เหอะ! คนสวย เธอก็ไม่เข้าใจวงการแล้ว ตอนที่ฉันขนย้ายมีค่าเท่าไหร่เธอยังไม่เคยเห็น ฉันต้องใช้สำลีพันรอบไว้อย่างหนาแน่น จากนั้นก็ยกเบาๆวางเบาๆ ใส่เข้าไปในพลาสติกกันกระแทก เสียแรงอย่างมากเลยนะ”
เจ้าเจ็ดจางพูดบทออกมาอย่างราบรื่น จากนั้นก็เหลือบตาไปมองหลี่โม่
“ไอ้น้อง! นายพูดมาสิจะเอายังไง ของฉันอันนี้เป็นถึงโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ในยุคราชวงศ์โจวตะวันตก มีค่าอย่างมากเลยนะ ด้านบนยังมีการบันทึกชื่อเจียงจื่อหยาอยู่เลย เจียงจื่อหยานายรู้จักมั้ย ตาแก่ที่ถือแส้ฟาดเทพในเรื่องเฟิงเฉินหยั่นอี้…..”
หลังจากที่พูดไปเยอะ เจ้าเจ็ดจางกระดิกขามองไปทางหลี่โม่ที่เงียบมาโดยตลอด
“อย่าเงียบสิ นายลองว่ามาว่าเรื่องนี้ควรจัดการยังไง ฉันเองก็ไม่ได้จะโกงนาย เรื่องมันก็เป็นไปอย่างนี้แล้ว พวกเรามาพูดคุยวิธีจัดการปัญหากันอย่างมีเหตุผล”
หลังจากที่เจ้าเจ็ดจางพูดจบ สายตาก็มองไปยังเจ้าของแท่นโชว์คนอื่นๆ เจ้าของคนอื่นๆเองก็เข้าใจ แล้วช่วยเจ้าเจ็ดจางพูด
“ใช่แล้ว นี่ก็ถือเป็นการทำให้สิ่งของเสียหายเล็กน้อย เป็นการทำลายรูปลักษณ์ของสิ่งของดีๆ ต้องชดใช้นะ”
“เครื่องทองสัมฤทธิ์ที่มีค่าแบบนี้ เศษสนิมนิดหน่อยก็มีค่ามากมายแล้ว นี่ตกหล่นไปไม่น้อย ยังไงก็ต้องชดใช้สักแสนแหละมั้ง”
“สักแสนจะไปพอได้ยังไง เครื่องทองสัมฤทธิ์ที่สำคัญประจำชาติ ถ้าเอาไปอยู่ในวงการประมูลสินค้าก็คงจะสักหลายสิบล้าน รูปลักษณ์ที่ถูกทำลายมีมูลค่ามากพอถึงหลักล้านแล้ว”
ฟังคำพูดของเจ้าของแท่นโชว์คนอื่นที่ช่วยพูด เจ้าเจ็ดจางก็ยิ่งมีความสุข แต่ว่าสีหน้าก็ยังเป็นความนิ่งขรึม
“นายฟังสิ คนอื่นต่างก็พูดแบบนี้ ฉันว่าเอาอย่างนี้ ไม่ขอนายมาก ชดใช้ให้ฉันสองแสนก็พอแล้ว”
หลังจากที่เจ้าเจ็ดจางพูดจบ ก็ยื่นสองนิ้วมือออกมา ส่ายไปมาตรงหน้าของหลี่โม่
“นี่พวกนายจะแย่งชิงหรือไง แค่นี้ก็ให้ชดใช้สองแสน ฉันว่าชดใช้สองพันเยอะสุดแล้ว”
กู้หยุนหลันพูดด้วยสีหน้าคิ้วขมวด
“คนสวย เธอยังไม่เข้าใจถึงมูลค่าของโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ตัวนี้ของฉัน บอกกับเธอไปแล้วไงว่าเป็นของช่วงเวลาราชวงศ์โจวตะวันตก แล้วยังมีจารึกชื่อของเจ้าเจ็ดจางสลักไว้ นี่เป็นถึงสมบัติล้ำค่าที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เชียวนะ ให้พวกเธอชดใช้แค่สองแสนก็คือว่าใจดีกับพวกเธอแล้ว”
เจ้าเจ็ดจางพูดด้วยสีหน้าท่าทางเจ็บปวด หลังจากที่พูดจบ สองมือยังทุบหน้าอกอย่างแรง เหมือนกับว่าเจ็บปวดใจจนจะตายแล้ว
หลี่โม่เบะปากอย่างดูถูก แล้วมือขวาก็เคาะไปที่ด้านบนของเครื่องทองสัมฤทธิ์อย่างแรง สนิมแผ่นใหญ่หล่นลงจากแรงเคาะ
“โอ๊ย! ลูกรักของฉัน! นายอย่าเคาะแล้ว!”
เจ้าเจ็ดจางตะโกนอย่างร้อนรน
“ทำไมจะไม่กล้าเคาะ เป็นของปลอมลอกเลียนแบบล้วนๆ นายจะมาตะโกนอะไรที่นี่”
หลี่โม่ท่าทางนิ่งสงบ
เจ้าเจ็ดจางจัดการสักครู่ จากนั้นในใจก็รู้สึกผิดเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจะถูกหลี่โม่ดูออกว่านี่เป็นของปลอม
“พูดจามั่วซั่ว! นี่เป็นของแท้อย่างที่สุด ไม่เชื่อก็ให้สายงานเดียวกันทั้งหลายมาดูได้ มาดูว่าโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ขอเจ้าเจ็ดจางคนนี้เป็นของจริงมั้ย”
หลังจากที่เจ้าเจ็ดจางพูดจบสายตาก็มองไปยังเจ้าของคนอื่นๆ ในสายตาเต็มไปด้วยการร้องขอความช่วยเหลือ
เจ้าของพวกนี้ล้วนรู้จักกัน ที่ผ่านมาก็ร่วมมือกันอย่างดี เรื่องที่คล้ายกันนี้พวกเขาก็เคยทำมาไม่น้อย แน่นอนว่าครั้งนี้ก็ต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าเจ็ดจาง
“ฉันพิสูจน์ได้ ของๆเหล่าจางคนนี้เป็นของจริงแท้แน่นอน นั่นเป็นถึงราชาขโมยสุสานขุดมาจากสุสานใหญ่ราชวงศ์โจวตะวันตกเชียวนะ”
“โถเครื่องทองสัมฤทธิ์ตัวนี้ฉันเคยดูอย่างละเอียด ถ้าปลอมให้เปลี่ยนเลย เป็นของราชวงศ์โจวตะวันตกแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางเป็นของปลอมแน่ๆ”
“นายคงเพราะอยากจะหนีการชดใช้เลยมาพูดจามั่วแบบนี้ใช่มั้ย พวกเราเป็นคนนักธุรกิจวัตถุโบราณที่มีศีลธรรมคุณธรรม ไม่เคยทำเรื่องการขายของปลอมมาก่อน”
พวกเจ้าของต่างก็พูดคนละนิดคนละหน่อย ต่างก็ช่วยเจ้าเจ็ดจางทำการพิสูจน์รับประกัน
รอบด้านมีผู้คนมาล้อมดูไม่น้อย ต่างก็ถูกคำพูดของพวกเจ้าของหลอกลวง ในใจต่างก็เชื่อว่าคำพูดของเจ้าเจ็ดจางนั้นเป็นจริง
มีบางคนที่เคยซื้อของกับเจ้าเจ็ดจาง ก็ส่งเสียงช่วยพูดออกมาจากกลุ่มผู้คน
“อาทิตย์ก่อนฉันเคยซื้อของจากเหล่าจาง เหล่าจางไม่เพียงแต่เป็นคนดี สินค้าก็เป็นของแท้แน่นอน เคยซื้อเครื่องทองสัมฤทธิ์จากเขามาบ้างแล้วเอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญดู ผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร”
“ฉันเองก็เคยซื้อของจากเหล่าจาง หลังจากซื้อเสร็จก็เชิญให้เจ้าของร้านโรงเจียหยู้ถังดูให้แล้ว เจ้าของร้านก็บอกว่าเป็นของแท้ นิสัยของเหล่าจางก็ถือว่าสามารถรับประกันได้”
“ไอ้น้อง นายก็อย่าได้พูดจามั่วเพื่อจะหนีการชดใช้เลย ถ้านายชดใช้ไม่ไหว พวกเราสามารถรวบรวมเงินช่วยนายชดใช้ได้”
ฟังคำพูดรอบด้านต่างก็เอนไปทางเจ้าเจ็ดจาง สีหน้าของกู้หยุนหลันแย่ลง
ดึงแขนของหลี่โม่เบาๆ กู้หยุนหลันพูดเสียงเบาว่า “ไม่ก็เราชดใช้เงินแล้วไปกันเถอะ ทำให้เรื่องใหญ่คงจะไม่ดี คนพวกนี้ล้วนช่วยเขาพูดจากันทั้งนั้น”
“กลัวอะไร? ทำถูกต้องก็ไม่ต้องกลัวคนอื่น ในเมื่อนี่เป็นของปลอม แล้วทำไมฉันจะต้องชดใช้ให้เขาละ?”
หลี่โม่ถูกแผนการนี้ของเจ้าเจ็ดจางทำให้โมโห ตัดสินใจที่จะสั่งสอนเจ้าเจ็ดจางสักหน่อย