จักรพรรดิมังกร - บทที่ 611 คำละสามแสน!
หลี่โม่มีสีหน้าสิ้นหวัง เดิมทีคิดว่าหาโรงเรียนของจางเสี่ยวหงเจอ ยังไงก็ต้องสืบอะไรได้ไม่มากก็น้อย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาไม่ได้อะไรกลับไปเลย
เกาหนิงเห็นท่าทีของเขา เหมือนสิ้นหวัง และกลุ้มใจมาก ทำให้เกาหนิงรู้สึกสงสัยขึ้นมา จึงถามว่า “หลี่โม่ คุณมีเรื่องสำคัญอะไรกับจางเสี่ยวหงหรือเปล่า”
“เฮ้อ ใช่ เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยล่ะ แต่ไม่สะดวกที่จะบอกนายนะสหาย” หลี่โม่ถอนหายใจออกมา และพูดขึ้น
มาถึงขั้นนี้แล้ว อธิบายเรื่องให้คนแปลกหน้าฟัง ในสถานการณ์ที่กดดัน ก็สามารถระบายความกดดันได้
เกาหนิงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหลี่โม่ เขาจึงพูดไปสองสามประโยค และไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเขาไม่ได้โง่ ที่จะเล่าความลับให้คนแปลกหน้าฟัง
อีกอย่าง ชีวิตของคนทนไม่ไหวกับบททดสอบหรอก
เขาพูดอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน จากนั้นเขาเตรียมบอกลาเกาหนิง เพราะเขาไม่ได้อะไรจากที่นี่
เขาระบายความกดดันออกมาเล็กน้อย สำหรับหลี่โม่ สรุปแล้วก็ยังถือว่าได้อะไรกลับไปบ้าง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมพอรู้ที่มาที่ไปของเรื่องแล้ว วันนี้ลำบากนายแล้ว แต่ผมอยากรบกวนนายอีกเรื่อง ถ้าจางเสี่ยวหงติดต่อหานาย รบกวนนายช่วยติดต่อผมด้วย นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ผมไม่ได้จะทำให้กลัวนะ”
“ได้ ถ้าเธอไม่ได้ติดต่อนาย เรียกเพื่อนละกัน ขอบใจมาก”
หลี่โม่หยิบกระดาษกับปากกา ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเขียนเบอร์โทรของตัวเอง ยื่นให้เกาหนิงอย่างสุภาพ เกาหนิงตกใจมาก จากนั้นจึงรับกระดาษมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แววตาของเกาหนิงวูบไหว และถามอย่างสับสน “หลี่โม่……คุณพูดจริงเหรอ นี่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงเหรอ”
เมื่อเห็นเขาสับสนกับเรื่องนี้ หลี่โม่จึงยิ้มอย่างเป็นมิตร เขาเข้าใจว่าเกาหนิงแค่สงสัย จึงถามเพราะหวังดี และไม่ได้สนใจอะไร
หลี่โม่พยักหน้า และพูดว่า “ใช่ นายไม่ต้องกดดันมาก ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ แน่นอนว่าถ้านายช่วยได้ อยากได้อะไร ถ้าผมสามารถช่วยได้ ผมก็จะช่วย……”
ประโยคสุดท้าย เขาพูดลอยๆ ออกไป เพราะเขาคิดว่า การที่เกาหนิงจะหาที่อยู่ของจางเสี่ยวหงมาได้ เป็นไปได้ยากมาก
“โอเค ในเมื่อคุยเสร็จแล้ว งั้นผมไม่รบกวนเวลาเรียนของนายแล้ว ผมไปก่อน ไว้เจอกัน”
หลี่โม่พูดจบ ก็เตรียมจะออกไป
ขณะเดียวกัน เกาหนิงตัดสินใจได้ เขากัดฟันและขยำกระดาษที่มีเบอร์โทรในมือ จากนั้นจึงเรียกหลี่โม่ “นี่ หลี่โม่ รอเดี๋ยว……”
หลี่โม่ชะงักฝีเท้า และหันไปอย่างสงสัย “มีอะไรหรือสหาย”
เกาหนิงจ้องหลี่โม่พักหนึ่ง จากนั้นจึงพูดว่า “ถึงผมจะไม่รู้ว่าจางเสี่ยวหงอยู่ไหน แต่มีใครบางคน ที่รู้เรื่องของจางเสี่ยวหงแน่นอน!”
“หืม?”
หลี่โม่ได้ยิน แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา เขาวิ่งกลับไปหาเกาหนิง มองเกาหนิงอย่างตื่นเต้นและกุมมือของเกาหนิงโดยไม่รู้ตัว เหมือนไม่สนใจเรื่องที่เกาหนิงปิดบังเขาก่อนหน้านี้
ไม่ว่ายังไง การที่เขาช่วยก็ถือเป็นน้ำใจ ถ้าเขาไม่ช่วยก็เป็นเรื่องของเขา
อีกอย่าง ถ้ามีคนแปลกหน้าโผล่มาถามเรื่องเพื่อนสนิทของตัวเอง ถึงเป็นหลี่โม่ก็ไม่บุ่มบ่ามบอกให้คนนั้นรู้หรอก
“ขอบใจนะเกาหนิง!”
หลี่โม่ดีใจมาก รอที่ฉีเป่าจายมาทั้งคืน กลับไม่ได้อะไรเลย ตอนแรกเขาคิดว่าการมาที่นี่ คงไม่ได้อะไรเหมือนกัน คำพูดของเกาหนิงเหมือนชุบชีวิตของเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“เอ่อ หลี่โม่ คุณไม่ต้องรีบขอบคุณผมหรอก ผมต้องถามคุณให้รู้เรื่องก่อน ว่ามาหาจางเสี่ยวหงทำไม ถ้าคุณมาทำร้ายเธอ ก็ไม่ต้องมาพูดกัน คนอย่างเกาหนิงไม่ใช่คนขายเพื่อน”
เกาหนิงพูดอย่างแน่วแน่
หลี่โม่พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขายิ้มและพูดว่า “แน่นอน ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี สหาย ผมจะเล่าให้ฟังแล้วกัน พ่อของจางเสี่ยวหงเป็นอาจารย์ของผม เธอนับได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของผม ช่วงนี้จู่ๆ อาจารย์ผมก็หายไป เมื่อคืนเสี่ยวหงโทรหาผมหลายสาย พอผมโทรไป กลับปิดเครื่อง ผมเลยคิดว่า เกิดอันตรายขึ้นกับเสี่ยวหงหรือเปล่า ผมเลยกังวลว่าเธอจะเกิดเรื่อง เพราะเธอเป็นรุ่นพี่ของผม ผมกังวลเรื่องรุ่นพี่”
“นายเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์นี้ใช่ไหมสหาย”
เกาหนิงได้ยินก็มึนงงไปหมด แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นนักเรียนหัวกะทิ ที่สอบเข้ามาในมหาวิทยาลัยเมืองฮ่าน เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว จริงๆ เขาขี้เกียจฟังเรื่องน่ารำคาญระหว่างหลี่โม่กับจางเสี่ยวหง ขอแค่เขารู้ว่าหลี่โม่ไม่ได้มุ่งร้ายกับจางเสี่ยวหงก็พอแล้ว
ทำไปทำมา
ก็ต้องอดทน
เขาพูดว่า “โอเค ผมพอเข้าใจคร่าวๆ แล้ว แต่สิ่งที่ผมจะพูดต่อ หวังว่าคุณหลี่จะเข้าใจ ถ้าอยากรู้เรื่องของจางเสี่ยวหง ต้องจ่ายมาสามแสน คำละสามแสน ว่ายังไง”
อะไรนะ!
หาที่อยู่ของจางเสี่ยวหง ต้องใช้เงินสามแสนเชียวหรือ!
แถมยังไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า
โอ้มายก๊อด นี่มันปล้นกันชัดๆ หลี่โม่คิดในใจ
สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น เขารู้สึกอาย เขาออกมาครั้งนี้ พกเงินสดติดตัวมาไม่กี่หมื่น ส่วนเงินอื่นๆ ก็เก็บไว้ที่กู้หยุนหลัน ขนาดเงินออมส่วนตัวของเขา ยังเก็บไว้ที่บ้านเลย
เรื่องที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้ หลี่โม่ไม่ได้บอกความจริงกับกู้หยุนหลัน ถ้าไปขอเงินสามแสนจากเธอตอนนี้ สามแสนเชียวนะ กู้หยุนหลันไม่เพียงแต่จะถามสาเหตุ อีกทั้งยังไม่ให้เงินสามแสนด้วย
จู่ๆ หลี่โม่ก็ลำบากใจ ขณะที่กำลังใช้ความคิด เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เมื่อกี้เกาหนิงพูดว่า มีอีกคนที่รู้เรื่องของจางเสี่ยวหง งั้นก็เท่ากับว่าให้เกาหนิงสามแสน ก็จะรู้ว่าคนนั้นคือใคร
ไม่แน่ ต่อไปอาจมีเรื่องต้องใช้เงินอีกเยอะ
ให้ตายเถอะ!
หลี่โม่อดสบถออกมาไม่ได้
แน่นอนว่าเงินสามแสนก็แค่เศษเงินสำหรับหลี่โม่ แต่ในตอนนี้เขาปากกัดตีนถีบมาก
เมื่อสังเกตท่าทีของหลี่โม่ เกาหนิงพบว่าเงินสามแสน น่าจะทำให้หลี่โม่ลำบากใจ แต่เขาคิดว่าจางเสี่ยวหงรวยมาก เป็นเศรษฐีเลยล่ะ แน่นอนว่าลูกศิษย์ของพ่อจางเสี่ยวหง ก็ต้องรวยอย่างแน่นอน
คนหัวการค้าอย่างเขา บางทีมันอาจเป็นแค่กลอุบายที่เขาต้องการลดเงินเท่านั้น
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เกาหนิงจึงตัดสินใจเด็ดขาด