จักรพรรดิมังกร - บทที่ 605 คลื่นลูกใหม่
“Bingo! ถูกต้อง! โอ้ นายดูออกได้ยังไง อย่ามาบอกว่าเดามั่วๆ นะ”
หลี่โม่ยิ้มบางๆ และชี้ไปที่รูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกร
“ดูลักษณะของพระแม่กวนอิมก็รู้แล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นพวกของที่มาจากต่างแดน ในบรรดาของพวกนั้น เหมือนกับรูปปั้นพระแม่กวนอิมฝูซางของคุณมาก ผมจึงดูออก”
การที่หลี่โม่รู้เรื่องพวกนี้ ต้องขอบคุณจางเหมิน
สองสามปีนี้ ผู้คนเริ่มสนใจโบราณวัตถุจากต่างประเทศเยอะมาก จางเหมินเห็นแนวโน้มนี้ จึงศึกษาลักษณะพิเศษของโบราณวัตถุจากต่างแดน ใช้ทักษะการปลอมแปลงที่เก่งกาจของเขา เพื่อสร้างของปลอมที่คล้ายคลึงกัน รวมไปถึงพวกของแกะสลัก เครื่องลายคราม อาวุธเป็นต้น อีกทั้งยังใช้จุดด้อยที่คนไม่รู้จักโบราณวัตถุจากต่างแดน มาสร้างเงินมหาศาลให้เขา และหลี่โม่ใช้ช่วงที่ได้คลุกคลีกับเขา ทำความเข้าใจกับพวกโบราณวัตถุต่างแดน
วันนี้ได้มาเห็นรูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกร ทำให้เขานึกถึงของปลอมต่างๆ นานา ที่จางเหมินทำขึ้น หลี่โม่จึงบอกที่มาของรูปปั้นนี้ได้
ชุยเซิ่งจุนคิดว่าการวิเคราะห์ของหลี่โม่แม่นมาก แต่เขายังไม่ได้คำตอบที่ตรงใจ ดังนั้นจึงเอ่ยว่า
“ไม่เลวนี่ นายพูดถูกเรื่องรูปปั้นพระแม่กวนอิม ยังมีอย่างอื่นอีกไหม”
เพิ่งพูดจบ หลี่โม่ก็ยื่นหน้าไปมองรูปปั้น และใช้มือสัมผัสพื้นผิวของรูปปั้น
หลังจากดูอย่างละเอียด หลี่โม่นั่งลงบนโซฟา และพูดว่า
“อืม……จากวัสดุ รูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกร ทำจากพลอยปะการัง แถมยังเป็นพลอยปะการังขนาดใหญ่ด้วย น่าจะมีอยู่แค่ในทะเลฝูซาง ที่มีปะการังสมบูรณ์ขนาดนี้ อีกอย่าง ลองดูฝีมือการแกะสลักสิ เป็นสไตล์ของนักแกะสลักที่ฝูซาง รายละเอียดที่จำเป็นจะถูกเก็บไว้อย่างสมบูรณ์แบบในการแกะสลัก และไม่มีการเติมแต่งที่มากเกินไป ให้ความรู้สึกลึกลับ เรียบง่ายและน่าเกรงขาม นี่เป็นลักษณะของชิ้นงานที่มาจากฝูซาง เป็นไงครับนายน้อยชุย ผมพูดถูกไหม”
ชุยเซิ่งจุนฟังหลี่โม่พูดจบ เขาก็ปรบมือและเอ่ยชม
“เยี่ยมมาก! คิดไม่ถึงว่านายจะรู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุต่างแดนด้วย ไม่เลวนี่!”
หลี่โม่โบกมือไปมา เขามองรูปปั้นตรงหน้า และพูดว่า
“แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ ของล้ำค่าแบบนี้ มาอยู่ในงานประมูลของเซียวเลี่ย เขาไม่เสียดายเหรอ”
“ไม่ๆๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เสียดายหรือไม่เสียดาย แต่เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้”
ชุยเซิ่งจุนพูดแบบนี้ มันน่าสนใจ เซียวเลี่ยทำธุรกิจเกี่ยวกับโบราณวัตถุ ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทียนหยวน มีของล้ำค่าในมือเขามากมาย จากการประมูลวันนั้น เขาไม่จำเป็นต้องใช้รูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกรแบบนั้น อย่าบอกนะว่ามีคนกำลังใช้มีดจี้คอ เพื่อข่มขู่เขา
หลี่โม่ตั้งข้อสงสัยกับคำพูดของชุยเซิ่งจุน
ชุยเซิ่งจุนจึงอธิบายว่า
“ใช่ ดูจากระดับของการประมูลนี้ มีของล้ำค่าที่เหนือความคาดหมายของคนออกมา ทุกคนรู้ถึงความขี้งกของเซียวเลี่ยดี ทำไมเขาถึงไม่เก็บรูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกรไว้เป็นสมบัติของตัวเอง แต่กลับเอามาประมูล ฉันมีรูปให้นายดู เดี๋ยวนายจะรู้”
พูดจบ ชุยเซิ่งจุนก็หยิบมือถือของตัวเองออกมา เขากดเปิดรูปและยื่นมือถือให้หลี่โม่
หลี่โม่รับมือถือมาดู จากนั้นก็เบิกตาโต
บนหน้าจอมือถือ เป็นรูปสองรูปที่เอามาประกบกันซ้ายขวา
รูปซ้ายเป็นรูปที่ชุยเซิ่งจุนให้หลี่โม่ดูเมื่อคืน เป็นรูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกร ที่อยู่ตรงหน้า
แต่สิ่งที่ทำให้หลี่โม่ตกใจ คือรูปด้านขวา
รูปด้านขวาเป็นรูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกรเหมือนกัน ถ้าพูดให้ถูกก็คือรูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกรคู่!
มังกรทั้งสองตัวลอยพันกัน ตรงกลางส่วนที่พันกัน มีพระแม่กวนอิมยืนตระหง่านอยู่
รูปปั้นพระแม่กวนอิม ไม่ว่าจะมองด้วยตาหรือผิวสัมผัส มันน่าทึ่งกว่าของชุยเซิ่งจุนเสียอีก!
เห็นพระแม่กวนอิมสององค์ในภาพ หลี่โม่ไม่รู้จะพูดอะไร เขาจึงถามว่า
“นี่……นี่มันอะไรกัน”
ชุยเซิ่งจุนยื่นมือมาลูบมังกรตัวใหญ่ในรูปปั้น จากนั้นจึงพูดว่า
“นายน่าจะดูออก รูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกรคู่ทางด้านขวา โดดเด่นกว่าของฉัน เรียกได้ว่าเป็นของล้ำค่ามาก……”
“อืม……อันที่จริง เมื่อเทียบกัน ก็จะเห็นความต่างอย่างชัดเจน คุณเอารูปมาให้ผมดู คุณคงไม่ได้จะบอกผมว่า……รูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกรคู่ในรูป ก็เป็นของเซียวเลี่ยเหรอ”
ชุยเซิ่งจุนหัวเราะร่า
“ฮ่าๆ ไม่เลว นายพูดถูกอีกแล้ว เซียวเลี่ยมีอุบายมากมาย!”
พูดพลางเขาก็เอามือถือมาจากมือหลี่โม่ และกดรูปของชายวัยกลางคน ที่ถ่ายด้วยกันสองคน และเอาให้หลี่โม่ดู
“คนแก่ที่นั่งอยู่ในภาพคือมิยาซากิ รนจิน เป็นนักแกะสลักโบราณที่มีชื่อเสียง รูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกรคู่ที่นายเห็นเมื่อกี้ เป็นผลงานของเขา ส่วนผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ชื่อมิยาซากิ ซูเฮย์ เป็นผู้สืบทอดฝีมือของเขา และเป็นลูกชายของเขาด้วย”
“พูดแบบนี้ งั้นรูปปั้นของนาย เป็นผลงานของลูกชายเขาเหรอ”
ชุยเซิ่งจุนพยักหน้า
หลี่โม่คิดในใจ มิน่าล่ะสไตล์ของชิ้นงานทั้งสอง ถึงคล้ายกันขนาดนี้ เกือบคิดว่าชุยเซิ่งจุนประมูลของปลอมมาแล้ว
ชุยเซิ่งจุนวางมือถือลง และชี้ไปที่รูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกร จากนั้นจึงพูดว่า
“ถึงมิยาซากิ ซูเฮย์จะสืบทอดฝีมือของพ่อ แต่ตอนนี้ฝีมือของเขา ก็ยังไม่ถึงระดับพ่อของเขา นายเปรียบเทียบจากรูปสองรูปก็จะดูออก เมื่อเทียบมิยาซากิ ซูเฮย์กับพ่อเขา แทนที่จะเรียกว่านักแกะสลัก ให้เรียกเขาว่านักธุรกิจจะดีกว่า จากข่าวที่ฉันได้ยินมา รูปปั้นทั้งสองชิ้นนี้ เซียวเลี่ยได้มาจากมิยาซากิ ซูเฮย์ และตอนนี้ทั้งสองคนเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ อย่างเช่นงานประมูลครั้งนี้ ฉันเห็นมิยาซากิ ซูเฮย์นั่งข้างเซียวเลี่ย ถ้าฉันเดาไม่ผิด เซียวเลี่ยคงใช้รูปปั้นนี้ เป็นกุญแจเปิดตลาดการค้าวัตถุโบราณจากต่างแดนอีกครั้ง”
คำพูดของชุยเซิ่งจุน ทำให้หลี่โม่มองเขาใหม่
ถึงนายน้อยชุยอายุยังน้อย แต่มีหัวการค้า ความคิดก็หลักแหลม
“ใช่ จากที่คุณพูด ก็เข้าใจได้เลยว่าทำไมเซียวเลี่ยถึงใจสปอร์ต เอารูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกร ออกมาประมูล ถ้าเป็นเช่นนี้ ตลาดการค้าโบราณวัตถุในประเทศ คงจะมีสินค้าจากต่างแดนทะลักเข้ามาเยอะอย่างแน่นอน……”
หลังจากที่วิเคราะห์กันครู่ใหญ่ หลี่โม่กับชุยเซิ่งจุนถึงได้ข้อสรุป
เซียวเลี่ยร่วมมือกับมิยาซากิ ซูเฮย์ เอารูปปั้นพระแม่กวนอิมมังกรมาเป็นเหยื่อล่อ เป้าหมายคือเปิดตลาดการค้าวัตถุโบราณจากต่างแดนอีกครั้ง เพื่อรับผลประโยชน์จากการนำโบราณวัตถุเข้ามา
ดูเหมือนจะมีคลื่นลูกใหม่ก่อตัวขึ้น ในวงการคนเล่นโบราณวัตถุแล้วล่ะ