จักรพรรดิมังกร - บทที่ 598 ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในวินาทีนั้น แสงไฟในพื้นที่ดับลง เหลือเพียงแสงไฟบนเวที….
ศูนย์กีฬา ห้องหรูชั้นสอง
แสงไฟในพื้นที่ดับลง สถานที่เดียวที่มีแสงไฟสาดส่องอยู่บนเวที กลายเป็นจุดเด่น
จากนั้นพิธีกรชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินขึ้นบนเวที หลังจากที่แจ้งขั้นตอนรายการแล้วก็ทักทายแขกผู้มาร่วมงานและแขกผู้เข้าการแข่งขัน แล้วก็เริ่มทำการแนะนำรายละเอียดการแข่งขันในครั้งนี้
รายละเอียดการแข่งขันแกะสลักหยกในครั้งนี้ได้ทำการแก้ไขนิดหน่อย แก้เป็นงานการตรวจชมโบราณวัตถุ เพื่อทำการวัดระดับการตรวจชมของปรมาจารย์
กฎกติกานี้ง่ายมาก : เครื่องใช้โบราณวัตถุที่ปรากฏในงานไม่ว่าจริงหรือปลอม ล้วนใช้ราคาในตลาดของแท้มาทำการประมูล เจ้าของสินค้าที่สามารถซื้อสินค้าของแท้ได้สามารถนำสินค้าการประมูลกลับไปได้
ส่วนเจ้าของสินค้าที่ซื้อโดนสินค้าเลียนแบบระดับสูง ถ้าหากว่าสามารถดูออกว่าสินค้าเป็นของปลอมก็สามารถเลือกยกเลิกได้ ส่วนค่าประมูลที่ได้มาจากการประมูลสินค้าจะทำการบริจาคเป็นการกุศลทั้งหมด
สามารถพูดได้ว่า แข่งขันว่าความสามารถการประเมินสินค้าและตรวจสอบความปลอมของใครนั้นเก่งกว่ากัน!
หลังจากที่ฟางรั่วเสว่ฟังพิธีกรพูดเกี่ยวกับกฎกติกาแล้ว ก็หันหน้าไปพูดกับหลี่โม่
“นี่ หลี่โม่ การแข่งขันครั้งนี้น่าสนใจเนอะ กล้ารวมของจริงกับของปลอมไว้ด้วยกัน จะบอกว่าเป็นการแข่งขันก็ไม่เหมือน จะบอกว่าเป็นการแข่งขันแกะสลักหยกก็ยิ่งไม่ใช่ ฉันเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย แต่ว่าใช้วิธีการแบบนี้มาเป็นการทำการกุศลก็ไม่เลวนะ ทั้งสามารถเพิ่มระดับความสามารถการแยกแยะของแท้ของปลอม แล้วยังเป็นการรับใช้สังคม ค่อนข้างมีความหมายดีนะ”
หลี่โม่ทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย คิดในใจว่า
ถึงแม้เรื่องการทำของลอกเลียนแบบในแวดวงโบราณวัตถุจะเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อย แต่ด้วยการปรับปรุงฝีมือการลอกเลียนแบบอย่างต่อเนื่อง
ทุกวันนี้ก็ยิ่งแยกแยะของแท้ของปลอมของโบราณวัตถุได้ยากมากขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้จัดตั้งการแข่งขันแกะสลักหยกในครั้งนี้ เซียวเลี่ยที่เป็นผู้มีประสบการณ์มากในวงการจะต้องรับรู้ถึงสิ่งนี้อย่างลึกซึ้งอยู่แล้ว
แต่ว่าก็ต้องชื่นชมความสามารถของเขา สามารถพัฒนาธุรกิจโบราณวัตถุและการกุศลไปพร้อมกันได้ทั้งสองอย่าง และได้ทั้งชื่อเสียงและกำไร ก็ถือว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ
หลังจากที่พักงานทำการจัดเตรียมเวทีเสร็จสิ้น การแข่งขันก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
พิธีกรแนะนำว่า ครั้งนี้มีสินค้าการประมูลทั้งหมด 12 ชิ้น ละจะทำการแบ่งเป็นสองรอบ
ในระหว่างการประมูล ผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้เครื่องเสนอราคาที่วางคู่อยู่กับที่นั่งมาใช้เพิ่มจำนวนเงิน สถานการณ์จริงของการประมูลสินค้าจะโผล่ขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่พร้อมกัน
ถ้าหากว่าหยุดที่ราคาไหนมากกว่า 20 วินาที สินค้าประมูลนี้ก็จะตกเป็นของผู้ที่เสนอราคาก่อนหน้า
การแข่งขันที่มีความทันสมัยแบบนี้หลี่โม่เพิ่งเคยเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ตามคำชี้แจงของพนักงานบอกว่าให้กดปุ่มตรงที่วางแขนของเก้าอี้ ด้านบนสุดของที่วางแขนก็จะเด้งเครื่องเสนอราคาออกมาตัวหนึ่ง
หึ ก็แปลกใหม่ดี~ หลี่โม่มองดูเครื่องเสนอราคาตัวเล็กประณีตที่อยู่ในมือ ในใจก็เพิ่มความรอคอยของการแข่งขันครั้งนี้มากขึ้น
ครั้งแรกมีสินค้าประมูล 8 ชิ้น แบ่งออกเป็นเครื่องหยก 4 ชิ้น และเครื่องลายคราม 4 ชิ้น
ถึงแม้ว่าสินค้าประมูลทุกชิ้นจะส่องประกายสะดุดตาภายใต้แสงไฟที่สาดส่องอยู่บนเวที แต่ก็ไม่มีชิ้นไหนจะรอดพ้นสายตาแหลมคมที่ทำการทดสอบของปรมาจารย์ตรวจสอบหยกและปรมาจารย์ของลอกเลียนแต่ละคนที่ด้านล่างเวที
สินค้าประมูลทุกชิ้นล้วนทำการเสนอราคาเพียง 2-3 ครั้งก็เสร็จสิ้น ทำให้การประมูลในครั้งแรกใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นัก แล้วก็ถึงเวลาพักผ่อนและรับชมการแสดง
ฟางรั่วเสว่ไม่ค่อยเข้าใจวงการนี้ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของการจบประมูลในครั้งแรกอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไปสอบถามหลี่โม่ที่อยู่ข้างกาย
“หลี่โม่ โบราณวัตถุที่ทำการประมูลเมื่อกี้ฉันว่าก็ไม่เลวนี่ โดยเฉพาะเครื่องลายครามพวกนั้นก็มีลวดลายที่สวยงาม ทำไมฉันดูแล้วผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ดูไม่ค่อยตื่นเต้นกันเลย เพราะสินค้าประมูลนี้ราคาสูงไปรึเปล่า? หรือว่าการแข่งขันก็เป็นแบบนี้แหละ?”
หลี่โม่เม้มปาก คิดสักพัก แล้วพูดว่า
“ที่ผู้คนไม่ค่อยตื่นเต้นเพราะว่าสินค้าประมูลมีความดึงดูดไม่มากพอ เธอดูคนในที่นี้ต่างก็ร่ำรวยและสูงส่งมาก ถ้าหากว่าเป็นของดีจริงก็แย่งกันตั้งนานแล้ว ความรู้สึกที่คิดว่าราคาสูงไปนั้นคงมีแค่คนจนแบบฉันถึงจะคิดแบบนั้น……”
หยุดกลืนน้ำลายทีหนึ่งแล้วหลี่โม่ก็พูดต่อ
“เมื่อกี้ในที่ขนย้ายสินค้าประมูลแต่ละชิ้นขึ้นเวที ที่หน้าจอต่างก็จะแสดงรายละเอียดของสินค้าประมูลทุกชิ้นไม่ใช่หรอ? หลังจากที่ฉันตรวจสอบดูแล้วสินค้าประมูล 6 ชิ้นที่มีรายละเอียดต่างกันไปเห็นถึงรอยการลอกเลียนแบบ มีเพียงแค่จี้หยกน้ำเต้าสีแดงและโถเครื่องลายครามที่มีลวดลายดอกโบตั๋นเท่านั้นที่มีโอกาสเป็นของจริง แต่ที่นอกเหนือความคาดหมายของฉันก็คือ สินค้าประมูลสองชิ้นนี้กลับไม่ได้สูงกว่าหกชิ้นอื่นๆมากเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะฉันเข้าวงการตื้นไปหน่อย ดูแล้วการแข่งขันครั้งนี้จะมีอัจฉริยะซ่อนไว้จริงๆ….”
ในสายตาของฟางรั่วเสว่ คนอย่างหลี่โม่ที่ถูกฟางฉีให้ความสำคัญจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ดังนั้นในตอนที่ได้ยินหลี่โม่พูดคำพวกนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าฟางรั่วเสว่มีความประหลาดใจมาก คิดในใจว่า สามารถทำให้หลี่โม่ไม่มั่นใจได้ งั้นการแข่งขันนี้จะมียอดฝีมือของแวดวงโบราณวัตถุมากแค่ไหนกันเชียว ตัวเธอเองจะต้องคว้าโอกาสนี้เรียนรู้อะไรบ้างสักหน่อยถึงจะถูก
ในขณะนี้ ชายหนุ่มผมทองที่นั่งโต๊ะเดียวกับหลี่โม่รับสายโทรศัพท์ พูดอย่างไม่พอใจว่า
“รู้อย่างนี้ฉันไม่มาตั้งแต่แรกแล้ว การแข่งขันนี้น่าเบื่อสุดๆ ของพวกนี้ไม่มีชิ้นไหนที่เป็นของดีเลย แล้วยังมีคนยอมเสียเงินซื้อด้วยนะ เข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ…..”
พูดไปไม่กี่ประโยค คงจะรู้สึกตัวถึงสายตาคนรอบข้างที่ผิดปกติ ชายหนุ่มผมทองจึงถือโทรศัพท์ ลุกขึ้นแล้วออกไปด้านนอก
ในใจหลี่โม่คิดว่า ไอ้หนุ่มนี่ช่างกล้าพูดจริงๆ แต่ว่าดูการแต่งตัวและน้ำเสียงการพูดของเขาแล้ว คงจะมีอำนาจอยู่บ้าง
ดังนั้น หลี่โม่จึงสอบถามกับชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างตัวเองถึงที่มาของชายหนุ่มคนนี้
ที่แท้ ชายหนุ่มผมทองคนนี้เป็นนายน้อยของโรงรับจำนำจู้ติ่ง มีนามว่าชุยเซิ่งจุน
เนื่องจากหลายปีมานี้นายใหญ่ของโรงรับจำนำจู้ติ่ง หรือก็คือชุยเซิ่งเทียนพ่อของชุยเซิ่งจุนสุขภาพไม่ดี ดังนั้นธุรกิจจึงค่อยๆส่งต่อให้กับชุยเซิ่งจุน
อย่ามองว่าไอ้หนุ่มคนนี้ดื้อรั้นนะ ไม่คิดเลยว่าจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ดูแลจัดการบริหารธุรกิจโรงรับจำนำจู้ติ่งได้อย่างดีภายใต้การสั่งสอนของพ่อเขา เนื่องจากนี้จึงค่อยๆมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงโบราณวัตถุ
จากที่ดูแล้ว การประเมินค่าของชุยเซิ่งจุนจะต้องมีความเก่งอยู่บ้างแน่นอน
หลี่โม่ใช้คำพูดของชุยเซิ่งจุนและการตรวจสอบดูสินค้าประมูลของตัวเองเชื่อมเข้าด้วยกัน หลังจากที่คิดวิเคราะห์แล้วก็ได้ผลสรุปหนึ่งออกมา
การประมูลในครั้งแรกของการแข่งขันนี้ล้วนเป็นการหลอกลวงทั้งนั้น!
จากที่บอกว่าเป็นการประมูล ให้บอกว่าทางผู้จัดตั้งกำลังทดสอบดูยังจะเหมาะสมกว่า เป้าหมายก็เพื่อใช้การประมูลและผลสรุปในรอบแรกมาทดสอบผู้เข้าแข่งขันในครั้งนี้ เพื่อดูระดับฝีมือความเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้จัดทำการประมูลสินค้าในรอบสองที่ดีกว่า เพื่อให้ฝ่ายผู้จัดตั้งได้รับผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น
ไม่เสียแรงที่เป็นเซียวเลี่ย การคิดวิเคราะห์ครั้งนี้ทำได้ดีจริงๆเชียว!
แต่ว่าดูจากปฏิกิริยาของรอบแรกแล้ว คุณภาพของผู้เข้าแข่งขันในรอบนี้ก็ถือว่าสูงมาก เพื่อให้สถานการณ์มั่นคง ในรอบสองเซียวเลี่ยจำเป็นต้องส่งออกสินค้าของแท้ไปบ้างแล้ว
เมื่อคิดอย่างนั้น หลี่โม่ก็มีความรอคอยต่อการแข่งขันนี้มากขึ้นอีกแล้ว
แต่ว่าการพักเบรกชมการแสดงก็นานมากไปหน่อยแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเซียวเลี่ยกำลังคิดแผนการอะไรอยู่รึเปล่าถึงได้จงใจยืดเวลาออกไป