จักรพรรดิมังกร - บทที่ 606 เจอการลอบสังหาร
ครั้งนี้หลี่โม่ถามอย่างอยากรู้มาก
“นายน้อยชุย ทำไมจู่ๆ ก็คุยเรื่องนี้ขึ้นมา คุณไม่ได้จะให้ผมเข้าไปทำงานในโรงรับจำนำจู้ติ่งใช่ไหม”
ชุยเซิ่งจุนหัวเราะร่า เขาพิงโซฟาและเอ่ยขึ้นว่า
“ฮ่าๆ นายคิดมากไปแล้ว นายไม่ได้เป็นความลับทางการค้าอะไร อีกไม่นาน พวกเขาจะประกาศเรื่องที่ร่วมมือทางการค้ากันแล้ว ฉันจะพูดอะไรกับนายได้อีกล่ะ ก็แค่คุยกันไปงั้นๆ นายอยากเข้ามาทำงานในโรงรับจำนำจู้ติ่ง เหรอ ถ้าใช่ ฉันจะเห็นแก่หน้านาย และช่วยจัดการให้”
หลี่โม่รีบยกมือปฏิเสธและส่ายหน้าทันที
“ไม่ๆๆ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น คุณไม่ต้องคิดให้เปลืองแรง……”
เมื่อคุยกันมาได้พักใหญ่ เหล่ากัวเรียกให้ทั้งสามคนมาทานข้าวเย็น
หลี่โม่ปลีกตัวออกมาไม่ได้ เพราะข้างนอกฝนกำลังตก จึงอยู่ดื่มเหล้าและคุยกับชุยเซิ่งจุนต่อ
เหล้าสองสามแก้วลงท้อง ชุยเซิ่งจุนกับหลี่โม่คุยกันอย่างออกรส
เมื่อกินเหล้าไปเรื่อยๆ หลี่โม่กับชุยเซิ่งจุนเมาได้ที่
เหล่ากัวพาชุยเซิ่งจุนกลับมาพักผ่อนที่ห้อง ส่วนฟางรั่วเสว่ประคองหลี่โม่มาในห้องรับรองแขก และเหวี่ยงเขาลงเตียง หลี่โม่หลับสนิท ส่วนฟางรั่วเสว่ก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง
กลางดึก……
ภายในห้องรับรองแขก หลี่โม่กรนเสียงดัง เขานอนหลับสนิท
ประตูห้องค่อยๆ เปิดออก เงาของใครบางคนเข้ามาในห้อง ท่ามกลางความมืด
ในมือมีมีดสั้นที่ส่องประกายแวววาว!
หลี่โม่เมาจนไม่ได้สติ เขาจึงไม่รู้ว่าความอันตราย กำลังคืบคลานเข้ามาหาตัวเอง
ไม่นาน เงาของใครบางคนมาอยู่ข้างเตียงหลี่โม่ เขาง้างมีดในมือขึ้นมา
ขณะนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า “หยุดนะ” จู่ๆ ไฟในห้องสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนที่ยืนเปิดไฟที่หน้าประตู คือฟางรั่วเสว่
เธอเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง กำลังยืนหันหลังให้ตัวเอง และทำท่าจะใช้มีดแทงหลี่โม่
แม้จะอยู่ภายใต้แสงไฟที่สว่างไสว ชายวัยกลางคนก็ไม่สนใจเสียงของฟางรั่วเสว่แม้แต่น้อย เขาง้างมีดในมือขึ้นสูง มีดกำลังจะพุ่งไปที่หน้าอกของหลี่โม่
ฟางรั่วเสว่หยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ โยนออกไปอย่างรวดเร็ว มันกระเด็นไปโดนข้อมือของชายวัยกลางคนพอดี และทำให้มีดในมือของเขากระเด็นออกไป
แต่โชคร้าย ที่เขี่ยบุหรี่ตกลงไปกระแทกบนหน้าผากหลี่โม่พอดี มีเสียงดังตามมา หลี่โม่ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
ฟางรั่วเสว่พุ่งเข้าไปทันที เธอพุ่งไปที่ข้างหลังของชายคนนั้น และล็อกข้อมือของเขาเอาไว้ เธอจะกดชายคนนั้นลงกับพื้น
แต่พละกำลังของชายคนนั้นเยอะมาก ขนาดฟางรั่วเสว่ล็อกข้อมือเอาไว้ เขาลากฟางรั่วเสว่มาอยู่ข้างตัว และสะบัดเธอออกไป ฟางรั่วเสว่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ้งหลุนๆ ออกไป
ฟางรั่วเสว่ยืนขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เธอเห็นใบหน้าชายคนนั้นชัดเจน ที่แท้เป็นเหล่ากัว!
เหล่ากัวไม่สนใจฟางรั่วเสว่ เขาจ้องไปที่หลี่โม่อีกครั้ง และใช้แรงบีบคอหลี่โม่ทันที!
ครั้งนี้หลี่โม่ตื่นเต็มตา เขามองเหล่ากัวที่กำลังบีบคอเขา อย่างตกใจและหวาดกลัว ฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังไม่หมด เขาจึงไม่มีแรงดิ้นให้หลุด
ฟางรั่วเสว่รีบเข้ามา เธอมาข้างหลังเหล่ากัว มือหนึ่งกอดเอวเขาเอาไว้ ส่วนอีกมือล็อกคอเขาเอาไว้ ใช้แรงดึงเหล่ากัวออกมา
ใครจะไปคิดว่าเหล่ากัวจะเหมือนคนคลั่ง ขนาดโดนฟางรั่วเสว่ล็อกคอเอาไว้จนตาแดง เขาก็ยังไม่ปล่อยมือที่บีบคอหลี่โม่อยู่
หลี่โม่โดนบีบคอจนหน้าแดง ขณะที่เขากำลังจะยอมแพ้ เขาเหลือบเห็นกำไลทับทิมแดง บนข้อมือของเหล่ากัว
แสงในห้องที่ส่องลงมา กำไลข้อมือมีสีแดงส่องแสงผิดปกติออกมา
หลี่โม่ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงใช้แรงเฮือกสุดท้าย กระชากกำไลบนข้อมือของเหล่ากัวออก
เม็ดทับทิมแดงบนกำไลกระจายเต็มพื้น จู่ๆ เหมือนเหล่ากัวไร้เรี่ยวแรง เขาปล่อยมือที่กำลังบีบคอหลี่โม่ และหงายหลังทับฟางรั่วเสว่ลงไปบนพื้น
“โอ๊ยๆๆ……ฉันเจ็บนะ……”
ฟางรั่วเสว่เอามือกุมหลังหัว และค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น เธอหันไปมองเหล่ากัวที่นอนสลบอยู่บนพื้น
“คิดไม่ถึงจริงๆ……คนที่ดูป่วยๆ อย่างเหล่ากัว จะแรงเยอะขนาดนี้……”
ตอนนี้หลี่โม่สูดหายใจ และใช้แรงลุกขึ้นจากเตียง
“แค่กๆๆๆ ยังดีที่สู้ได้ ไม่งั้นผมคงตายจริงๆ……แค่กๆ……”
หลังจากหลี่โม่กับฟางรั่วเสว่แน่ใจแล้วว่าต่างฝ่ายไม่เป็นอะไร จึงประคองเหล่ากัวที่สลบ ขึ้นไปนอนบนเตียง
ฟางรั่วเสว่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลี่โม่ฟัง
ตอนแรกหลี่โม่ไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อคิดถึงกำไลทับทิมแดง ที่ตัวเองกระชากออกไป เขาก็เข้าใจทันที
“อ้อ ขอบใจมากนะรั่วเสว่ ที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ผมคงไปเฝ้าเง็กเซียนแล้ว”
หลี่โม่เพิ่งจะนึกได้ ว่าต้องขอบคุณฟางรั่วเสว่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอ ที่มาทันเวลา
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะคุณหลี่ ปกป้องคุณเป็นหนึ่งในหน้าที่ของฉัน”
ฟางรั่วเสว่ยังคงหวาดระแวง
“แต่ทำไมตอนที่เหล่ากัวจะฆ่าผม เธอถึงมาทันพอดีล่ะ เธอรู้เรื่องมาก่อนเหรอ”
ฟางรั่วเสว่มาทันเวลา และช่วยหลี่โม่จากเหล่ากัวที่กำลังคลั่ง ตอนนี้เธอเป็นผู้มีพระคุณของเขา
หลี่โม่ซาบซึ้งใจมาก แต่ทว่าเขาเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ฟางรั่วเสว่มาช่วยเขาได้ทันเวลา นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงเหรอ
ราวกับฟางรั่วเสว่ไม่ได้ตกใจกับคำถามของหลี่โม่ เธอตอบอย่างเป็นปกติว่า
“คุณหลี่ ฉันไม่ได้รู้มาก่อนว่าจะเกิดเรื่องนี้ คุณยังจำตอนที่เราเพิ่งเข้ามาที่นี่ได้ไหม เหล่ากัวเป็นคนมาต้อนรับพวกเราใช่ไหม”
“ตั้งแต่ตอนนั้น ฉันรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่อธิบายไม่ถูก จนกระทั่งฉันเห็นสายตาที่เหล่ากัวมองคุณ แถมยังมีรอยยิ้มประหลาดอีกด้วย ฉันเลยแน่ใจว่าเขาต้องมีอะไรกับคุณแน่”
“พวกเราที่อยู่ในวงการนี้ รู้ถึงอันตรายรอบตัวได้รวดเร็ว บวกกับตอนที่คุณกับชุยเซิ่งจุนดื่มจนเมา ฉันเลยวางกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วเอาไว้หน้าประตู……”
พูดพลางฟางรั่วเสว่ก็หยิบอุปกรณ์ขนาดจิ๋ว ที่แตกเป็นชิ้นๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ดูเหมือนว่ามันจะแตกตอนที่ฟัดเหวี่ยงกับเหล่ากัว
“เฮ้อ……ยังดีที่มันไม่พัง”
ฟางรั่วเสว่หยิบเมมโมรี่การ์ดออกมาจากกองชิ้นส่วน และส่งให้หลี่โม่