จักรพรรดิมังกร - บทที่ 597 แสดงฝีมือเล็กๆน้อยๆ
“คุณหนูฟางของผมเอ้ย ผมไม่ได้ขอร้องให้ตระกูลฟางของพวกคุณมาช่วยผมเก็บกวาดเรื่องเละเทะพวกนี้สักหน่อย ก่อนหน้านี้ผมก็บอกกับพวกคุณอย่างชัดเจนแล้ว เรื่องพวกนี้ผมเคลียร์เองได้ เป็นพวกคุณต่างหากที่อยากจะเข้ามาแทรกเอง”
เมื่อได้ยินหลี่โม่ตอบแบบนี้ ฟางรั่วเสว่ก็โมโหขึ้นมาในทันที เธอกำลังอยากจะเอ่ยปากต่อว่าหลี่โม่ แต่กลับถูกกู้หยุนหลนที่อยู่ด้านข้างห้ามไว้ก่อน
“พอแล้วๆ คุณหนูฟาง หลี่โม่ พวกนายทั้งสองคนพูดให้น้อยลงกันหน่อยเถอะ!”
กู้หยุนหลันรีบแยกตัวทั้งสองคนออก เพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาเกิดความขัดแย้งกัน
“ไม่ว่ายังไง พวกนายทั้งสองคนก็เป็นตัวแทนตระกูลฟางมาเข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักหยกในครั้งนี้ ตอนนี้พวกนายอยู่เรือลำเดียวกันแล้ว พวกนายจำเป็นต้องพยายามด้วยกัน แบบนี้ถึงจะสามารถโดดเด่นในงานการแข่งขันแกะสลักหยกได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นแบบนี้พวกนายก็เหมือนให้คนอื่นมาดูเรื่องตลกไม่ใช่หรอ?”
ฟังกู้หยุนหลันพูดแบบนี้แล้ว ทั้งสองก็ไม่พูดจาอะไรอีก แล้วหันหน้าออกไป ต่างก็ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายอีกแม้แต่นิดเดียว เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองโมโหเพิ่มขึ้น
เมื่อถึงสถานที่สมัครลงทะเบียน พบว่ามีคนเยอะมาก ถ้าหากว่าจะเข้าแถว คาดว่ารอจนถึงค่ำก็ยังไม่ถึงคิว ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่วิธีการที่มีการจดจำชื่อ ถึงตอนนั้นเพียงแค่ได้รับบัตรเชิญจากงานก็พอแล้ว ดังนั้นหลี่โม่จึงกลับบ้านไปเลย ฟางรั่วเสว่ไม่มีสิทธิ์ในการพูด จึงทำได้แค่เพียงกลับบ้านกับเขาและกู้หยุนหลัน
………….
ผ่านไปหลายวัน หลี่โม่และฟางรั่วเสว่มาถึงสถานที่ตั้งแต่เช้า ครั้งนี้ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการแข่งขันแกะสลักหยก แต่ความเป็นจริงแล้วก็ยังเป็นงานประมูลโบราณวัตถุ ถ้าไม่มีกำไรก็ไม่เริ่ม นักธุรกิจไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่ไม่ได้กำไร
เนื่องจากนี้สถานที่การจัดงานจึงเลือกจัดตั้งที่ศูนย์กีฬา ศูนย์กีฬาที่มีเซียวเลี่ยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
ในฐานะที่เป็นงานการแข่งขันแกะสลักหยกและงานประมูลครั้งใหญ่ที่มีเพียงปีละครั้ง การแข่งขันยังไม่ทันเริ่ม ในอาคารยิมเนเซียมก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายแล้ว งานจัดตั้งขึ้นที่ศูนย์กีฬาแบบปิดในส่วนตรงกลางของอาคารยิมเนเซียม หลี่โม่และฟางรั่วเสว่ต่อแถวที่หน้าประตูอยู่นานถึงจะได้เข้าด้านในโถงอาคาร
ในศูนย์กีฬานั้นก็มีคนนั่งอยู่จนเกือบเต็ม ในโถงอาคารยังแขวนป้ายผ้าขนาดใหญ่ไว้ด้วย ใช้สำหรับการถ่ายทอดสดของการแข่งขัน
ส่วนสถานที่สำคัญในการแข่งขันนั้นอยู่บนชั้นสองที่เป็นส่วนตัว โดยปกติแล้วที่นี่มีเพียงแค่บุคคลมีอำนาจที่ต้องการจัดงานเลี้ยงฉลองเท่านั้นถึงจะสามารถใช้งานได้ ความหรูหรานั้นไม่ธรรมดา
มองดูแขกรับเชิญคนสำคัญเดินขึ้นบนชั้นสอง หลี่โม่จึงพูดกับฟางรั่วเสว่อย่างอิจฉา
“ดูรายการถ่ายทอดสดในห้องโถงมันจะมีความหมายอะไรกัน สู้นอนดูทีวีฉายรายการในโรงแรมยังดีกว่าอีก ในเมื่อมาแล้วก็ต้องไปที่สถานที่จัดงานสิ”
ฟางรั่วเสว่ฉีกยิ้ม พูดด้วยสีหน้าอึดอัด
“ฉันเองก็อยากจะไปลองบรรยากาศในงานเหมือนกัน แต่ว่า…..พวกเราไม่มีบัตรเชิญนี่นา นี่มันก็ยากอยู่นะ….”
มองดูฟางรั่วเสว่ที่ไม่มีวิธี ในใจหลี่โม่คิดว่ายังไงก็ต้องพึ่งพาตัวเองสินะ
มองดูนาฬิกาทีหนึ่ง ระยะเวลาก่อนเริ่มการแข่งขันยังเหลืออีก 1 ชั่วโมง
หลี่โม่เอากระดาษปากกาที่พกพาติดตัวออกมา เขียนใบรายการหนึ่งยื่นให้กับฟางรั่วเสว่ สั่งเธอว่าจะต้องรวบรวมสิ่งของด้านในนี้ให้ครบภายในครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็กลับมาที่ศูนย์กีฬา
ฟางรั่วเสว่มองดูใบรายการ เขียนไว้แต่พวกอุปกรณ์เครื่องเขียน เธอไม่รับรู้อะไรเลย แต่ก็ยังไปหาซื้ออย่างเชื่อฟัง
ครึ่งชั่วโมงถัดมา…….
ฟางรั่วเสว่ถือเครื่องเขียนกลับมาถุงหนึ่ง ยื่นให้กับหลี่โม่ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกประตูศูนย์กีฬา และถามว่า
“หลี่โม่ ตอนนี้นายบอกฉันได้แล้วใช่มั้ยว่าซื้อของพวกนี้มาทำอะไร?”
หลี่โม่ยิ้ม แล้วล้วงเอาบัตรเชิญออกมาสองใบ
เมื่อฟางรั่วเสว่เห็นบัตรเชิญในมือของหลี่โม่ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ
“อ๊า! นายไปได้มาจากที่ไหนกัน ทีนี้พวกเราก็สามารถเข้าไปได้แล้ว ดีจังเลย!”
เห็นเพียงแค่หลี่โม่โบกมือด้วยสีหน้านิ่งเฉย จากนั้นก็ลากฟางรั่วเสว่กลับมาที่บนรถ
ฟางรั่วเสว่ถามขึ้นอย่างงุนงง
“ทำไมหรอหลี่โม่ พวกเราไม่เข้าไปงั้นหรอ?”
หลี่โม่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง เขาเอาสีหมึก จานสี พู่กันหัวใหญ่และเครื่องเขียนออกมาจากถุง แล้วก็พูดได้ด้วย
“ฉันได้บัตรเชิญมาแล้วจะไม่เข้าไปได้ยังไงกัน ประเด็นคือต้องแก้ชื่อบนบัตรเชิญนี้ก่อน ต้องให้เหมือนกับบัตรประจำตัวของพวกเราถึงจะผ่าน เธอไม่เห็นหรอว่าเมื่อกี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชั้นสองเอาบัตรเชิญและบัตรประจำตัวเทียบกันเพื่อตรวจสอบ แต่ว่าตัวอักษรของบัตรเชิญนี้ล้วนเป็นการพิมพ์ด้วยเลเซอร์ เวลาจัดการมีความยุ่งยากนิดหน่อย”
มองดูท่าทางของหลี่โม่ที่มีความมั่นใจ ฟางรั่วเสว่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ส่วนการกระทำของหลี่โม่ที่อยู่เบาะหลังก็เหมือนดั่งศิลปิน ทั้งผสมสีทาสีและเขียนตัวหนังสือ ขั้นตอนทั้งหมดทำเอาฟางรั่วเสว่สับสนไปหมด……
“ได้แล้ว! เรียบร้อย!”
หลี่โม่ดีดนิ้วทีหนึ่ง แล้วยื่นบัตรเชิญใบหนึ่งให้กับฟางรั่วเสว่
เมื่อฟางรั่วเสว่เปิดดู ในส่วนรายชื่อของแขกรับเชิญนั้นกลับเป็นการพิมพ์ชื่อของเธอไว้ แล้วยังดูไม่ออกถึงรอยของการแก้ไขสักนิด
ฟางรั่วเสว่อดไม่ได้ที่จะพูดชื่นชม
“ว้าว หลี่โม่มีฝีมือดีนี่!”
“เหอะ ก็แค่เรื่องง่ายๆเท่านั้นแหละ~”
หลี่โม่ยิ้มอย่างได้ใจ ยังไงซะในตอนที่เขาอยู่ที่ฉีเป่าจายก็ถือว่าทำการฝึกฝนวาดทำสำเนาของโบราณวัตถุมาไม่น้อย ถ้าเทียบกันแล้ว การแก้ไขปลอมแปลงตัวหนังสือเพียงไม่กี่ตัวในบัตรเชิญนั้นง่ายมากๆ เพียงแค่รู้ให้แน่ชัดว่าวัสดุของกระดาษและวิธีการพิมพ์ของตัวหนังสือก็พอแล้ว
ดังนั้น ทั้งสองเอาบัตรเชิญที่ทำการแก้ไขมายังชั้นสองของศูนย์กีฬา ยื่นบัตรเชิญและบัตรประจำตัวให้กับผู้ตรวจสอบพร้อมกัน และเข้าสู่งานอย่างราบรื่นมาก
เข้าสู่สถานที่การแข่งขัน เผชิญหน้ากับแสงไฟรอบด้านที่งดงาม ทิวทัศน์ที่หรูหรา และผู้คนที่มีราศีความสูงส่ง สามารถเป็นส่วนหนึ่งของพวกนี้ได้ เห็นได้ชัดเลยว่าฟางรั่วเสว่มีความตื่นเต้นนิดหน่อย
ภายใต้การนำพาของหลี่โม่ก็ไปนั่งยังโต๊ะหนึ่งที่มีที่ว่างอยู่ ได้ดื่มน้ำหนึ่งอึกแล้วฟางรั่วเสว่ถึงค่อยๆคุ้นเคยกับบรรยากาศที่แห่งนี้
แต่เมื่อหันไปมองหลี่โม่นั้นดูผ่อนคลายมาก นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วยังไขว้ขาไว้ และเอาโทรศัพท์ออกมาเล่นเกม
ฟางรั่วเสว่ที่ได้สติแล้วถึงได้นึกอะไรบางอย่างขึ้น และถามกับหลี่โม่ว่า
“ใช่สิ หลี่โม่ ฉันสงสัยอย่างหนึ่งมากๆ บัตรเชิญสองใบนี้นายไปได้มาจากไหนกัน?”
หลี่โม่เล่นเกมไปด้วยและพูดไปด้วย
“อ้อ บัตรเชิญงั้นหรอ ฉันขโมยอ๊า…..อ๊า! แพ้อีกแล้ว……”
บนหน้าจอขึ้นตัวอักษร “game over” หลี่โม่กลอกตาทีหนึ่ง แล้วก็เก็บโทรศัพท์
จากนั้นก้หันหน้าไปมองฟางรั่วเสว่ และพูดต่อ
“บัตรเชิญงั้นหรอ ฉันขโมยมาจริงๆนั่นแหละ เอิ่ม…..แต่ก็พูดได้ว่าฉันเก็บมา เมื่อกี้ฉันยืนอยู่หน้าประตูศูนย์กีฬา เห็นคนต่างชาติสองคนที่ในมือถือบัตรเชิญไว้ ดังนั้นฉันจึงไปเอาใบปลิวมาหนึ่งกองจากคนแจกใบปลิวข้างถนนมา จากนั้นก็แกล้งทำเป็นชนเข้ากับชาวต่างชาติสองคนนั้น และเห็นว่าบัตรเชิญในมือของพวกเขาปลิวออกไป ฉันจึงได้ทำใบปลิวในมือกระจายออกไป สุดท้ายฉันก็หาบัตรเชิญบนพื้นได้เร็วกว่าพวกเขา บัตรเชิญนั้นก็เลยกลายมาเป็นของฉันไง”
ฟังการอธิบายของหลี่โม่จนจบ ฟางรั่วเสว่ก็ยกนิ้วโป้งให้กับเขาทันที